บทที่ 3                                                
       หลักการบริหารและพัฒนาองค์การ

การบริหารงานบุคคล

การบริหารพัสดุ

การบริหารงบประมาณ

การบริหารการเปลี่ยนแปลง

เป็นกระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งกำลังคนที่
เหมาะสมกับงานและให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ตามเป้าหมายที่องค์การได้กำหนดไว้ รวมถึงการบำรุงรักษาทรัพยากรมนุษย์ที่มีประสิทธิภาพให้มีปริมาณเพียงพอ

วัตถุประสงค์ของการบริหารงานบุคคล

  1. เพื่อสรรหาและเลือกสรรบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถและความประพฤติดีเข้ามาทำงาน
    2.เพื่อใช้ประโยชน์ของบุคคลอย่างเต็มกำลังในการทำงาน
    3.เพื่อรักษาไว้ซึ่งบุคคลให้ทำงานกับองค์การนานๆ
    4.เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีของบุคคลกลุ่มต่างๆขององค์การ
    5.เพื่อพัฒนาทักษะและเสริมสร้างความสามารถของบุคลากรให้มีสมรรถภาพเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง

หลักการบริหารงานบุคคล
การบริหารงานบุคคล แบ่งได้เป็น ๒ ระบบ คือ
1.ระบบคุณธรรม (Merit System) เป็นระบบที่นิยม และช่วยให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารงานบุคคลมากที่สุด
วัตถุประสงค์ คือ ต้องการขจัดระบบอุปถัมภ์ ระบบคุณธรรมใช้หลักเกณฑ์ 4 ประการ คือ

  • หลักความเสมอภาค
  • หลักความสามารถ
  • หลักความมั่นคง
  • หลักการเป็นกลางทางการเมือง
    2.ระบบอุปถัมภ์ (Patronage System) เป็นระบบการบริหารงานบุคคล ยึดถือหลักพวกพ้อง เครือญาติ หรือมีผู้อุปการะ

กระบวนการบริหารงานบุคคล

1.การวางแผนกำลังคน
มีวัตถุประสงค์ ดังนี้
-เพื่อทำให้หน่วยงาน/องค์กรสามารถทำงานได้สำเร็จตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
-เพื่อให้บุคลากรแต่ละคนได้รับประโยชน์สูงสุดในการปฏิบัติงานในหน่วยงาน
-เพื่อให้มีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าทั้งระยะสั้นและระยะยาว ในการจัดคนไว้ทำงานทุกตำแหน่งและทุกระดับ
-เพื่อทำให้หน่วยงาน /องค์กรมีบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมบรรจุไว้ตรงกับความจำเป็นของงาน
กระบวนการวางแผนมี 3 ขั้นตอน คือ
1.การศึกษานโยบายและแผนขององค์กร
2.การตรวจสภาพกำลังคน
3.การพยากรณ์ความต้องการกำลังคน

2.การสรรหาบุคคล และการบรรจุแต่งตั้ง
เป็นกระบวนการที่ให้ได้มาซึ่งบุคคลที่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการมาใช้ประโยชน์ในหน่วยงาน สามารถสรรหาจาก 2 ทาง ดังนี้
1.การสรรหาจากภายนอกหน่วยงาน เช่น การเปิดรับสมัครบุคคลทั่วไป
2.การสรรหาจากหน่วยงานเดียวกัน เช่น การคัดเลือกเพื่อดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้น การผลิตพยาบาลให้กับหน่วยงาน /องค์กรของตนเอง
การบรรจุแต่งตั้งเข้าทำงาน
เมื่อสรรหาและคัดเลือกบุคลากรที่ต้องการแล้วจะดำเนินการบรรจุและแต่งตั้งหรือมอบหมายหน้าที่การงานให้ปฏิบัติ โดยให้ทดลองปฏิบัติงาน 6 เดือน เมื่อผ่านระบบการทดลองงานจะบรรจุแต่งตั้งเป็นพนักงาน หากไม่ผ่านการทดลองงาน จะงดบรรจุหรือแต่งตั้ง

