Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หน่วยที่ 4 กฏหมายวิชาชีพการพยาบาล, นางสาว อรพิมล ปิ่นปี เลขที่ 60…
หน่วยที่ 4 กฏหมายวิชาชีพการพยาบาล
4.4 การควบคุมผู้ประกอบวิชาชีพ
จุดประสงค์
1.การคุ้มครองผู้รับบริการหรือผู้บริโภค
2.การสงวนวิชาชีพให้กับบุคลากรในวิชาชีพ
3.การควบคุมผู้ประกอบวิชาชีพให้บริการอย่างมีมาตรฐาน
มาตรการควบคุม
1.ห้ามผู้ไม่มีสิทธิคือไม่มีใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพ
2.ให้มีข้อกำหนดจริยธรรมแห่งวิชาชีพ
3.มีมาตรการลงโทษ ในกรณีทีละเมิดข้อกำหนดวิชาชีพ
ข้อยกเว้น ผู้ไม่มีใบอนุญาติประกอบวิชาชีพแต่สามารถประกอบวิชาชีพได้
1.การกระทำต่อตนเอง
2.การช่วยเหลือดูแลบุคคลอื่นให้พ้นจากความทุกข์ทรมาน
ไม่ได้รับประโยชน์ตอบแทนใดๆ
ไม่ฉีดยาหรือสารใดๆเข้าไปในร่างกาย
ไม่ให้ยาอันตราย ยาควบคุมพิเศษ หรือวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท
3.นักเรียน นักศึกษา ในสถาบันที่สภารับรอง ภายใต้การนิเทศจากผู้ประกอบวิชาชีพ
4.ผู้ประกอบโรคศิลปะ ที่ทำตามเกณฑ์การประกอบวิชาชีพ
5.ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศที่ได้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพในประเทศของตน สภาจะออกใบอนุญาตชั่วคราวให้ไม่เกิน 1 ปี
ข้อกำหนดจริยธรรมวิชาชีพ
4 หมวด 38 ข้อ
หมวดที่ 1
หลักทั่วไป
หมวดที่ 2
การประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์
หมวดที่ 3
การโฆษณาการประกอบวิชาชีพ
หมวดที่ 4
ปกิณกะ
กระบวนการพิจารณาความผิดของผู้ประพฤติผิดทางจริยธรรม
1.ผู้เสียหาย กล่าวหา ต่อสภาการพยาบาล
2.กรรมการสภากล่าวโทษ ต่อสภาการพยาบาล
3.อายุความการกล่าวหา กล่าวโทษ
4.สภาส่งเรื่องให้อนุกรรมการจริยธรรมพิจารณา
5.สภาส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการสอบสวนพิจารณา สอบสวน
6.คณะกรรมการสภาตัดสิน
อำนาจหน้าที่ของอนุกรรมการจริยธรรมและอนุกรรมการสอบสวน
หน้าที่ของอนุกรรมการจริยธรรม
เก็บรวบรวมข้อมูล พยานหลักฐานข้อเท็จจริงว่าคดีมีมูลหรือไม่
นำหลักฐานพร้อมความคิดเห็นส่งให้คณะกรรมการสภาตัดสิน
หน้าที่อนุกรรมการสอบสวน
ไม่มีหน้าที่ตัดสิน
รวบรวมข้อมูลพร้อมกับความคิดเห็นแล้วจะส่งให้กรรมการสภาพิจารณาตัดสิน
อายุความการกล่าวหา กล่าวโทษ มีกำหนด 3 ปี นับตั้งแต่วันเกิดเหตุ และมีกำหนด 1 ปี นับแต่วันรู้ตัวผู้กระทำผิด
การพิจารณาสอบสวน กฎหมายให้สิทธิคัดค้านการแต่งตั้งอนุกรรมการได้
ผู้รู้เห็นเหตุการณ์
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ผู้มีเหตุโกรธเคืองกับผู้ถูกกล่าวหา
คู่สมรส หรือเป็นญาติเกี่ยวข้องกับบุพการี ผู้สืบสันดาน
พี่น้องร่วมบิดามารดากับผู้ถูกกล่าวหา กล่าวโทษ
การคัดค้านการแต่งตั้งอนุกรรมการสอบสวน ต้องยื่นต่อคณะกรรมการภายใน 7 วันนับตั้งแต่วันทราบคำสั่งของคณะอนุกรรมการสอบสวน หรือรับทราบเหตุแห่งการคัดค้าน
