Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเตรียมและช่วยเหลือมารดาทารก ที่ได้รับการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษ -…
การเตรียมและช่วยเหลือมารดาทารก
ที่ได้รับการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษ
Biophysical Assessment
การนับลูกดิ้น
การที่ลูกดิ้นน้อยลง
ทารกอยู่ในภาวะอันตราย มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิต ดังนั้นถ้ามารดาพบว่า ทารกดิ้นน้อยลง หรือหยุดดิ้น ให้มาพบแพทย์ทันที และควรมีการบันทึกการดิ้นของทารกในแต่ละวัน
วิธีนับลูกดิ้น
Cardiff count to ten
ซึ่งนิยมให้นับในช่วงเช้า 8.00-12.00 น
ถ้ามีความผิดปกติ ในตอนบ่ายให้มาพบแพทย์ทันที
นับจำนวนเด็กดิ้นจนครบ 10 ครั้ง ในเวลา 4 ชั่วโมง
ข้อดี
คือถ้ามีปัญหาจะสามารถให้การดูแลได้ทันท่วงที
daily fetal movement record (DFMR)
ถ้าน้อยกว่า 3 ครั้งต่อชั่วโมง แปลผลว่าผิดปกติ
ถ้านับต่ออีก 6-12 ชั่วโมงต่อวัน รวมจำนวนครั้งที่ดิ้นใน 12 ชั่วโมงต่อวัน ถ้าน้อยกว่า 10 ครั้ง ถือว่าผิดปกติ
การนับลูกดิ้น 3 เวลาหลังมื้ออาหาร ครั้งละ 1 ชั่วโมง
Count to ten
มารดาสามารถเลือกเวลาที่สะดวกตอนไหนก็ได้ หรือเวลาที่ทารกดิ้นเยอะในช่วงเย็นก็ได้ โดยไม่จำเป็นทำหลังรับประทานอาหาร
ถ้านับลูกดิ้นไม่ถึง 10 ครั้ง แปลผลว่า ผิดปกติ
การนับการดิ้นของทารกในครรภ์ให้ครบ 10 ครั้ง ในช่วงเวลา 2 ชั่วโมงต่อกัน ในท่านอนตะแคง
Ultrasound
ข้อบ่งชี้
ด้านมารดา
ตรวจดูภาวะแฝดน้ำ / น้ำคร่ำน้อย
ตรวจในรายสงสัยครรภ์ไข่ปลาอุก
ตรวจดูตำแหน่งที่รกเกาะ
ใช้วินิจฉัยการตั้งครรภ์นอกมดลูก
ใช้วินิจฉัยการตั้งครรภ์ที่มีความผิดปกติ
การตั้งครรภ์ที่มีห่วงอนามัยอยู่ด้วย
ใช้วินิจฉัยการตั้งครรภ์ในระยะเริ่มแรก
เพื่อดูความผิดปกติ เช่น ก้อนเนื้องอกที่อุ้งเชิงกราน
ตรวจดูตำแหน่งที่เหมาะสมก่อนทำ amniocentesis
ด้านทารก
เพื่อวินิจฉัยภาวะทารกตายในครรภ์
เพื่อดู lie position และส่วนนำของทารกในครรภ์
ตรวจดูความผิดปกติของทารกในครรภ์
เพื่อตรวจดูการหายใจของทารกในครรภ์ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ (IUGR)
เพื่อตรวจดูจำนวนของทารกในครรภ์
ดูการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ หรือคาดคะเนอายุครรภ์
แนวทางการตรวจ
ประเมินอายุครรภ์และการเจริญเติบโตของทารก
ตรวจ 4- chamber view ของหัวใจทารก