3.การพัฒนาบุคลากร
เสริมสร้างบุคคลให้เกิดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาความรู้และเพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจ เกิดทักษะ หรือความชำนาญในการปฏิบัติงานให้เพิ่มขึ้น

  1. การฝึกอบรมทางด้านความรู้ (Knowledge Skill)
  2. การฝึกอบรมทางด้านเทคนิค (Technical Skill)
  3. การฝึกอบรมทางด้านมนุษยสัมพันธ์(Human Skill)
  4. การฝึกอบรมทางด้านความคิด (Conceptual Skill)

4.การธำรงรักษาบุคลากรการพยาบาล
เป็นการธำรงรักษาบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ ให้คงอยู่ในงานนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ และมีความยึดมั่นผูกพันกับองค์กร ใช้การเสริมสร้างแรงจูงใจในภายในการทำงานแก่บุคลากรพยาบาล
ประเภทของแรงจูงใจ
แรงจูงใจภายใน
-เกิดจากความทะเยอทะยาน ในความต้องการก้าวหน้าในอาชีพ
-ความสนใจ ที่ต้องการให้งานส าเร็จภายในเวลารวดเร็ว
-มีความคาดหวัง คำชมเชย หรือ บำเหน็จรางวัล
แรงจูงใจภายนอก
-เงินเดือน
-ความมั่นคงต่อการทำงานและโอกาสก้าวหน้าในอาชีพ
-สถานที่ทำงานมีสิ่งอำนวยความสะดวก มั่งคง ปลอดภัยผู้ร่วมงาน
-มีอิสระในการทำงาน การแสดงความคิดเห็นคำติชม รางวัล การทำโทษ

5.การประเมินผลการปฏิบัติงาน เป็นการดำเนินการเปรียบเทียบผลงานกับมาตรฐานที่กำหนดไว้ จำเป็นสำหรับผู้บริหารในการตัดสินใจมอบหมายงาน เลื่อนขั้น การบรรจุแต่งตั้ง พัฒนาบุคลากร
หรือโยกย้ายสับเปลี่ยนบุคลากรนั้นให้เหมาะสมกับงาน
หลักการพิจารณา 2 ส่วน
1.การประเมินผลการปฏิบัติงาน ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ
2.การประเมินคุณลักษณะของผู้ปฏิบัติงาน

ประเภทของการฝึกอบรม

  1. การฝึกอบรมก่อนเข้าทำงาน
  2. การอบรมปฐมนิเทศ จัดเพื่อต้อนรับ /แนะนำพนักงานใหม่ให้รู้จักองค์กร
    3.. การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติงาน
    4.การพัฒนาความก้าวหน้าในวิชาชีพ

ขั้นตอนการประเมินผลการปฏิบัติงาน
1.กำหนดวัตถุประสงค์ในการประเมินผลการปฏิบัติงาน
2.กำหนดแบบและลักษณะของงานที่จะประเมิน เขียนแบบประเมินและแบบบันทึก
3.กำหนดผู้ประเมินและการอบรมผู้ทำการประเมิน เพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกัน
4.กำหนดวิธีการการประเมินผลงาน
วิธีการประเมินผลการปฏิบัติงาน
1.วิธีการให้คะแนนตามมาตราส่วน
2.การประเมินตามค่าคะแนน
3.การประเมินผลที่เน้นผลการปฏิบัติงาน
-การประเมินตนเอง
-การบริหารโดยยึดวัตถุประสงค์
-การประเมินผลเชิงจิตวิทยา
-.ช้การประเมินหลายรูปแบบและมีผู้ประเมินหลาย
คน

วัตถุประสงค์การบริหารพัสดุ
-เพื่อควบคุมการใช้ทรัพยากรต่างๆ ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที
-เพื่อจัดหาพัสดุให้เพียงพอต่อการใช้อยู่ตลอดเวลา
-เพื่อประหยัดงบประมาณหรือเงินบำรุงในการจัดซื้อพัสดุ
-ง่ายต่อการตรวจสอบ ป้องกันทุจริต