มื่อเรื่องขึ้นสู่การพิจารณาคดีของสภาการพยาบาล จะต้องดำเนินคดีไปจนเสร็จสิ้น การยอมความไม่มีผลต่อการพิจารณาคดีของสภาการพยาบาล
ผลการลงมติของคณะกรรมการสภาในการพิจารณาคดีจะทำเป็นคำสั่งให้นายกสภาลงนามคำสั่งสภาถือเป็นที่สุด คือ อุธรณ์ไม่ได้
ผู้ประกอบ วิชาชีพรับทราบคำสั่งลงโทษ ถ้าเป็นการพักใช้ต้องหยุดประกอบวิชาชีพทันที การครบกำหนดนับแต่วันรับทราบคำสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต การเพิกถอนใบอนุญาตต้องส่งคืนใบอนุญาตภายใน 15 วัน ต่อเลขาธิการสภา
สภาการพยาบาลมีสิทธิเพิ่มโทษจากพักใช้เป็นเพิกถอนได้โดยอัตโนมัติ ภายใต้เงื่อนไขเฉพาะ
คือ ถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
มาตรา43 บุคคลที่ได้รับคำสั่งพักใช้ หรือเพิกถอนต้องหยุดประกอบวิชาชีพ
การขอขึ้นทะเบียนใหม่ภายหลังถูกเพิกถอนใบอนุญาต
ระยะเวลาต้องพ้น 2 ปี นับแต่วันที่สภาการพยาบาลมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต
ถ้าถูกปฏิเสธครั้งที่ 1 สามารถยื่นขอครั้งที่ 2 ภายหลังครบ 1 ปี นับแต่วันที่คณะกรรมการสภาฯมีคำสั่งปฏิเสธคำขอครั้งแรก
พนักงานเจ้าหน้าที่
พนักงานเจ้าหน้าที่ ในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาต้องแสดงบัตรประจำตัวแก่บุคคลที่เกี่ยวข้อง
สถานที่ที่กฏหมายกำหนด
1.สถานที่ประกอบวิชาชีพ การผดุงครรภ์หรือการพยาบาลและผดุงครรภ์ปฏิบัติงานอยู่
2.สถานที่มีเหตุผลสมควรเชื่อว่ามีการประกอบวิชาชีพการพยาบาล การผดุงครรภ์หรือการพยาบาลและผดุงครรภ์
3.สถานที่สอบสวนหรือเชื่อว่าทำการสอนวิชาการพยาบาล การผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์
บทกำหนดโทษ
โทษทางอาญา
1.ประกอบวิชาชีพโดยไม่มีใบอนุญาต
จำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 2000 บาท
2.บุคคลที่พ้นจากสมาชิกสามัญ
3.ต้องพ้นจากการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพด้วยและต้องส่งคืนใบอนุญาตต่อเลขาธิการภายใน 15 วัน
ปรับไม่เกิน 1000 บาท
4.การไม่มาให้ถ้อยคำหรือไม่ส่งเอกสาร
จำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
5.ผู้ไม่อำนวยความสะดวกแก่เจ้าพนักงาน
โทษไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับโทษทางวิชาชีพ
การเพิ่มโทษทางวิชาชีพตามกฎหมาย(มาตรา44)จากพักใช้ เป็นเพิกถอน เกิดขึ้นในกรณีเดียว คือ ระหว่างถูกพักใช้และเพิกถอนไปประกอบวิชาชีพหรือแสดงด้วยวิธีใดๆให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิประกอบวิชาชีพ
ตามมาตรา 43 กำหนดว่า การแสดงด้วยวิธีใดๆให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิประกอบวิชาชีพ ดังนั้นระหว่างพักใช้ ไม่สามารถแต่งชุดพยาบาลในหอผู้ป่วยได้ นอกจากนี้หากระหว่างถูกพักใช้ไปปฏิบัติและถูกคำสั่งพิพากษาจำคุกด้วยกรณีอื่น
บทเฉพาะกาลเพิ่มเติม พระราชบัญญัติวิชาชีพ พ.ศ.2540
1.ให้กรรมการทุกประเภทตามพระราชบัญญัติวิชาชีพ พ.ศ.2528 ดำรงอยู่จนครบวาระ
