การใช้ตนเองเพื่อการบำบัดและการสร้างสัมพันธภาพและการสื่อสารเพื่อการบำบัด

การใช้ตนเองเพื่อการบำบัด

พยาบาลจิตเวชต้องใช้ตนเองเป็นเครื่องมือโดยสำคัญ

ใช้ความเป็นตัวตนบุคคลอย่างมีสติ

ต้องมีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับผู้ป่วยตลอดเวลา

มโนมติพื้นฐาน 3 ประการ

มีเป้าหมายเพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยให้มีความคิดการกระทำที่เหมาะสม

เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู้โลกของความเป็นจริง

ช่วยให้ผู้ป่วยเกิดการตระหนักรู้ในตนเอง ยอมรับตนเอง

ผู้ป่วยต้องกลับมาอยู่ในขอบเขตความเป็นจริง

อัตตาหรือความเป็นตัวตนของตนเอง (Self)

ร่างกาย

ค่านิยม

ความเชื่อ

พฤติกรรม

ความรู้สึก

ความคิด

อัตมโนทัศน์(self concept)

ตัวตนด้านร่างกาย(physsical self)

รู้จักตนเองทางสรีรภาพตามความเป็นจริง

เตี้ย-สูง

อ้วน-ผอม

ขาว-ดำ

ตัวตนส่วนบุคคล(personal)

ความคาดหวัง

การยอมรับนับถื้อตนเอง

ความสม่ำเสมอแห่งตน

ศีลธรรมจรรยา

ความตระหนักรู้ในตนเอง(Self awareness)

ในฐานะบุคล

ในฐานะวิชาชีพ

ความรู้สึก

ความคิด

เจตคติ

ความต้องการ

การสร้างสัมพันธภาพ

การสื่อสารเพื่อการบำบัด

ความทุ่มเทในวิชาชีพ

ทัศนคติต่อวิชาชีพ

ระดับความจริงใจ

สัมพันธภาพ

ความรู้และทักษะทางการพยาบาลผู้ป่วยจิตเวช

1.ระยะก่อนสนทนา (Pre interacting phase)

เป็นช่วงเวลาที่พยาบาลได้รับมอบหมายให้เข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วย โดยสร้างสัมพันธภาพ

คุณสมบัติ

บุคคลทุกคนมีคุณค่า (Positive regard)

ไม่ตัดสินผู้อื่น (Nonjudgmental)

ความอดทน(Endurance)

กิจกรรมการพยาบาล

ให้ความเคารพ(Respect)

ให้การยอมรับ(Unconditioning positive regard)

ท่าทีอบอุ่น (Warmth)

เข้าใจความรู้สึก(Empathy)

ความจริงใจ(Genuine)

ความสอดคล้อง(Conguency)

เตรียมตัวให้ชัดเจนในด้านเป้าหมายของการสร้างสัมพันธภาพ

มีความรู้(Knowledge)

เชื่อถือได้(Trustworthiness)

การเปิดเผยตนเอง(Self-disclosure)

วางแผนการสนทนาในแต่ละครั้ง

ศึกษาข้อมูลเบื้องต้นของผู้ป่วยเกี่ยวกับแผนการรักษาที่ผ่านมา ปัญหาที่เคยเกิด ภูมิหลังบางประการ

ตรวจสอบสภาพร่างกายและจิตใจของตนเองให้มีความพร้อมในด้านแนวคิด และความรู้สึกในการเข้าไปสร้างสัมพันธภาพกับผู้ป่วย

  1. ระยะเริ่มต้นของสัมพันธภาพ (initiating phase)

เป็นระยะที่พยาบาลและผู้ป่วยพยายามทำความรู้จักกัน เริ่มเมื่อพยาบาลเจอผู้ป่วยครั้งแรก สิ้นสุดเมื่อผู้ป่วยสามารถสำรวจตนเองและบอกปัญหาได้ สิ่งที่ต้องการให้เกิดในระยะนี้ คือ ความไว้วางใจ

มีความสม่ำเสมอ(Consistency)

สิ่งที่พยาบาลควรปฏิบัติ

เตรียมสถานที่และบรรยากาศให้น่าไว้วางใจ

กล่าวทักทายด้วยความเป็นมิตร พูดเรื่องทั่วไป แนะนำตัว บอกวัตถุประสงค์ บทบาทหน้าที่

