Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับสมองและไขสันหลัง (Head and Spinal…
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับสมองและไขสันหลัง (Head and Spinal cord injury )
การบาดเจ็บไขสันหลัง
(Spinal cord injury SCI)
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นตามหลังการบาดเจ็บ
4.Incomplete injury
พยาธิสภาพที่ไม่สมบูรณ์ ยังพบว่ามีกาลังกล้ามเนื้อ
หรือ ความรู้สึกของร่างกายในส่วนที่ต่ากว่าพยาธิสภาพ
2.Tetraplegia (Quadriplegia)
การอ่อนแรง / อัมพาตของแขนขา อาจเป็นทั้งหมดหรือบางส่วน
1.Paraplegia
การอ่อนแรง / อัมพาตท่อนขา /ทั้งลำตัว /บางส่วน
3.Complete injury
พยาธิสภาพที่สมบูรณ์ สูญเสียการควบคุมกล้ามเนื้อ และความรู้สึก
การวินิจฉัย
ใช้การตรวจระบบประสาทเพื่อระบุระดับ ชนิดและความรุนแรงของพยาธิสภาพ
2.การรับความรู้สึกที่่ผิวหนัง บริเวณรอบ ๆ รูทวารหนัก ในรูทวาร ขา ลำตัวด้านข้าง แขน และคอ ตามระดับ dermatomes จากบริเวณที่สูญเสียความรูสึกไปยังบริเวณที่ปกติ
1.กำลังกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อแขนขา 10 มัดหลัก, กล้ามเนื้อบ่า กล้ามเนื้อกระบังลม และกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนัก
3.ปฏิกิริยาตอบสนอง ได้แก่deep tendon reflexes
ASIA แบ่งความบกพร่องของระบบประสาท ไขสันหลัง ออกเป็น 5 ระดับ
ระดับ C หมายถึง Motor useless (กล้ามเนื้อหลักส่วนใหญ่มีกำลังน้อยกว่าระดับ3)
ระดับ B หมายถึง Sensation spare only
ระดับ A หมายถึง Complete (nothing below level of injury, no sacral sparing)
ระดับ D หมายถึง Motor useful (กล้ามเนื้อหลักส่วนใหญมีกำลังตั้งแต่ระดับ 3 ขึ้นไป)
ระดับ E หมายถึง Normal (กำลังของกล้ามเนื้อและการรับความรู้สึกกลับมาเป็นปกติ)
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
1.ก่อนขนย้ายผู้ป่วยหาวัสดุอุปกรณ์มาดามตัวผู้ป่วยตั้งแต่ศีรษะจรดหลัง พลิกตัวเป็นท่อน(log roll) ให้ศีรษะ ลำตัวเคลื่อนไปพ้รอมกัน จัดให้อยูในท่าที่เจ็บปวดน้อยที่สุด รักษาแนวโค้งเว้าของกระดูกสันหลังให้เป็นปกติ
3.ถ้าผู้ป่วยหายใจไม่สะดวกในท่านอนหงายอาจพลิกให้อยูในท่านอนตะแคง ให้ออกซิเจน และสังเกตอาการ วัดชีพจร การหายใจและความดันโลหิต เปนระยะๆ
2.ใช้คนอย่างน้อย3 คน ยกผู้ป่วยถ้ามีเปลจะยกย้ายได้สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น
การรักษากระดูกสันหลังที่หัก
1.การรักษาแบบประคับประคอง (conservative treatment)
การดึงคอที่กะโหลกศีรษะสำหรับกระดูกคอที่หัก เคลื่อน และการจัดทำเพื่อให้กระดูกสันหลังกลับเขาที่
ข้อเสีย :forbidden: ต้องนอนนานเป็นเวลา 6-8 สัปดาห์บางคนอ่อนแรงมากขึ้น เพราะการพลิกตัวผู้ป่วยไม่รัดกุม ประกอบกับ กระดูกสันหลังที่หักเคลื่อนไม่มั่นคง
3.การใช้ยาเพื่อบำบัดรักษาไขสันหลังที่ได้รับบาดเจ็บ
methylprednisolone ขนาด 30 มก./ กก. เขาหลอดเลือดดำทันทีภายใน 8 ชม.แรก และให้ตอไปอีกในขนาด 5.4 มก./ กก./ ชม. จนครบ 24 ชั่วโมง
2.การผ่าตัด (surgical treatment)
