Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 5 การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาการติดเชื้อ - Coggle Diagram
บทที่ 5 การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาการติดเชื้อ
โรคหัด (Measles/Rubeola)
สาเหตุ: เชื้อไวรัส (Parayxovirus)
การป้องกัน: การให้ภูมิคุ้มกันท่ีสามารถป้องกันโรคหัดได้ทันที โดยให้ Gamma globulin ฉีดเข้ากล้ามเน้ือภายใน 5 วันหรือน้อยกว่า 6 วันหลังจาก ได้รับเชื้อ ให้ในเด็กเล็ก เด็กที่เจ็บป่วยเรื้อรัง หญิงมีครรภ์และผู้มีอิมมูนพร่อง อยู่นาน 3-6 สัปดาห์
วัคซีนท่ีท้าจากเชื้อมีชีวิตฉีดเข้าใต้ผิวหนังครั้งเดียว ควรให้ในเด็กอายุไม่ต่้ากว่า 1 ขวบ แอนติบอดี้จะเกิดประมาณ 12 วันหลังฉีด ถ้าให้ก่อนสัมผัสโรคทันที หรือให้หลังสัมผัสโรคภายใน 48 ชั่วโมงหรือน้อยกว่า 72 ชั่วโมง จะสามารถ ป้องกันโรคได้ในเด็ก 6-12 เดือน ควรฉีดซ้ำเมื่ออายุเกิน 12 เดือน ไม่ จ้าเป็นต้องฉีดเสริม
ระยะฟักตัว: ประมาณ 10 วันหลังจากได้รับเชื้อจนกระทั่งมีไข้ หรือ ประมาณ 14 วัน จนกระท่ังปรากฏผื่น
ระยะติดต่อ: ประมาณ 8-12 วัน คือ 4 วันก่อนผื่นขึ้นจนถึง 4 วัน หลังผื่นขึ้น ติดต่อทางอากาศและสัมผัสน้ำมูกน้ำลายหรือเสมหะของ ผู้ป่วย
การระบาดของโรค: ตลอดท้ังปี วัยเด็กมักเป็นโรคหัดอายุ 1-7 ปี อายุน้อยกว่า 6 เดือนไม่พบว่าเป็นโรคหัด
โรคแทรกซ้อน: สมองอักเสบ, ปอดอักเสบ, หูชั้นกลางอักเสบ, เยื่อบุ ตาอักเสบ, ล้าไส้อักเสบ, กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
การรักษา: เป็นโรคที่หายได้เอง ไม่มีโรคแทรกซ้อน ไม่มีความจ้าเป็น ให้ยาต้านจุลชีพ
o ให้พักผ่อน ยาลดไข้ และให้น้ำเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
o ถ้าติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำ ต้องให้ยาจุลชีพที่เหมาะสม
อาการและอาการแสดง:
อาการนา: ไข้สูง อ่อนเพลีย ไอ น้ำมูกน้ำตาไหล เยื่อบุตาอักเสบ กลัวแสง หนัง ตาบวม ทอนซิลโตและแดง ในวันท่ี 2-3 ตรวจพบ Koplick’s spot ลักษณะเม็ด ขาวเล็กๆขนาดเท่าหัวเข็มหมุดบนเยื่อบุกระพุ้งแก้มที่แดงจัด หายไปหลังผื่นข้ึน ประมาณ 2 วัน
o 2. ระยะออกผื่น: ประมาณ 3-5 วัน หลังจากเป็นไข้ (T=39.5-40.5 oC) ตาแดงจัด ผื่นเร่ิมจากหลังใบหูและโคนผม ที่ต้นคอ ใบหน้า ล้าตัว แขน ขา ต่อมน้ำเหลือง ม้ามโต