2.ใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะแผนปัจจุบันในสาขาการพยาบาล การผดุงครรภ์ และสาขาการพยาบาลและการผดุงครรภ์ หรือใบอนุญาตที่ออกตามพระราชบัญญัติวิชีพ พ.ศ.2528มีอายุต่อไปอีก 5 ปี นับแต่วันที่กฎหมายบังคับใช้
3.ผู้ที่ไม่เข้าเกณฑ์ตามข้อ 2 แต่สำเร็จการศึกษาในหลักสูตรไม่น้อยกว่า 3 ปี หรือประกาศนียบัตรเทียบเท่าอนุปริญญาในสาขาการพยาบาล การผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและการผดุงครรภ์จากสถาบันการศึกษาในประเทศไทย เมื่อสภาการพยาบาลตรวจสอบหลักสูตรและผ่านการสอบความรู้แล้วมีสิทธิขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพ
4.ยกเลิกค่าธรรมเนียมเก่าและใช้อัตราค่าธรรมเนียมใหม่ท้ายพระราชบัญญัตินี้แทน
5.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการณ์ตามพระราชบัญญัตินี้
ปัจจุบัน พ.ศ.2545 เมื่อครบกำนด 5 ปี ใบอนุญาตทุกประเภทจะมีผลสิ้นสุดลง ได้แก่ ใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ ในสาขาการพยาบาล การผดุงครรภ์ และสาขาการพยาบาลและการผดุงครรภ์ หรือใบอนุญาตที่ออกตามพระราชบัญญัติวิชาชีพ พ.ศ.2528 มีผลสิ้นสุดลงต้องต่อใบอนุญาต ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ โดยครั้งแรกต่อให้โดยคงคุณสมบัติเฉพาะการเป็นสมาชิกสามัญและเป็นผู้ประกอบวิชาชีพแต่ในระหว่าง 5 ปีต่อไป ต้องสะสมหน่วยคะแนนความรู้ 50 หน่วยคะแนนเพิ่มด้วย
สรุปได้ว่า พระราชบัญญัติวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ เป็นกฎหมายวิชาชีพที่ทำให้เกิดองค์กรวิชาชีพที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล คือ สภาการพยาบาล เพื่อควบคุมดูแลผู้ประกอบวิชาชีพให้ปฏิบัติงานอย่างมีมาตรฐาน กำหนดความรู้ คุณสมบัติสมาชิกตลอดจนจรรยาบรรณวิชาชีพ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติพร้อมกำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ประพฤติผิดจริยธรรม มีกระบวนการสอบสวนที่ยุติธรรม ตั้งแต่การรับเรื่องร้องเรียนแสวงหาข้อเท็จจริงและลงโทษ มีระเบียบการรองรับการปฏิบัติงานของพยาบาล ช่วยให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างอิสระและเต็มศักยภาพ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อระบบบริการสุขภาพและประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพจนเป็นที่ยอมรับ ไว้วางใจของประชาชน
กฎหมายวิชาชีพ มีความจำเป็นต่อทุกวิชาชีพ เพราะอาศัยหลักเกณฑ์ของกฎหมายควบคุมสมาชิกผู้ประกอบวิชาชีพให้ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนด
รวมทั้งสร้างความเชื่อถือ ศรัทธาให้เกิดในกลุ่มผู้รับบริการ
เกณฑ์สากลของความเป็นวิชาชีพ
อาชีพนั้นมีความจำเป็นต่อสังคม
มีศาสตร์เฉพาะสาขาของตน และมีการอบรมในระบบวิชาชีพ ที่ยาวนานพอสมควร
สามารถให้บริการแก่ผู้รับบริการได้มาตรฐานและตามบรรทัดฐานของวิชาชีพนั้น
มีจรรยาบรรณในการประกอบวิชาชีพ
มีเอกสิทธิ์ในการทำงาน