กำหนดข้อตกลงในการสร้างสัมพันธภาพ

สร้างความไว้วางใจ โดยแสดงถึงความยอมรับ ความเข้าใจ เคารพในศักดิ์ศรีของผู้ป่วย

การค้นหา หรือระบุปัญหาที่แท้จริง

ปัญหาที่พบในระยะนี้

ความวิตกกังวล (Anxiety)

เทคนิคการสนทนา

เทคนิคการกระตุ้นและส่งเสริมการสนทนา

การทดสอบ (Testing)

2.Using general lead การใช้คำพูดแสดงออกว่าพยาบาลกำลังฟัง Ex.แล้วอย่างไรต่อคะ

การสั่นขา

น้ำเสียงที่พูดรัวและเร็ว

การกำมือ บีบมือ

3.Restating เป็นการพูดทวนเนื้อหา Ex.คุณบอกว่า"..."

4.Questioing การตั้งคำถามทั่วไป Ex.คุณมีพี่น้องกี่คน

การไม่มาพบพยาบาลตามเวลานัด มาสาย

การอยู่ไม่ครบตามเวลา

1.Using Broad openning Staatement.คำถามง่ายๆ เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยเลือกหัวข้อในการสนทนา Ex.กำลังคิดอะไรอยู่คะ

  1. ระยะแก้ปัญหา (Working phase)

เทคนิคที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้ป่วยพูดระความรู้สึก

สิ่งที่พยาบาลควรปฏิบัติ

6.Presenting reality เป็นการให้ความจริงแก่ผู้ป่วยEx.ไม่เห็นใครอยู่ที่นี่นอกจากคุยกับฉัน

1.Reflecting กล่าวซ้ำสะท้อนความคิดความรู้สึก Ex."คุณรู้สึกท้อใจ"

2.Accepting การยอมรับผู้รับบริการ Ex.พยักหน้า "ฉันกำลังฟังคุณอยู่"

3.Sharing observation การบอกในสิ่งที่พยาบาลสังเกตเห็น Ex.คุณดูแจ่มใสขึ้น

4.Using Silence ผู้ป่วยคิดไตร่ตรอง Ex.แสดงท่าทางสนใจ

5.Giving information การให้ข้อมูลที่เป็นจริง Ex."ฉันให้ข้อมูลผลข้างเคียงของยา"

รักษาสัมพันธภาพเพื่อการบำบัด

ค้นหาสาเหตุของปัญหา หรือสิ่งที่ใากระทบกับชีวิตของผู้ป่วย

ประเมินการเจ็บป่วยว่ามีผลกระทบอย่างไรในชีวิตบ้าง

ร่วมกับผู้ป่วยในการวิเคาระห์สาเหตุ กลไลขอลปัญหา วิธีแก้ไขหรือการปรับปรุงพฤติกรรม

สนับสนุนด้านจิตใจ

ปัญหาที่พบ

ความวิตกกังวลของพยาบาล

มีความรู้สึกร่วมกับผู้ป่วย(Sympathy) โดยที่พยาบาลแยกความรู้สึกของตนเองไม่ได้

การถ่ายโยงความรู้สึกของผู้ป่วยไปสู่พยาบาล (Transference)

การถ่ายโยงความรู้สึกของพยาบาลสู่ผู้ป่วย (Counter transference)

  1. ระยะยุติความสัมพันธ์ (Termination)

การเตรียมผู้ป่วย

เทคนิคการส่งเสริมให้ผู้ป่วยรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง

ในกรณีที่ผู้ป่วยอยู่ รพ แต่ นศ หมดระยะเวลาฝึก

ในกรณีผู้ป่วยกลับบ้าน

1.Giving recognition แสดงความจำและระลึกได้ Ex.กล่าวชื่อผู้ป่วยได้ถูกต้อง

4.Posiitive reinforcement การให้แรงเสริมทางบวก Ex."เพื่อนทุกคนปรบมือให้ด้วยค่ะ"

2.Listening การฟัง Ex.สบตา

3.Offering เป็นการเสนอตนเองเพื่อรับฟังปัญหา Ex."ฉันยินดี"