ปริมาณน้ำคร่ำ
ตรวจลักษณะทางกายวิภาคของทารก
ดูลักษณะและตำแหน่งของรก
ดูจำนวนและการมีชีวิตของทารก
การใช้คลื่นเสียงที่มีความถี่สูง ผ่านผิวหนังเข้าไปเนื้อเยื่อที่ต้องการตรวจดูขนาด ขอบเขต รูปร่าง การเคลื่อนไหวของอวัยวะ
การแปลผล
Femur length : FL
ความยาวของกระดูกต้นขา
วัดจากส่วนหัวกระดูก-ปลายแหลมของปลายกระดูก
ควรวัดก่อนอายุครรภ์ 24 สัปดาห์
Biparietal diameter : BPD
การคำนวณจะแม่นยำสุด คือ ช่วง 14 - 26 สัปดาห์ คำนวณอายุครรภ์โดยประมาณ คือ BPD (ซม) X 4 สัปดาห์
อาศัยจุดสัมพัทธ์ คือ เป็นระดับ BPD ที่กว้างที่สุด
เส้นผ่าศูนย์กลางของส่วนที่ยาวที่สุดของศีรษะของทารก
Head cicumference : Hc
นำมาใช้ประเมินอายุครรภ์ในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของการตั้งครรภ์
การวัดเส้นรอบวงศีรษะ
Crown-rump lerght : CRL
อายุครรภ์ 7-14 week
ความยาวตั้งแต่ศีรษะถึงส่วนล่างสุดของกระดูกไขสันหลัง
Gestational Sac : GS
อายุครรภ์ 5 -7 week
ใช้ยืนยันการตั้งครรภ์ ใช้ในการหาอายุครรภ์
วัดเส้นผ่าศูนย์กลางของถุงการตั้งครรภ์ ทั้ง 3 แนวคือ กว้าง ยาว สูง
Abdominal circumference : Ac
วัดยาก ไม่ค่อยนิยม
เส้นรอบท้อง
Fetal Biophysical profile (BPP)
4 ตัวแปร (การหายใจ, การเคลื่อนไหว, แรงตึงตัวของกล้ามเนื้อ , การเต้นของหัวใจทารก) ร่วมกับ การวัดปริมาณน้ำคร่ำอีก 1 ตัวแปร
การประเมินสุขภาพทารกในครรภ์ โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงตรวจวัดการเคลื่อนไหวของอวัยวะต่างๆของทารก
ที่ถูกกระตุ้นและควบคุมด้วยระบบประสาทส่วนกลาง (Biophysical activity)
วิธีการตรวจ
กำหนดค่าคะแนนของแต่ละข้อมูล ข้อละ 2 คะแนน
เมื่อพบว่าปกติให้ 2 คะแนน และให้ 0 คะแนน เมื่อพบว่าผิดปกติ
ใช้ Ultrasound ตรวจวัดข้อมูล 5 ตัวแปรที่ต้องการ
เตรียมหญิงตั้งครรภ์ในท่านอน Semi-fowler ตะแคงซ้ายเล็กน้อย
เกณฑ์ปกติ คะแนน =2 สังเกตนาน 30 นาที
แรงตึงตัวของกล้ามเนื้อ
เหยียดตัว กางแขนขา และหดกลับอย่างรวดเร็ว หรือกำและคลายมือ อย่างน้อย 1 ครั้ง
การเต้นของหัวใจทารกในครรภ์
NST ได้ผลปกติ
การเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์
ขยับตัวหรือเคลื่อนไหวแขนขาอย่างน้อย 2 ครั้ง
ปริมาณน้ำคร่ำ
ตรวจพบโพรงน้ำคร่ำอย่างน้อย 1 แห่ง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางอย่างน้อย 2 cm.