เหมาะสำหรับ unstable fractures มีเศษกระดูกกดที่ไขสันหลัง มีรากประสาท ช่วยลดการกดทับ (decompression) เพิ่มโอกาสให้ระบบประสาท
ข้อเสีย :forbidden: ไขสันหลัง รากประสาทชอกช้ำมากขึ้น กระดูกสันหลังเคลื่อนไหวได้น้อยลง เป็นอุปสรรคต่อการทำ กิจวัตรประจำวัน แต่ถ้าใช้เหล็กดามขนาดสั้นก็ช่วยให้หลังมีความคล้องตัวเพิ่มมากขึ้น
การบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังสวนคอ
(cervical spine injury)
การแบ่งชนิดของการบาดเจ็บของกระดูกส่วนคอ
ส่วนบน
Ring Fracture of C1 (Jefferson fracture) การแตกผ่านlateral mass ของC1
Odontoid Fracture การหักผ่านDen ของC2
Atlanto occipital dislocation
การเลื่อนหลุดของOcciput จากCervical spine
Occipital condyle Fracture
การแตกของกระดูกส่วนOccipital condyle
Axis Fracture (Hangman’s Fracture)
การแตกผ่านFacet joint ของC2
:check: รักษาด้วยวิธีการอนุรักษ์โดยใช้Rigid Brace หรือHalo vest ได้ผลดีการรักษาด้วยการผ่าตัดจะใช้ในกรณีที่fracture ไม่stable
ส่วนล่าง
Compression flexion เกิดจากcompression force ที่กระทำต่อcervical spine
Vertical compression เกิดจากแรงกระแทกโดยตรงต่อvertebral body ทำให้เกิดการแตกกระจายของvertebral body
Extension compression เกิดจากแรงกระทาต่อcervical spine ในท่าextension ทาให้เกิดfracture ในส่วนของposterior elemen
Distraction flexion พบมากที่สุดในseries (61%) เกิดจากแรงกระชาก
Distraction extension เกิดจากแรงกระชากในขณะที่cervical spine อยู่ในท่า flexion แบ่งเป็น 2 stage
Lateral flexion (compression) เกิดจากแรงcompression ในcoronal plane
:check: ในกรณีที่ไม่มีข้อบ่งชี้ทางการผ่าตัดจะพิจารณาใส่เครื่องช่วยพยุงหลังหรือใส่เฝือก
:check:ในกรณีที่ต้องการ rigid immobilization โดยเฉพาะใน Burst fracture การconservative treatment ได้ผลดีในผู้ป่วยที่มีbony fracture เพียงอย่างเดียวไม่มีPLC injury, facet dislocation or subluxation หรือdisc injury
การพยาบาลผู้ป่วยภาวะความดันกะโหลกศีรษะสูง
สาเหตุ
2.การเพิ่มปริมาตรของจำนวนเลือดในสมอง
3.การเพิ่มปริมาตรของน้ำไขสันหลัง
1.การเพิ่มปริมาตรของเนื้อสมอง
ปัจจัยเสริม
7.ความเครียด อารมณ์ ความเจ็บปวด
8.การเผาผลาญสูงขึ้น มีไข้สูง
6.การเกร็งกล้ามเนื้อ การสั่น การไอ จาม
9.Blood therapy ภาวะโลหิตจาง
5.ท่านอน ท่าศีรษะต่ำ ทำให้เลือดไหลไม่สะดวก
4.ได้รับยาขยายหลอดเลือด
3.กลไกการช่วยเหลือด้านการหายใจ
1.คาร์บอนไดออกไซด์ศุงกว่าปกติ PCO2 > 45mmHg = hypercapnia
2.ออกซิเจนในเลือดลดลง PO2 < 53mmHg = hypoxemia
การรักษา
4.ควบคุมอุณหภูมิร่างกาย
5.ควบคุมการชัก
3.คงไว้ซึ่งการกำซาบของสมอง
2.ลดภาวะสมองบวม
osmotic solution / steroid
Barturates
ยาขับปัสสาวะ
1.รักษาที่สาเหตุ
Craniotomy clot removal
Ventriculostomy
wide craniectomt clot removal
6.การจำกัดน้ำ
การบริหารยา
ยาที่มีผลช่วยลดความดันในกะโหลกศีรษะ
20% Manital - Loading doze 1 gn/kg ทางหลอดเลือดดำ 20 น.