เทคนิคช่วยพยาบาลกับผู้ป่วยให้เข้าใจตรงกัน

บอกให้ผู้ป่วยทราบล่วงหน้า

1.Clarifying ขอคำอธิบายเพิ่มเติม Ex.ผู้ป่วย: "หัวหน้าก็ไม่ดี ลูกน้องก็พูดไม่รู้เรื่อง"
พยาบาล:"คุณช่วยยกตัวอย่างพูดไม่รู้เรื่องของลูกน้องคุรหน่อย"

  1. Validating การตรวจสอบความรู้สึกของผ้ป่วย Ex.คุณติดต่ิญาติได้แล้วตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไร

บอกให้ผู้ป่วยทราบว่าอาการที่ดีขึ้นมีอะไรบ้าง รวมถึงอาการที่ยังต้องแก้

เทคนิคชาวยส่งเสริมความเข้าใจในการปรับตัวผู้ป่วย

บอกถึงประโยชน์ที่ไดรับจากการสนทนากับผู้ป่วย

บอกแหลางที่ผู้ป่วยสามารถขอความช่วยเหลือได้

บอกถึงอาการที่ดีขึ้น และอาการที่ที่แก้ไข(หากยังมี)

แนะนำข้อปฏิบัติในการดูแลสุขภาพ

1.Exoloring การสอบถามเพื่อให้ได้ข้อมูล Ex."มีใครบ้างคะที่ไม่ชอบ

2.Focusing มุ่งความสนใจให้อยู่ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง Ex."เรื่องนี้น่าสนใจเรามาคุยเรื่องนี้กันก่อนดีกว่าไหมคะ"

3.Encouraging evalution การขอให้ผู้ป่วยประเมินประสบการณ์ Ex.เหตุการณ์ครั้งนั้นคุณรู้สึกอย่างไร

เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยสรุปสิ่งที่เกิดขึ้น

ประเมินปฏิกิริยาผู้ป่วยในการยุติสัมพันธภาพ

ยุติหรือสิ้นสุดสัมพันธภาพในรูปแบบของวิชาชีพ

4.Encouraging Formulation of a plan of action การสนับสนุนให้ผู้ป่วยวางแผนในอนาคต Ex."คุณคิดจะวางแผนอย่างไรถ้าเพื่อนมาชวนดื่มสุรา"

5.Summarizing การสรุปเนื้อหาด้วยคำพูดสั้นๆ Ex.พยาบาลสรุปว่ามีเรื่องอะไร

2.VerbaliZtion implied thought and feeling ผู้ป่วยตระหนักถึงความรู้สึกตนเองในเมื่อผู้ป่วยพูดเป็นนัยๆให้พยาบาลเข้าใจเอง เราควรทดสอบความรู้สึกที่แท้จริง
Ex. "ถ้าฉัยไม่อยู่ที่ทำงานทุกคนคงสบายใจ"
พยาบาล"คุณหมายความว่าที่ทำงานไม่มีใครเข้าใจคุณ"