มีองค์กรวิชาชีพ ทำหน้าที่ควบคุมสมาชิกของวิชาชีพ กฎหมาย เพื่อคุ้มครองสมาชิกและผู้รับบริการ
4.5พระราชบัญญัติวิชาชีพการพยาบาล
กฎหมายวิชาชีพ เป็นเกณฑ์สากลที่ มีความจำเป็นต่อทุกวิชาชีพ เพราะอาศัยหลักเกณฑ์ของกฎหมายควบคุมผู้ประกอบวิชาชีพให้ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อถือ ศรัทธาในกลุ่มผู้รับบริการ
โครงสร้างของ พระราชบัญญัติวิชาชีพ
อำนาจหน้าที่ ผู้ประกอบวิชาชีพและลักษณะของวิชาชีพ และการประกอบวิชาชีพ ที่มาของสมาชิก สิทธิหน้าที่ การพ้นจากสถานภาพสมาชิก และการได้มาซึ่งสถานการณ์เป็นผู้มีสิทธิประกอบวิชาชีพ สิทธิหน้าที่ และการพ้นจากการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพองค์กรพยาบาล
คุณสมบัติของกรรมการและการพ้นจากสถานะของกรรมการสภา อำนาจหน้าที่และการดำเนินกิจการและกำหนดการควบคุมการประกอบวิชาชีพ บทเฉพาะกาล กฎหมายอาญา ประกอบด้วย พนักงานเจ้าหน้าที่และบทกำหนดโทษตามกฎหมายอาญา
พระราชบัญญัติ วิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ พ.ศ.2528 ที่แก้ไขเพิ่ม ฉบับที่2 พ.ศ.2540
เกณฑ์สากลของความเป็นวิชาชีพ
1.อาชีพนั้นมีความจำเป็นต่อสังคม
2.มีศาสตร์เฉพาะสาขาของตน และมีการอบรมในระบบวิชาชีพ
3.สามารถให้บริการแก่ผู้รับบริการได้มาตรฐานและตามบรรทัดฐานของวิชาชีพ
4.มีจรรยาบรรณในการประกอบวิชาชีพ
5.มีเอกสิทธิ์ในการทำงาน
6.มีองค์กรวิชาชีพ ทำหน้าที่ควบคุมสมาชิกของวิชาชีพ ผลักดันแง่กฎหมาย เพื่อคุ้มครองสมาชิกและผู้รับบริการ
นิยามศัพท์ที่สำคัญ
การพยาบาล
คือ เป็นการกระทำต่อมนุษย์เกี่ยวกับการดูแลและการช่วยเหลือเมื่อเจ็บป่วย การฟื้นฟูสภาพ การป้องกันโรค และการส่งเสริมสุขภาพ
การผดุงครรภ์
คือ การกระทำเกี่ยวกับการดูแลและการช่วยเหลือหญิงมีครรภ์ หญิงหลังคลิด และทารกแรกเกิด รวมถึงการตรวจ การทำคลอด การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันความผิดปกติในระยะตั้งครรภ์ ระยะคลอดและระยะหลังคลอด
การประกอบวิชาชีพการพยาบาล
ความหมาย
การปฏิบัติหน้าที่ พยาบาลต่อบุคคล ครอบครัว ชุมชน โดยการกระทำ
1.การสอน การแนะนำ การให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหา
2.การกระทำต่อร่างกายและจิตใจของบุคคล และจัดสภาพแวดล้อมเพื่อแก้ไขปัญหาความเจ็บป่วย
3.การกระทำตามวิธีที่กำหนดไว้ในการรักษาโรคเบื้องต้นและการให้ภูมิคุ้มกันโรค
4.การช่วยเหลือแพทย์กระทำการรักษาโรค
อาศัยหลักวิทยาศาสตร์และศิลปะการพยาบาลในการประเมินสภาพการวินิจฉัยปัญหา การวางแผน การปฏิบัติการ และการประเมินผล
การประกอบวิชาการผดุงครรภ์
ความหมาย
การปฏิบัติหน้าที่การผดุงครรภ์ต่อหญิงมีครรภ์ หญิงหลังคลอด ทารกแรกเกิด และครอบครัว
1.การสอน การแนะนำ การให้คำปรึกษาและการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพอนามัย
2.การกระทำต่อร่างกายและจิตใจของหญิงมีครรภ์ หญิงหลังคลอดและทารกแรกเกิด เพื่อป้องกันความผิดปกติ
3.การตรวจ การทำคลอด และการวางแผนครอบครัว