Furosemide ให้ 0.5 - 1 mg/kg
Dexamethasone - ได้ผลดีในการลดบวมรอบๆก้อน / นิยมใช้ 5- 1 mg q 6 hr.
ฺBarbiturate - ใช้วิธียื่นไม่ได้ผล / ความดัน > 25 mg / ลดอัตราเผาผลาญในสมอง
Thiopental ให้ 3 - 10 mg/1 kg / IV 0.5 - 2.5 hr. หยดต่อ 0.5 - 3 mg/ 1kg
สังเกตอาการ ปป.ของv/s และอาการทางสมอง
1.อุณหภูมิของร่างกาย -เพิ่มขึ้น 1องศา - เลือดไปเลี้ยงสมอง 6%
2.จัดท่านอน - ศีรษะสูง 30 องศาแนวตรง -ห้ามนอนคว่ำ /ศีรษะต่ำ
3.ทางเดินหายใจ -clear airway/ใส่ท่อ
4.ระบบไหลเวียนโลหิต - เลี่ยงภาวะ HT
5.Fluid & Electrolyte
การพยาบาลผู้ป่วยใส่ท่อระบายน้ำไขสันหลังสู่ภายนอก (EV-drain)
10.บันทึกปริมาณน้ำไขสันหลังที่ออกทุก ชม.
2.กำหนดตำแหน่งการวาง EVD
3.สังเกตระดับน้ำไขสันหลังในสาย EVD
4.Clamp EVD เมื่อเคลื่อนย้าย
5.ตรวจสอบชุด EVD เป็นระบบปิด
6.ถ้าข้อต่อไม่สนิดแต่ไม่หลุด ให้ทำความสะอาดดด้วยเบตาดีน 3 น.
1.จัดท่านอนศีรษะสูง 30 องศา
7.Clamp สายระบายทันทีถ้ามีการหลุด
11.บันทึกสังเกตสี ความขุ่นใส
12.v/s q 4 hr.
9.ให้ยาปฏิชีวนะต้อง Clamp EVD นาน 60 น.
13.ประเมินอาการ / อาการแสดง
8.Clamp สายเมื่อเด็กร้องไห้ คลายสายเมื่อหยุดร้อง
Stroke or CVD
ชนิดของหลอดเลือดสมอง
1.Ischemic หรือ Occlusive stroke
เกิดจากการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ไม่เพียงพอ
1.1 Large vessel atherosclerosis
เกิดจากการมี atherosclerosisplaque
1.3 Lacunar stroke คือ โรคหลอดเลือดสมอง
ซึ่งเกิดจากการอุดตันของหลอดเลือดเล็ก
1.4 Miscelleneousได้แก่ ischemic stroke
1.2 Embolic stroke คือ ischemic stroke
ที่เกิดจาก emboli ลดตันหลอดเลือดสมอง
Hemorrhagic stroke เกิดเนื่องจากมีเลือดออกในโพรงกะโหลกศีรษะ
2.1 Intracerebralhemorrhage คือ การมีเลือดออกในสมอง มักพบในผู้ป่วยที่มีโรคความดันโลหิตสูงมานาน Intracerebralhemorrhage
2.2 Subarachnoidhemorrhageคือ การเลือดออกใน Subarachnoidspace ถ้าไม่มีเลือดออกในสมองร่วมด้วย เรียกว่า primary subarachnoid hemorrhage
ปัจจัยเสี่ยง
ดื่อแอลกอฮอล์ / สูบบุหรี่/ ไม่ออกกำลังกาย
ควมดันโลหิตสูง / เบาหวาน /โรคหัวใจ
สาเหตุ
Ischemic stroke
2.โรคหัวใจ /สาเหตุอื่นๆ
โรคของหลอดเลือด
1.Aterosclerosis
โรคของส่วนประกอบของเลือด
Hemorrhagic CVD
7.หลอดเลือดอักเสบ
8.การตกเลือดในก้อนเนื้องอก
6.ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด.