การหายใจของทารกในครรภ์
หายใจต่อเนื่องอย่างน้อย 20 วินาที อย่างน้อย 1 ครั้ง
การแปลผล
คะแนน 4 คะแนน
แสดงว่า
มีภาวะขาดออกซิเจนเรื้อรัง
คะแนน 6 คะแนน
แสดงว่า
มีภาวะเสี่ยงต่อการขาดภาวะออกซิเจนเรื้อรังของทารก
ควรตรวจซ้ำใน 4-6 ชั่วโมง
คะแนน 0-2 คะแนน
แสดงว่า
มีภาวะขาดออกซิเจนเรื้อรังอย่างรุนแรง
ควรให้มีการคลอดโดยเร็ว
คะแนน 8-10 คะแนน
แสดงว่า
ปกติ
ไม่มีภาวะเสี่ยงควรตรวจซ้ำใน 1 สัปดาห์
Biochemical Assessment
Amniocentesis
วิธีการเจาะ
ทำโดยวิธีการปราศจากเชื้อ เจาะโดยใช้เข็มขนาดเล็กเจาะผ่านหน้าท้อง และผนังมดลูกเข้าสู่ถุงน้ำคร่ำ มาส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ทำเมื่ออายุครรภ์ 16-18 สัปดาห์
การตรวจวินิจฉัยก่อนคลอดโดยเจาะน้ำคร่ำ เพื่อตรวจโครโมโซมทารกในครรภ์ที่ผิดปกติ
ภาวะแทรกซ้อน
การติดเชื้อในถุงน้ำคร่ำ
กลุ่มเลือด Rh negative
มารดาสร้างภูมิต้านทานต่อเม็ดเลือดแดงของทารกในครรภ์
ปวดเกร็งเล็กน้อยบริเวณท้องน้อย
คำแนะนำหลังการเจาะ
พักหลังจากการเจาะ1 วัน
ควรงดการออกแรงมาก
ยกของหนัก ออกกำลังกาย
งดการร่วมเพศ อีก 4-5 วัน
ไม่ควรเดินทางไกลภายใน 7 วันหลังการเจาะน้ำคร่ำ
ควรสังเกต หากพบอาการเหล่านี้ควรมาพบแพทย์
ไข้ภายใน 2 สัปดาห์
มีน้ำหรือเลือดออกทางช่องคลอด
ปวดเกร็งหน้าท้องมาก
บทบาทของพยาบาล
จัดเตรียมอุปกรณ์ให้สะอาดปราศจากเชื้อ
ภายหลังเจาะให้นอนหงาย กดแผลหลังจากเอาเข็มออก ประมาณ 1 นาที และปิดแผลด้วยพลาสเตอร์
ดูแลจัดท่า วัดความดันโลหิต และฟังเสียงหัวใจของทารก
ฟังเสียงหัวใจทารกทุก 15 นาที จนครบ 1 ชั่วโมง
ดูแลให้ปัสสาวะเพื่อให้กระเพาะปัสสาวะว่าง
• วัด Vital signs 2 ครั้ง ห่างกัน 15 นาที
Amniotic fluid analysis
การดูสีของน้ำคร่ำ
มีสีของขี้เทาปนหรือไม่
Thik Meconium
Thin meconium
Amniotic fluid clear
มีเลือดปน ใสหรือขุ่น
ตรวจหาค่า L/S ratio (Lecithin Sphingomyelin Ratio)
เพื่อดู lung maturity
สัดส่วนของ L/S จะเท่าๆกัน จนกระทั่ง 30 สัปดาห์ หลังจากนั้น sphingomyelin จะเริ่มคงที่ ขณะที่ lecithin จะเพิ่มขึ้น
ค่าปกติของ L/S rotio
อายุครรภ์ 26-34 สัปดาห์ ค่า L / S ratio = 1:1
อายุครรภ์ 34-36 สัปดาห์ ค่า L จะเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ S จะมีปริมาณลดลงเล็กน้อย ทำให้ ratio สูงขึ้น เปลี่ยนเป็น 2:1
26 สัปดาห์ แรกของการตั้งครรภ์ ค่า S > L
L / S ratio > 2 แสดงว่าปอดทารกสมบูรณ์เต็มที่ โอกาสเกิด RDS ต่ำ
เพื่อตรวจดูความสมบูรณ์ของปอด
Shake Test
วิธีการทำ
เติม normal saline Solution ในหลอดที่ 2 , 3 , 4 และ 5 ทำให้ส่วนผสมเป็น 1 cc ทุกหลอด