หลักปฏิบัติในการติดต่อสื่อสาร

1.ฟังทั้งเนื้อหาและเจตนาว่าผู้ป่วยพูดถึงอะไรหมายความว่าอย่างไร

อุปสรรคการติดต่อสื่อสาร

1.การใช้เทคนิคสนทนาไม่เหมาะสม

3.สิงแวดล้อมไม่เหมาะสม เช่น มีผู้ป่วยอื่นมาวุ่นวาย

2.การดำเนินวิธีการสื่อสาร

4.ข้อจำกัดทางอาการของผู้ป่วย

5.ท่านั่งที่แสดงถึงความไม่สนใจผู้ป่วย

6.ระยะห่างระหว่างบุคคลมากหรือน้อยเกินไป

2.ไม่เสนอข้อมูลมากเกินไปจำทำให้ผู้ป่วยสับสนเบื่อหน่าย

3.ไม่พูดถึงอดีตที่ปวดร้าวเกินไป ขณะที่ผู้ป่วยยังไม่พร้อม

4.สื่อสารที่เน้นเรื่องราวที่เป็นปัจจุบัน

  1. ใช้หลักสื่อสารที่ให้ผู้ป่วยได้มีโอกาสระบยความรู้สึก

6.ใช้หลักต่างๆที่ง่ายๆตรงไปตรงมา

  1. .ให้ความสำคัญกับความสอดคล้องระหว่างเนื้อหา คำพูด ท่าทาง สีหน้า และน้ำเสียง

ปัญหาและวิธีแก้ไขการสร้างสัมพันธภาพ

2.ผู้ป่วยมาพบแต่มาช้าเป็นประจำ

3.พยาบาลมาช้ากว่าเวลานัด

  1. ผู้ป่วยขอให้การสนทนาจบเร็วๆ กว่าเวลาที่กไหนดไว้ หรือขอเปลี่ยนกำหนดการ

6.ผู้ป่วยปฏิเสธไม่ยอมให้พยาบาลจดบันทึกข้อมูล

5.ผู้ป่วยลุกออกไปจากการสนทนาอย่างกะทันหัน

1.ผู้ป่วยไม่มาตามนัด

ตามหาผู้ป่วย

พยาบาลไปให้ตรงเวลา

ขอโทษและให้เหตุผล

เตือนผู้ป่วยล่วงหน้าก่อนถึงวันนัด

จดวัน เวลานัด ให้ผู้ป่วยในใบนัด

7.ผู้ป่วยต้องการอ่านข้อความที่บันทึก

  1. ผู้ป่วยไม่ต้องการพูดคุย

9.บุคลากรอื่นๆต้องการอ่านข้อมูลโดยละเอียดที่บันทึกไว้

  1. ผู้ป่วยซักไซ้เรื่องส่วนตัวของพยาบาล

ปฐมนิเทศใหม่ถึงเรื่องเวลา

พยาบาลนั่งรอในห้องนั้น

พยาบาลต้องฟังการปฏิเสธอย่างสงบ

อนุญาตให้อ่านได้

นั่งเงียบๆด้วยความสงบ

อธิบายให้ทราบถึงผลการคืบหน้าของผู้ป่วย

ตอบคำถามอย่างสั้นๆ เฉพาะที่เป็นความเป็นจริงและเป็นข้อมูลทั่วไป

พูดคุยกับผู้ป่วยเรื่องเหตุผลที่มาช้า

คุยเตือนกับผู้ป่วยเรื่องเวลานัดที่เคยตกลง

จบการสนทนาตามเวลาที่ได้กำหนดไว้

นัดหมายใหม่ให้เหมาะสม

กำหนดการนัดหมายตามความเหมาะสมของทั้งสองฝ่าย

สำรวจความต้องการที่ขอเช่นกัน

รอการกลับมาของผู้ป่วยในห้องอย่างสงบ

มองผู้ป่วยโดยความสนใจและด้วยสีหน้าที่เป็นมิตร

สังเกต กิริยา ท่าทาง และการสื่อความหมายที่ไม่ใช้วาจาจากผู้ป่วย

อธิบายความจำเป็นของการจดบันทึก และเหตุผลที่ต้องจด

ใช้คำถามทางอ้อม แต่เป็นคำถามปลายเปิดที่เปิดช่องให้ผู้ป่วยได้ตอบ

ข้อมูลสำคัญยังต้องบันทึกต่อไป

ปฏิเสธการให้ดูข้อมูลรายละเอียดที่ได้บันทึกไว้โดยละม่อม

อธิบายให้บุคคลากรเหล่านั้นได้ทราบถึงการที่ได้สัญญากับผู้ป่วยเรื่องจะต้องเก็บไว้เป็นความลับ

สนทนาเพื่อความสืบค้นในความต้องการซักไซ้ในข้อมูลส่วนตัวพยาบาล

นางสาวสุรีรัตน์ พึงประสพ เลขที่ 46 รหัสนักศึกษา 612001127

นางสาวอิสรา ภู่มาลี เลขที่ 65 รหัสนักศึกษา 612001146

นักศึกษาพยาบาลศาสตร์บัณฑิตชั้นปีที่ 2รุ่น 36/2

คำถาม*

หากเราถึงระยะยุติความสัมพันธ์แล้วผู้ป่วยยังยื้อไว้จริงๆ เราควรทำอย่างไร