o 3. ระยะผื่นจางหาย: ประมาณ 5-8 วันของโรค ไข้เร่ิมลดลง และหายไปภายใน 2-3 วันอาจมีอาการไอ เม่ือผื่นถึงเท้าจะจาง หายไป เหลือเป็นรอยสีคล้ำ
โรคหัดเยอรมัน (Rubella)
เชื้อ Rubella เป็นเชื้อไวรัส
ไข้ออกผื่น ไม่รุนแรงในเด็ก แต่สำคัญ สตรีตั้งครรภ์เป็นโรคหัดเยอรมันใน ระยะเร่ิมตั้งครรภ์ได้ 3-4 เดือน เชื้อไวรัสผ่านไปทารกในครรภ์ ท้ำให้เกิดความ พิการทางหู ตา หัวใจ สมอง
การให้วัคซีนกับทุกคนในประเทศจึงเป็นการลดการระบาดของโรคหัดเยอรมัน และป้องกันการติดเชื้อของหญิงมีครรภ์
สาเหตุ: เชื้อไวรัส (Rubi-virus)
ระยะฟักตัว: ประมาณ 14-21 วัน เฉลี่ย 16-18 วัน
ระยะติดต่อ: ประมาณ 2-3 วัน ก่อนมีผื่นขึ้นจนไปถึง 7 วันหลังผื่น ขึ้น ทารกท่ีติดเชื้อในครรภ์ เชื้อไวรัสอยู่ในลำคอและขับถ่ายออกมา ทางปัสสาวะได้นานถึง 1 ปี
อาการและอาการแสดง:
o เจ็บคอ, คอแดงเล็กน้อย, มีผ่ืนอย่างน้อย 1-2 วัน
o มีไข้ต้่าๆ (37.5 oC); ปวดศีรษะ, อ่อนเพลีย, มีน้ำมูก,เจ็บคอ, คอแดง, เยื่อบุตา อักเสบ
o ถ้ามีไข้สูง (39 oC); วิงเวียน เบื่ออาหาร หนาวส่ัน น้้ามูกไหล คอแดง เจ็บคอ เยื่อบุตาแดงอักเสบ ปวดศีรษะ หลังจากนั้น 4-5 วันอาจจะมีอาการทางระบบ ประสาทร่วมด้วย เช่น ตะคริว ปวดศีรษะ อ่อนแรงอัมพฤกษ์
โรคสุกใส
สาเหต: เชื้อไวรัส
กระจายแบบ Centripetal ผื่นมักจะอยู่บริเวณล้าตัว ใบหน้า มากกว่าแขนขา
ระยะฟักตัว: ประมาณ 10-21 วัน
อาการนา: มีไข้ต่ำๆพร้อมกับผื่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร 1-2 วัน ปวดท้องเล็กน้อย
ลักษณะผื่น: เริ่มจากจุดแดงราบ (macule) ขนาด 2-3 mm. แล้ว เปลี่ยนเป็นตุ่มนูน (papule) อย่างรวดเร็วภายใน 8-12 ช่ัวโมง และ ตุ่มน้้าใส (vesicle) ต่อมาเป็นตุ่มหนอง (pustule) แห้งตกสะเก็ด (crust)
สรุป: Macule papule vesicle pustule crust ลักษณะเฉพาะ คือ พบผื่นระยะต่างๆในเวลาเดียวกัน
อาการนำ: มีไข้ต่ำๆพร้อมกับผื่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร 1-2 วัน ปวดท้องเล็กน้อย
โรคแทรกซ้อน: การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง ปอดอักเสบ ข้ออักเสบ กระดูกอักเสบ ปอดอักเสบ
o Hemorrhagic chickenpox: เกล็ดเลือดต่้า เลือดออกทางเดินอาหาร เลือดก้าเดาไหล
o Disseminate varicella: สุกใสชนิดแพร่กระจายไปอวัยวะภายใน มีตุ่มข้ึน ใหม่เป็นระยะเวลานาน มักพบในผู้ป่วยโรคมะเร็ง เช่น ปอดอักเสบ