4.การช่วยเหลือแพทย์กระทำการรักษาโรค
5.อาศัยหลักวิทยาศาสตร์ และศิลปะการผดุงครรภ์ในการประเมินสภาพการพยาบาล วินิจฉัยปัญหา การวางแผนการปฏิบัติการพยาบาล และการประเมินผล
พนักงานเจ้าหน้าที่
ความหมาย
ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ มีอำนาจหน้าที่
1.ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าตรวจสอบใบอนุญาต ค้นหรือยึดหลักฐานที่ผิดกฎหมายในสถานที่นั้นได้โดยไม่ต้องขอให้ศาลออกหมายค้น และไม่มีความผิดฐานบุกรุกสถานที่นั้น เมื่อเข้าไปในช่วงเวลากลางวัน
2.ในการเข้าตรวจค้น พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้อง
3.ในการตรวจค้นให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจตามกฎหมายอาญา โดยผู้ที่ไม่ให้ความสะดวกมีความผิด ได้รับโทษตามที่กำหนด
ความหมายของการช่วยเหลือแพทย์กระทำการรักษาโรค
อนุญาตให้เปิดสถานพยาบาลตรวจรักษาโรคเบื้องต้นจะผ่านการบังคับใช้ผู้ปฏิบัติการพยาบาลและบุคลากรอื่น อาศัยการปฏิบัติงานภายใต้กฎหมายที่เป็นระเบียบกระทรวงสาธารณสุข
อนุญาตให้บุคคลที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมมีสิทธิในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
กำหนดให้มีสภาการพยาบาล ฐานะของสภาการพยาบาล(มาตรา6)
1.เป็นนิติบุคคล ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
1.เป็นบุคคลสมมุติตามกฎหมาย มีสภาพเหมือนบุคคลทั่วไป
2.นิติบุคคลทำความผิด ผู้แทนของนิติบุคคลร่วมรับผิดในฐานะตัวการ และนิติบุคคลนี้ถูกฟ้องล้มละลายได้
2.การตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะ(พ.ร.บ.) ทำให้ไม่สามารถถูกฟ้องล้มละลาย และไม่สามารถเลิกกิจการเหมือนเช่นนิติบุคคลทั่วไป
วัตถุประสงค์ของสภาการพยาบาล (มาตรา7) อำนาจและหน้าที่ของสภาการพยาบาล (มาตรา8) รายได้ของสภาการพยาบาล (มาตรา9)
1.งบประมาณแผ่นดิน
2.ค่าจดทะเบียนสมาชิกสามัญ ค่าบำรุง และค่าธรรมเนียมต่างๆ
3.จากการหารายได้ของสภาการพยาบาล โดยใช้เพื่อวัตถุประสงค์ของสภาการพยาบาล
4.รายได้จากเงินบริจาค รวมทั้งดอกผลของรายได้ต่างๆ
ตราสภาการพยาบาล
ตราตามกฎหมายเป็นรูปวงกลม
มีตะเกียงตั้งอยู่บนฐานของดอกบัว
มีคำว่าสภาการพยาบาลเหนือตะเกียงในวงกลม
มีคำว่า พ.ศ.2528 อยู่ที่ฐานของดอกบัว
สมาชิกและสิทธิหน้าที่ตามกฎหมาย หมวด 2 มาตรา 11-13
มี 2 ประเภท
1.สมาชิกสามัญ
2.สมาชิกกิตติมศักดิ์
โรคต้องห้ามตามข้อบังคับของสภาการพยาบาล
1.โรคจิต โรคประสาท
2.ติดยาเสพติด ติดสุราเรื้อรัง
3.โรคในระยะปรากฏอาการเป็นที่น่ารังเกียจต่อสังคม หรือเป็นอุปสรรคต่อการประกอบวิชาชีพ
โรคคุดทะราด
โรคเอดส์
กามโรค
สมาชิกกิตติมศักดิ์มีคุณสมบัติของสมาชิกกิตติมศักดิ์ มาตรา 11(2)
1.เป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่สภาการพยาบาลเห็นสมควรเชิญให้เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์
