Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ระเบียบกฎเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นและ…
ระเบียบกฎเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นของไทย
การเข้าชื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น
มาตรา 285
มีข้อความคล้ายคลึงกับ มาตรา 286 ของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 แต่มีความแตกต่าง ดังนี้
ไม่ได้มีการระบุจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่จะเข้าชื่อถอดถอน
ไม่ได้มีการระบุการลงคะแนนเสียง
ไม่ได้มีการระบุหลักเกณฑ์และวิธีการเข้าชื่อ
มาตรา 286
เมื่อประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในท้องถิ่นเห็นว่าบุคคลต่างๆดังกล่าว ไม่สมควรดำรงตำแหน่งต่อไป สามารถเข้าชื่อเป็นจำนวน 3 ใน 4 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มาลงคะแนนเสียงเพื่อลงคะแนนถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในท้องถิ่นจำนวน 2 ประเภท ได้แก่
สมาชิกสภาท้องถิ่น
สมาชิกสภาเมืองพัทยา :silhouettes:
สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด :silhouettes:
สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล :silhouettes:
สมาชิกสภาเทศบาล :silhouettes:
สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร :silhouettes:
ผู้บริหารท้องถิ่น
นายกเทศมนตรี :silhouette: :
นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด :silhouette: :
นายกองค์การบริหารส่วนตำบล :silhouette: :
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร :silhouette: :
นายกเมืองพัทยา :silhouette: :
เมื่อผู้มีสิทธิลงคะแนนตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ดังกล่าวมาร่วมลงชื่อถอดถอน ก็จะนำมาสู่กระบวนการถอดถอนโดยการลงคะแนนเสียง ซึ่งผู้มาลงคะแนนเสียงจะต้องมีไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
กฏหมายถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น
เป็นกฎหมายที่ประกาศใช้ตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540
สาระสำคัญ คือ การกำหนดวิธีและขั้นตอนการลงคะแนนเสียงถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
หากประชาชนเห็นว่าสมาชิกคนใดไม่สมควรดำรงตำแหน่งต่อไป จะต้องเข้าชื่อร้องขอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อดำเนินการให้มีการลงคะแนนเสียงถอดถอน
รายละเอียดการจัดทำคำร้องเข้าชื่อถอดถอนสมาชิก
ชื่อ ที่อยู่
รายละเอียดของข้อเท็จจริง
รายชื่อผู้แทนของผู้เข้าชื่อที่จะมีอำนาจดำเนินกิจการที่เกี่ยวข้องกับการจัดให้มีการลงคะแนนเสียงถอดถอนสมาชิก
คำรับร้องผู้แทนของผู้เข้าชื่อที่มีอำนาจดำเนินกิจการให้มีการลงคะแนนเสียงถอดถอน
กระบวนการถอดถอนสมาชิก
ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ส่งคำร้องให้สมาชิกท้องถิ่นที่ประชาชนเข้าชื่อถอดถอนนั้นภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับคำร้องนี้
ให้สมาชิกจัดทำคำชี้แจง แล้วให้ส่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งคำร้องจากผู้ว่าราชการจังหวัด
ผู้ว่าราชการจังหวัดแจ้งให้คณะกรรมการการเลือกตั้งทราบภายใน 7 วัน
คณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดจะต้องประกาศกำหนดวันลงคะแนนเสียงไม่เกิน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งจากผู้ว่าราชการจังหวัดไม่น้อยกว่า 20 วัน ก่อนวันลงคะแนนเสียง
ให้สิทธิแก่ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถลงคะแนนเสียงถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นได้
พ.ร.บ.ว่าด้วยการลงคะแนนเสียงถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2542
การลงคะแนนเสียงถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
ให้ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงทำเครื่องหมายในช่องที่ “เห็นด้วย” หรือ “ไม่เห็นด้วย” กับการให้ถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
ในวันลงคะแนนเสียงให้เปิดการลงคะแนนเสียงตั้งแต่เวลา 08.00 -15.00 น.