ลักษณะผื่น: เริ่มจากจุดแดงราบ (macule) ขนาด 2-3 mm. แล้ว เปลี่ยนเป็นตุ่มนูน (papule) อย่างรวดเร็วภายใน 8-12 ชั่วโมง และ ตุ่มน้ำใส (vesicle) ต่อมาเป็นตุ่มหนอง (pustule) แห้งตกสะเก็ด (crust)
สรุป: Macule papule vesicle pustule crust ลักษณะเฉพาะ คือ พบผื่นระยะต่างๆในเวลาเดียวกัน
การวินิจฉัย: ขูดพื้นขอตุ่มใสมาสเมียร์บนสไลด์
การป้องกัน: ระยะแพร่เชื้อ เริ่มต้ังแต่ 24 ชม.ก่อนท่ีผ่ืนขึ้นจนถึงตุ่ม แห้งหมดแล้ว ควรให้ผู้ป่วยอยู่ในห้องแยก strict isolation ควรหยุด เรียน
การรักษา: ยาต้านไวรัส คือ Acyclovir (Zovirax) ท้ังชนิดกินและ ทา ชนิดฉีดให้ 200 mg 5 dose/day ทุก 4 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 วัน
การพยาบาล:
o แยกเด็กไว้จนกว่าแผลตกสะเก็ดหมด พักผ่อน ใช้ dermapon ฟอก
หรือให้คาลาไมน์โลชั่นทาหลังอาบน้้า ให้ยา Antihistamine o ตัดเล็บมือให้ส้ัน ใส่ถุงมือให้เด็กเล็ก
o อาหารธรรมดา
o สังเกตภาวะแทรกซ้อน
o วัคซีนป้องกันโรคสุกใส ถ้าสัมผัสโรคไม่เกิน 3 วัน ป้องกันโรคได้ มากกว่า 90%
โรคคอตีบ (Diphtheria)
สาเหตุ: เชื้อแบคทีเรีย
ระบาดวิทยา: พบในคนเท่าน้ัน ในจมูกหรือล้าคอ โดยไม่มีอาการ ติดต่อกัน ทางไอ จามรดกัน พูดคุยระยะใกล้ชิด เช้ือเข้าทางปากหรือการหายใจ หรืออาจ ใช้ภาชนะร่วมกัน เช่น แก้วน้ำช้อน มักพบโรคคอตีบในชุมชนแออัด พบใน เด็กอายุ 1-6 ปี
ระยะฟักตัว 2-5 วัน อาจอยู่ได้ 2 สัปดาห์ ถ้าไม่ได้รับการ รักษา
จากการและอาการแสดง:
o ไข้ต่้าๆอาการคล้ายหวัด ไอเสียงก้อง เจ็บคอรุนแรง เบื่ออาหาร ต่อมน้ำเหลือง ที่คอโตและบริเวณรอบๆรุนแรง คอบวม “Bullneck” บางรายมีการกดทับ เส้นเลือดด้าท่ีคอ ท้าให้ใบหน้ามีสีด้าคล้ำจากเลือดคั่ง มีอาการไข้สูง ซึม ชีพจร เบาเร็ว มือเท้าเย็น อาจเสียชีวิตจากภาวะไหลเวียนโลหิตล้มเหลวได้
คอพบแผ่นเยื่อสีขาวปนเทาติดอยู่บริเวณทอนซิล บริเวณล้ินไก่ แผ่นเย่ือนี้เกิด จากพิษที่ออกมามีน้ำมูกปนเลือด มีกลิ่นเหม็น ถ้าลงหลอดคอท้าให้ทางเดิน หายใจตีบ
การป้องกัน: ต้องมีการแยกผู้ป่วยจากผู้อ่ืน อย่างน้อย 3 สัปดาห์ หลังเริ่มมี อาการ หรือ ตรวจเพาะเชื้อไม่พบเชื้อแล้ว 2 ครั้ง และต้องให้วัคซีนป้องกันโรค คอตีบแก่ผู้ป่วยที่หายแล้วทุกคน
โรคแทรกซ้อน:
o การอุดตันของทางเดินหายใจส่วนบน พบในเด็กเล็กวันที่ 2-3 ของโรค กล้ามเน้ือหัวใจอักเสบ หัวใจเต้นไม่สม่้าเสมอ เต้นเร็วหรือช้า หัว ใจเต้นไม่สม่้าเสมอ หัวใจล้มเหลว และเสียชีวิต
การวินิจฉัย: ตรวจแผ่นเยื่อในล้ำคอ โดยใช้ Throat swab