5.Amyloid angiopathy
4.โรคปาราสิต โดยเฉพาะgnathostomiasis
3.Vascular malformation
2.Cerebral aneurysm โดยเฉพาะberry aneurysm
1.โรคความดันโลหิตสูง
กลไกการเกิดโรค
1.Thrombosis เป็นการอุดตันในหลอด
เลือดซึ่งเกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือด
Embolism
Artery to artery embolism
Cardiac embolism
Emboli
3.Hemodynamic change
มีการอุดตันเลือดไปเลี้ยงในส่วนนั้นไม่เพียงพอเกิดจากการที่มีหลอดเลือดผิดปกติ
4.Vasospasm อาจเกิดจากSubarachnoid hemorrhage /Drugs induced
อาการและอาการแสดง
1.แขนขา ชา /อ่อนแรงทันที
2.พูดตะกุกตะกัก พูดไม่ชัด นึกคำพูดไม่ออก พูดไม่ได้หรือฟังไม่เข้าใจทันที
3.ตามัว มองเห็นภาพซ้อน /มองไม่เห็น
ปวดศีรษะรุนแรงฉับพลันชนิดไม่เคยเป็นมาก่อน
เวียนศีรษะบ้านหมุน เดินเซ
การตรวจวินิจฉัยโรค
1.ตรวจเลือดทาง Lab
2.ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
3.ตรวจด้วยเครื่องความถี่สูง
4.ตรวจทางรังสี
5.ซักประวัติ ตรวจร่างกายและประเมินอาการ
การรักษา
1.การรักษาในระยะเฉียบพลัน
TIA ได้ผลดี + ราคาถูก
Progressive stroke
Completed stroke
Storke ที่เกิดจาก cardiogenic emboli
2.ป้องกันและรักษาโรคแทรกซ้อน
3.การรักษาประคับประคองทั่วไป
4.รักษาสาเหตุและป้องกันการเกิดโรคซ้ำ
การพยาบาล
ระยะเฉียบพลัน
1.การช่วยให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
2.การพยาบาลเพื่อบรรเทา และป้องกันภาวะความดันในกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้น
3.การพยาบาลเพื่อให้ผู้ป่วยมีการไหลเวียนโลหิตในร่างกายปกติ
การพยาบาลเพื่อให้ผู้ป่วยมีภาวะสมดุลของสารน้า และอีเลคโตรลัยท์
การฟื้นฟูสมรรถ
1.กระตุ้นให้ผู้ป่วยดูแลตนเองเกี่ยวกับสุขอนามัยส่วนบุคคล
2.สอนให้ผู้ป่วยกระทำในกิจวัตรประจาวัน
3.สอนผู้ป่วยให้ฝึกออกกำลังขณะนอนอยู่บนเตียง
4.สอนผู้ป่วย ถึงเทคนิคการเคลื่อนตัวเองจากเตียงลงมานั่งเก้าอี้
5.ดูแลผิวหนังของผู้ป่วยให้สะอาดชุ่มชื่น และไม่แห้ง
6.ช่วยผู้ป่วยให้มีกำลังใจอ และฟื้นฟูสมรรถภาพ
7.กระตุ้นให้ผู้ป่วยได้ระบายความรู้สึก
8.กระตุ้นให้สมาชิกในครอบครัว ได้มีส่วนร่วมในการดูแล
พ้นระยะเฉียบพลัน
1.การพยาบาลเพื่อป้องกันปอดอักเสบ
2.การพยาบาลเพื่อป้องกันการชัก
3.การพยาบาลเพื่อป้องกันภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหาร
การพยาบาลเพื่อป้องกันแผลที่กระจกตา
การพยาบาลเพื่อป้องกันข้อไหล่เคลื่อน
การพยาบาลเพื่อป้องกันการผิดรูปร่างของแขน ขา
นางสาว ฐิติมา เดชสำแดง รหัส 6102201015