เติม Ethanol 95 % ทุกหลอดเขย่านาน 15 วินาที ทิ้งไว้นาน 15 นาที
ใช้หลอด 5 หลอด ใส่น้ำคร่ำจำนวน 1 cc , 0.75 cc , 0.5 cc , 0.25 cc และ 0.2 cc ตามลำดับ
การทดสอบความสมบูรณ์ของปอดทารกในครรภ์ โดยใช้หลักการของความสามารถในการคงสภาพของฟองอากาศของสารลดแรงตึงผิวของปอด (Surfactant)
การแปลผล
ถ้าพบฟองอากาศ 2 หลอด แรก ได้ผล intermediate ปอดทารกยังไม่เจริญเต็มที่
ถ้าพบฟองอากาศเพียงหลอดเดียวหรือไม่พบเลย แสดงว่าได้ผลลบ แสดงว่าการทดสอบปอดทารกยังเจริญไม่เต็มที่
ถ้าพบว่ามีฟองอากาศเกิดขึ้น 3 หลอดแรกแสดงว่าได้ผลบวก ปอดของทารกเจริญเต็มที่
ถ้าได้ลบ ควรตรวจหาค่า L/S ratio ต่อไป เพราะอาจเป็นผลลบลวง false negative แต่ผลบวกลวงพบได้น้อย
Fetoscopy
การส่องกล้องดูทารกในครรภ์ หรือเรียกว่า laparo amnioscope สอดเข้าไปในถุงน้ำคร่ำโดยผ่านผนังหน้าท้องของหญิงตั้งครรภ์เพื่อดูความผิดปกติของทารก
ขั้นตอนการทำ
ตรวจสอบ FHS ก่อนและหลังทำ
ใช้ ultrasound เป็นตัวช่วยในการทำ
งดน้ำงดอาหารก่อนทำ 6-8 ชั่วโมง
ต้องตรวจสอบปริมาณน้ำคร่ำหลังทำ
คำแนะนำ
งดการทำงานหนัก 1 – 2 สัปดาห์ เนื่องจากอาจมีอาการปวดท้อง
ภาวะแทรกซ้อน
เลือดออกทางช่องคลอด
ติดเชื้อน้ำคร่ำรั่วอย่างรุนแรง
เลือดแม่กับเลือดลูกปนกัน
แท้งบุตร 12 %
Alpha fetoprotein (AFP)
การตรวจเลือดมารดา ดูค่าโปรตีนที่สร้างมาจากรก ใช้ค่านี้ในการตรวจสอบความผิดปกติของรก และเนื้อเยื่อที่เกี่ยวข้องกับรก ระยะเวลาในการตรวจ 16-18 wks
ค่าปกติ AFP 2.0 – 2.5 MOM (Multiple of median)
ค่า AFP สูงขึ้นหลังจากสัปดาห์ที่ 15 ของการตั้งครรภ์ แสดงว่าทารกมีความผิดปกติของ open neural tube anencephaly myelomeningocele , Spinabifida, congenital nephrosis, esophageal atresia, Turner’s syndrome หรือทารกตายในครรภ์
ค่า AFP ต่ำ สัมพันธ์กับ Down’ syndrome
Cordocentesis
การเจาะดูดเลือดจากหลอดเลือดสายสะดือ
โดยทั่วไปเจาะจากหลอดเลือดดำ เนื่องจากการเจาะหลอดเลือดแดงจะกระตุ้นให้เกิดหลอดเลือดหดรัดตัว หัวใจทารกเต้นช้าลง
Percutaneuos umbilical blood sampling or cordocentesis
ทำช่วงขณะอายุครรภ์ 18 สัปดาห์
Chorionic villous sampling
ไม่สามารถตรวจพบภาวะเยื่อหุ้มไขสันหลังปิดไม่สนิทที่เรียกว่า Spina Bifida ได้
การดูดเอาตัวอย่างของรกเด็กมาตรวจหาความผิดปกติของโครโมโซม สามารถบอกความผิดปกติของโครโมโซม เช่น Down's syndrome ความพิการแต่กำเนิด และ Anencephaly
ทำช่วง 10-13 wks ไม่ควรทำก่อนอายุครรภ์ 10 สัปดาห์ เพราะเพิ่มอัตราการเกิดทารกพิการแบบ limb reduction defect