ก่อนเปิดให้มีการลงคะแนนเสียง คณะกรรมการนับจำนวนบัตรลงคะแนนเสียงทั้งหมดของหน่วย และปิดประกาศจำนวนบัตรทั้งหมดไว้ในที่เปิดเผย
ให้ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงลงชื่อ หรือพิมพ์ลายนิ้วมือในบัญชีรายชื่อไว้เป็นหลักฐาน กรรมการประจำหน่วย จึงจะมอบบัตรลงคะแนนเสียงให้แก่ผู้นั้น เพื่อไปลงคะแนนเสียงได้
หากคณะกรรมการลงคะแนนเสียงไม่สามารถดำเนินการได้อันเนื่องจากเกิดจลาจล อุทกภัย หรือเหตุสุดวิสัย คณะกรรมการประจำหน่วยต้องกำหนดสถาน และกำหนดวันลงคะแนนเสียงใหม่ ภายใน 30 วัน และต้องประกาศก่อนวันลงคะแนนเสียงล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน
เมื่อถึงเวลาปิดการลงคะแนนเสียง คณะกรรมการจะต้องจัดทำรายงานเกี่ยวกับจำนวนบัตรลงคะแนนเสียงทั้งหมด จำนวนผู้มาใช้สิทธิและจำนวนบัตรที่เหลือ โดยกรรมการประจำที่ลงคะแนนเสียงทุกคน จะต้องลงชื่อและประกาศให้ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงทราบ
ในวันลงคะแนนเสียง ให้ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงไปแสดงตนต่อกรรมการประจำหน่วยพร้อมกับแสดงบัตรประจำตัวประชาชน หรือหลักฐานอื่นของทางราชการที่มีรูปถ่ายสามารถแสดงตนได้
บัตรเสีย
เป็นบัตรปลอม
เป็นบัตรที่ไม่ได้ทำเครื่องหมายลงคะแนน
เป็นบัตรที่ทำเครื่องหมาย จนไม่สามารถรู้ได้ว่าลงคะแนนเสียงในทางใด
เป็นบัตรที่มีลักษณะที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดว่าเป็นบัตรเสีย
เป็นบัตรที่มีลักษณะที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดว่าเป็นบัตรเสีย
วิธีพิจารณาการคัดค้านการลงคะแนนเสียง
1 หากผู้มีสิทธิเลือกตั้งเห็นว่าการลงคะแนนเสียงเป็นไปโดยไม่ถูกต้องสามารถยื่นคำร้องคัดค้านการลงคะแนนเสียงผ่านผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ภายใน 30 วัน ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดจะรับคำร้องคัดค้านและส่งไปยังเลขาธิการการเลือกตั้ง
2.ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดจะเป็นผู้พิจารณาสั่งรับหรือไม่รับคำร้องคัดค้าน ต้องดำเนินการภายใน 3 วัน นับตั้งแต่ได้รับคำร้องคัดค้าน หากมีการพิจารณาให้รับคำร้อง ก็จะส่งให้เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนดำเนินการต่อไป
กรณีที่พบว่ามีผู้อื่นเกี่ยวข้องกับผู้ถูกคัดค้าน เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนจะต้องแจ้งให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทราบ แล้วดำเนินการสอบสวนผู้นั้นด้วย
4 ผู้ถูกคัดค้านมีสิทธิยื่นคำชี้แจงหรือคำโต้แย้งข้อคัดค้าน ก่อนที่จะเสนอรายงานสรุปสำนวนการสืบสวนสอบสวนต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด
5 ให้ใช้ภาษาไทยในการสืบสวนสอบสวน แต่หากมีความจำเป็นต้องแปลภาษาไทยเป็นภาษาต่างประเทศ หรือภาษาต่างประเทศให้เป็นภาษาไทย ก็ให้ใช้ล่ามแปล
6 เมื่อเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว ให้ทำรายงานการสืบสวนสอบสวน
7 หากคณะกรรมการการเลือกตั้งได้วินิจฉัยสั่งการในเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้ว พบว่ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติที่มีโทษทางอาญาตามกฎหมาย คณะกรรมการการเลือกตั้งอาจมอบหมายให้เลขาธิการหรือพนักงานดำเนินการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป
ข้อห้ามกระทำผิดการเลือกตั้งและบทกำหนดโทษ
หากผู้บังคับบัญชาหรือนายจ้างขัดขวางไม่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือลูกจ้างไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียง มีความผิดต้องระวางโทษาจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ใดกระทำการตามข้อห้ามที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ ให้มีความผิดระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ การกระทำที่เป็นข้อห้ามดังกล่าว ได้แก่
:red_cross: ห้ามทำบัตรลงคะแนนเสียงชำรุดหรือเสียหายหรือให้เป็นบัตรเสียโดยจงใจกระทำการ หรือกระทำการใดๆ แก่บัตรเสียให้เป็นบัตรที่ใช้ได้
:red_cross: ห้ามลงคะแนนเสียงทั้งที่ไม่ได้เป็นผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียง
:red_cross: ห้ามใช้บัตรอื่นที่ไม่ใช่บัตรลงคะแนนเสียงมาลงคะแนนเสียง
:red_cross: ห้ามนำบัตรลงคะแนนเสียงออกไปจากที่ลงคะแนนเสียง
:red_cross: ห้ามทำเครื่องหมายโดยวิธีใดๆก็ตาม ไว้ที่บัตรลงคะแนน
:red_cross: ห้ามเรียกทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดเพื่อตนเองหรือผู้อื่นจะได้ลงคะแนนเสียงหรืองดลงคะแนนเสียง
:red_cross: ห้ามกระทำการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อไม่ให้ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงสามารถใช้สิทธิได้ หรือขัดขางไม่ให้ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงไปที่ลงคะแนนเสียง
:red_cross: ห้ามก่อความวุ่นวายขึ้นในที่ลงคะแนนเสียง หรือกระทำการใดที่จะเป็นการรบกวน เป็นอุปสรรคต่อการลงคะแนนเสียง หรือฝ่าฝืนคำสั่งของคณะกรรมการประจำที่ลงคะแนน
หากคณะกรรมการประจำที่ลงคะแนนเสียง จงใจนับบัตรลงคะแนนเสียงผิด หรือรวมคะแนนให้ผิด หรือกระทำการด้วยประการใดๆ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะมีความผิดระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 200,000 บาท