ประเภทของพัสด
1.พัสดุประเภทสำนักงาน
2.พัสดุทางการแพทย์
3.พัสดุวิทยาศาสตร์
4.พัสดุยานพาหนะ
5.พัสดุงานบ้าน

ขั้นตอนการบริหารพัสดุ
1.วางแผน / กำหนดโครงการ
2.กำหนดความต้องการ
3.จัดหา จัดซื้อ จัดจ้าง
4.การแจกจ่าย
5.การบำรุงรักษา

  1. การจำหน่าย

หลักการบำรุงรักษาพัสดุ
-จัดทำสมุดทะเบียน
-การควบคุมดูแล การเบิกจ่าย
-จัดทำคู่มือบำรุงรักษา
-รายงานการส่งซ่อมอุปกรณ์

หมายถึง การวางแผนความต้องการด้านการเงินไว้ล่วงหน้าว่าจะทำกิจกรรมใด เมื่อใด และใช้โดยใคร มีระยะเวลาเงื่อนไขกำหนด

มาตรฐานการจัดการทางการเงิน
1.การวางแผนงบประมาณเริ่มจากการกำหนดแผนกลยุทธ์ของ
หน่วยงาน นำแผนกลยุทธ์มาจัดทำประมาณการรายจ่ายล่วงหน้า
2.การกำหนดผลผลิตและการคำนวณต้นทุน
3.การจัดระบบการจัดซื้อจัดจ้าง

  1. การบริหารทางการเงินและ การควบคุมงบประมาณ
    5.การรายงานทางการเงินและผลการดำเนินงาน
    6.การบริหารสินทรัพย์
    7.การตรวจสอบภายใน

การจัดระบบงาน
-กำหนดวัตถุประสงค์ของงาน
-กำหนดขอบเขตความรับผิดชอบ
-กำหนดอัตรากำลังและประเภทของเจ้าหน้าที่แต่ละระดับ
-กำหนดการติดต่อสื่อสาร
-จัดทำคู่มือปฏิบัติงาน
-การวางแผนการปฏิบัติงาน
-นโยบายด้านบุคลากร
-จัดหาเครื่องมือเครื่องใช้
-การบันทึกการรายงาน
-การเสริมความรู้ด้านวิชาการ
-มีการติดต่อประสานงานกับทีมสุขภาพทุกสาขาที่เกี่ยวข้อง
-มีการประเมินผล



ความสำคัญและประโยชน์ของงบประมาณ 1. ใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารหน่วยงาน
2.เป็นเครื่องมือในการพัฒนาหน่วยงาน

  1. เป็นเครื่องมือในการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดให้มีประสิทธิภาพ
  2. เป็นเครื่องมือกระจายทรัพยากร และเงินงบประมาณที่เป็นธรรม
  3. เป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์ งานและผลงานของหน่วยงาน

บทบาทของผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ
1.ต้องตระหนัก และเห็นความสำคัญของงบประมาณว่าเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการบริหารงบประมาณที่มีประสิทธิภาพ
2.จัดองค์กรและวางแผนการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับงบประมาณที่เป็นอยู่และให้มีการประสานงานกันในระหว่างหน่วยงานในองค์กร
3.จัดบุคลากร ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับงานงบประมาณ ที่ต่อเนื่องและมีข้อมูลในด้านต่างๆไว้พร้อม

  1. จัดเครื่องมืออุปกรณ์ที่จำเป็นในการบริหารงานงบประมาณไว้ครบถ้วน เพื่อให้การจัดทำงบประมาณเป็นไปด้วยความรวดเร็ว

บทบาทของบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ
1.เข้าใจบทบาทและอำนาจหน้าที่ของตนเองเป็นอย่างดีและมีเหตุผล
2.จัดระบบบริหารงบประมาณให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด เพื่อเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม

บทบาทขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ
1.จัดระบบงานและองค์กรให้มีสายการบังคับบัญชาในองค์กรที่แน่นอนพร้อมทั้งมอบอำนาจและความรับผิดชอบให้ไว้เพื่อให้งานงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
2.จัดให้มีการประสานงานกับในหน่วยงานขององค์กร ในการบริหารงบประมาณโดยเฉพาะงานงบประมาณและงานบัญชีการเงิน
3.จัดให้มีองค์กรกลางเป็นศูนย์รวมข้อมูลงบประมาณขององค์กร เพื่อใช้ประโยชน์ในการวางแผนงาน การบริหารงบประมาณ งานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกันในด้านข้อมูลที่ใช้

หมายถึง การจัดการกับเหตุการณ์ทั้งภายในและภายนอกองค์การ
เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเหมาะสม

รูปแบบของการเปลี่ยนแปลง

  1. การเปลี่ยนแปลงเชิงรุก (Proactive)
    เป็นการเปลี่ยนแปลงตนเองก่อนที่จะได้รับการเปลี่ยนแปลง
    จากผู้อื่น
    2.การเปลี่ยน แปลงเชิงรับ (Reactive)เป็นการถูกเปลี่ยนแปลงโดยผู้อื่น ตัวเองไม่ยอมที่จะเปลี่ยนแปลง หรือมีความคิดติดยึดในแนวทางเดิมๆ มานาน

ความสำคัญของการบริหารการเปลี่ยนแปลง
1.องค์การที่มีการบริหารการเปลี่ยนแปลงที่ดี จะปรับตัวได้ทันกับปัญหา และการท้าทายจากสภาพแวดล้อมได้

  1. ช่วยให้องค์การเห็นโอกาส และภัยคุกคามต่างๆ ที่เกิดขึ้น และ
    สามารถปรับการดำเนินงานเพื่อคว้าโอกาส และ หรือจัดการกับภัยคุกคามได้อย่างเหมาะสมและทันต่อเหตุการณ
    3.ช่วยให้การดำเนินงานขององค์การเป็นไปโดยราบรื่น ต่อเนื่อง
    ไม่ต้องติดขัด ชะงักงันโดยเฉพาะในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลง
    4.ช่วยให้องค์การไม่สับสน วุ่นวาย ระสำ่ระสาย เมื่อต้องเผชิญ
    กับความจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนการดำเนินงาน
    5.ช่วยให้องค์การได้ปรับปรุงตัวเองอย่างต่อเนื่องในด้านต่างๆ
    และจะช่วยให้มีการนำศักยภาพที่มีอยู่ในองค์การมาใช้ได้อย่างคุ้มค่า

องค์ประกอบของการเปลี่ยนแปลงในองค์การ
1.เทคโนโลยี (Technology) หมายถึงอุปกรณ์ เครื่องจักร เครื่องมือ รวมถึงระเบียบกรรมวิธีปฏิบัติงานกับเครื่องจักร
2.ระเบียบสังคม (Social Order) หมายถึงการจัดระเบียบ โครงสร้างของกลุ่ม สถาบัน บรรทัดฐาน ระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ ในองค์การทั้งที่กำหนดไว้อย่างเป็นทางการ และที่ไม่เป็นทางการ
3.อุดมการณ์ (Ideology) หมายถึง ความเชื่อ ค่านิยมสูงสุด ที่เป็นตัวกำกับทิศทางแบบแผนของพฤติกรรมในองค์การ

ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง
-แรงต่อต้าน การต่อต้านการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเสมอ เมื่อจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง
-แรงเสริม ปัจจัยที่มักพบว่าเป็นแรงเสริมที่ช่วยผลักดันการเปลี่ยนแปลงในองค์การ


การขั้นตอนการบริหารการเปลี่ยนแปลง
1.การวางแผนการเปลี่ยนแปลง (Planning for Change)

  1. การนำแผนการเปลี่ยนแปลงไปสู่การปฏิบัติ (Implementing Change)
    3.การติดตามประเมินผล และรักษาผลการเปลี่ยนแปลง
    (Evaluating and Maintaining Change)