2.จำนวนอายุ การเป็นผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายไม่ได้กำหนด
สิทธิและหน้าที่ของสมาชิกสามัญ(มาตรา12) การพ้นจากสภาพสมาชิกสามัญ(มาตรา13)
1.ตาย
2.ลาออก
3.ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 11
การพ้นจากสมาชิกสามัญ
ส่งคืนใบอนุญาต ภายใน 15 วัน
ไม่ส่ง มีโทษปรับไม่เกิน 1000 บาท
การขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพ
1.สำเร็จในประเทศ คนสัญชาติไทยและมิใช่สัญชาติไทย
สำเร็จการศึกษาตามที่กำหนด
สมัครเป็นสมาชิกสามัญ
สอบขึ้นทะเบียน
2.สำเร็จในต่างประเทศ
คนสัญชาติไทย
สำเร็จการศึกษาตามที่กำหนด
ไม่ต้องสอบใบอนุญาตในประเทศที่ตนจบ
สมัครเป็นสมาชิกสามัญ
สอบขึ้นทะเบียน
ไม่ใช่สัญชาติไทย
สำเร็จการศึกษาตามที่กำหนด
ต้องสอบใบอนุญาตในประเทศที่ตนจบ
สมัครเป็นสมาชิกสามัญ
สอบขึ้นทะเบียน
มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศ 6 เดือน
เกณฑ์สำหรับผู้ไม่ขึ้นทะเบียนทันทีที่สำเร็จการศึกษา
1.สำเร็จก่อนและหลัง 6 กันยายน 2528
กรณีปฏิบัติงานโรงพยาบาลขอรัฐ ครบ 2 ปี สมัครเป็นสมาชิกสามัญและขอขึ้นทะเบียนทันทีไม่ต้องสอบ
ปฏิบัติงานในสถานพยาบาลเอกชน ต้องผ่านการฝึกอบรมทางวิชาการตามที่สภากำหนด
2.หลัง 24 ธันวาคม 2540 สมัครเป็นสมาชิกสามัญและขอสอบขึ้นทะเบียน
ประเภทของใบอนุญาต
มี3ประเภท
1.ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้น 1 และ 2
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้น 1 และ 2
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้น 1 และ 2
การพ้นจากการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพ
1.พ้นจากการเป็นสมาชิกสามัญ
2.ถูกเพิกถอนใบอนุญาต
3.ใบอนุญาตหมดอายุ
คณะกรรมการสภาการพยาบาล
ประเภทของคณะกรรมการ
1.กรรมการสภา จากการเลือกตั้ง จำนวน 16 คน
กรรมการสภา จากการแต่งตั้ง จำนวน 16 คน
3.กรรมการที่ปรึกษา จำนวนไม่เกิน 1 ใน 4 ของกรรมการ
สรุปประเด็นสำคัญ
นายกสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการสภา
ตัวแทนจากกระทรวงสาธารณสุขมีสัดส่วนมากที่สุด
กรรมการสภาที่มาจากปลัดกระทรวงสาธารณสุขไม่ต้องประกอบวิชา
ถ้านายกสภาเลือกเลขาธิการสภาจากสมาชิกสามัญ กรรมการ จะมีจำนวน 33 คน
การเลือกตั้งนายกสภา เป็นการเลือกตั้งทางอ้อม
กรรมการสภา เลือกคณะผู้บริหาร
นายกสภา อุปนายกสภา คนที่1 และ คนที่ 2
นายกสภา เลือก เลขาธิการสภา รองเลขาธิการสภา ประชาสัมพันธ์ เหรัญญิก
วาระของกรรมการ 4 ปี ตามวาระที่มาของกรรมการว่าแต่งตั้ง หรือเลือกตั้งแต่เลขาธิการสภา
นายกสภาถอดถอนเลขาธิการได้
กรรมการพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ
ขาดคุณสมบัติตามมาตรา13
ตาย ลาออก ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 11
ขาดคุณสมบัติตามาตรา 18
ลาออก
คุณสมบัติของกรรมการสภา มาตรา 18
เป็นผู้ประกอบวิชาชีพ
ไม่เคยถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตหรือเพิกถอน
ไม่เคยเป็นบุคคลล้มละลาย
ความแตกต่างระหว่างคุณสมบัติของกรรมการสภาและสมาชิกสามัญ
การไม่เคยเป็นบุคคลล้มละลาย
ไม่เคยถูกพักใช้ เพิกถอน
กรรมการจะดำรงตำแหน่งมากกว่า 2 วาระ ติดต่อกันไม่ได้
การเลือกตั้งกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่างลง
กรรมการว่างลง
หนึ่งในสองหรือน้อยกว่าของกรรมการจากการเลือกตั้ง มากกว่าหรือเท่ากับ 8 เลือกสมาชิกสามัญขึ้นแทน
มากกว่าหนึ่งในสอง คือ มากกว่า 8 คน ต้องจัดให้สมาชิกสามัญเลือกตั้งกรรมการขึ้นแทนภายใน 90 วัน
ถ้าอายุกรรมการเหลือต่ำกว่า 90 วัน ให้รอเลือกตั้งใหญ่พร้อมกัน
หน้าที่กรรมการบริหารสภาการพยาบาล
นายกสภา
ดำเนินกิจการของสภาการพยาบาล
เป็นผู้แทนสภาในกิจการต่างๆ
เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการเลขาธิการสภา
เลขาธิการสภา
ควบคุมรับผิดชอบงานธุรการทั่วไป
ควบคุมบังคับบัญชาเจ้าหน้าที่สภา
.รับผิดชอบในการดูแลทะเบียนต่างๆ
ควบคุมทรัพย์สินของสภา
เป็นเลขานุการคณะกรรมการ
สภานายกพิเศษ
รักษาการตามพระราชบัญญัติ
แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่
ออกกฎกระทรวงและกำหนดค่าธรรมเนียมต่างๆ
ให้ความเห็นชอบมติของคณะกรรมการในเรื่อง
1.การออกข้อบังคับสภา
2.การกำหนดงบประมาณของสภา
3.การให้สมาชิกพ้นจากสมาชิกภาพ
4.การวินิจฉัยชี้ขาด ขั้นลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพ ขั้นพักใช้ และเพิกถอนใบอนุญาต
การดำเนินกิจการของคณะกรรมการสภา
1.การประชุมของคณะกรรมการสภาการพยาบาล
เรื่องทั่วไป
กรรมการอย่างน้อย=16คน
เรื่องสำคัญ
ใช้กรรมการเต็มคณะมี 2 กรณี
การให้สมาชิกพ้นจากสมาชิกภาพ เพราะขาดคุณสมบัติตามมาตรา11 ข้อ ค ง จ
เป็นผู้ประพฤติเสียหาย
การต้องโทษจำคุก
การพิจารณาทบทวนการลงมติ ในเรื่องที่สภานายกพิเศษยับยั้งมติของสภาการพยาบาล
เมื่อมติสภาถูกยับยั้ง คณะกรรมการสภาฯต้องเรียกประชุมคณะกรรมการเต็มคณะภายใน 30 วัน นับแต่ที่สภานายกพิเศษมีคำสั่งไม่เห็นชอบ หากกรรมการสภายืนยันมติเดิมด้วยเสียง 2/3ของทั้งหมด
2.การลงมติ
กรรมการ 1 คน มี 1 เสียง
เรื่องทั่วไป
ถือเสียงข้างมาก ถ้าเสียงเท่ากันให้ประธานชี้ขาด
เรื่องสำคัญ
คะแนนเห็นชอบ จะต้องมี 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งคณะ คือ ไม่ต่ำกว่า 22 เสียง
ต้องเป็นการประชุมลับ บุคคลภายนอกจะเข้าได้ต้องมีหนังสือเชิญจากสภาหรือประธานในที่ประชุมอนุญาต
3.การขอความเห็นชอบจากสภานายกพิเศษ
สภานายกพิเศษ เห็นด้วย
มีคำสั่ง เห็นชอบ หรือไม่ท่วงคำสั่งใดๆใน15วัน ถือว่าเห็นชอบ
สภานายกพิเศษ ไม่เห็นชอบ
ท่วงคำสั่งไม่เห็นชอบ ต้องภายใน15วัน
การลงมติแย้งสภานายกพิเศษ
ต้องทำภายใน30วัน ใช้กรรมการสภาเต็มคณะลงมติด้วยเสียง 2/3
4.การพ้นจากตำแหน่งของกรรมการที่ปรึกษา
กรรมการที่ปรึกษาจากกรรมการชุดใดพ้นจากตำแหน่งตามวาระกรรมการชุดนั้น
5.การเข้าแทนตำแหน่งของกรรมการสภาที่ว่างลงก่อนครบวาระ
นางสาว อรพิมล ปิ่นปี เลขที่ 60 612001141