Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การอักเสบและการติดเชื้อ - Coggle Diagram
การอักเสบและการติดเชื้อ
การติดเชื้อ (infection)
วงจรการติดเชื้อ (Chain of infection)
เชื้อที่เป็นสาเหตุหรือเชื้อก่อโรค (Infectious agent)
แบคทีเรีย
โปรโตซัว
เชื้อรา
ไวรัส
พยาธ
รังโรค (Reservoir
แหล่งที่เชื้อโรคอาศัย
เจริญเติบโต
แบ่งตัว
แพร่กระจายพันธ
ทางออกของเชื้อจากรังโรค (Portal of exit)
ช่องทางในการแพร่กระจายเชื้อโรคออกจากรังโรค
สามารถออกจากร่างกายของคนได้หลายทาง
ระบบทางเดินหายใจ
ระบบสืบพันธุ์
ระบบทางเดินปัสสาวะ
ระบบโลหิต
วิธีการแพร่กระจายเชื้อ (mode of transmission)
วิธีการที่เชื้อโรคที่ออกจากรังโรคใช้เพื่อเข้าสู่ Host
อาจเป็นการสัมผัส (Contacttransmission
การแพร่เชื้อในอากาศ (Airborne vehicle)
การแพร่กระจายโดยมีตัวนํา (Common vehicle transmission)
ทางเข้าของเชื้อที่เข้าสู่ร่างกาย (Portal of entry)
ทางเดินหายใจ
ทางเดินอาหาร
อวัยวะสืบพันธุ์
ผิวหนังที่ฉีกขาด
ความไวของบุคคลในการรับเชื้อ (Susceptible host)
บุคคลจะติดเชื้อได้ง่ายหรือยากนั้น
ขึ้นอยู่กับลักษณะของเชื้อจุลชีพ
ธรรมชาติของเนื้อเยื่อที่รับเชื้อ
สุขภาพทั่วไปของแต่ละบุคคล
ภูมิคุ้มกันโรค
ระยะของการติดเชื้อ
ระยะที่1 Incubation period
ระยะฟักเชื้อ
ระยะนี้เริ่มตั้งแต่เชื้อเข้าสู่ Host
มีการเจริญเติบโตแบ่งตัว
ระยะนี้อาจใช้เวลาเป็นชั่วโมงถึงเป็นปี ขึ้นกับชนิดของเชื้อโรคและสภาพของ Host
ระยะที่ 2 Prodomal period
ระยะที่มีอาการนํา
ระยะที่ Host เริ่มแสดงอาการผิดปกติเนื่องจากการติดเชื้อ (Nonspecific symptoms)
เบื่ออาหาร (Anorexia)
ปวดเมื่อยตามตัว (Malaise)
ปวดศีรษะ
ปวดกล้ามเนื้อ (Muscle aches)
ปวดข้อ (Joint pain)
ระยะที่ 3 Acute period
Localized acute infection
การติดเชื้อที่สามารถระบุตําแหน่งได้
ชัดเจน
ร่างกายจะมีปฏิกิริยาการอักเสบ (Inflammatory response)
Systemic acute infection
การติดเชื้อที่มีผลต่อทุกส่วนของร่างกาย
ทําให้ร่างกายต้องใช้เมตาบอริซึมเพิ่มขึ้น
มีไข้ หนาวสั่น
หัวใจเต้นเร็ว
(Tachycardia)
หายใจเร็ว (Tachypnea)
ระยะที่ 4 Convalescent period
ระยะพักฟื้น
ระยะที่ Host ได้รับการ
รักษาจนหาย
ชนิดของเชื้อก่อโรค (Classification of infectious agents่
พรีออน (Prion)
อนุภาคโปรตีนที่ก่อโรคและมีขนาดเล็กที่สุด
ลักษณะพยาธิสภาพของเนื้อสมองเป็นรูพรุนคล้ายฟองน้ํา
(Spongiformencephalopathy)
ไวรัส (Viruses)
สารพันธุกรรมนิวคลีอิคแอซิด (Nucleic acid)
ดีเอ็นเอ (DNA)
อาร์เอ็นเอ (RNA)
รูปร่างของโปรตีนห่อหุ้ม (Protein coat)
อาการและอาการแสดง
การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ จะมีไข้ ไอ อาจมีน้ํามูก
การติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร จะมีอาการปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน
การติดเชื้อที่สมอง จะมีอาการไข้สับสน
ปวดศีรษะ ชักและอาจโคม่าได
การตรวจวินิจฉัย
การตรวจปัสสาวะ (Urinalysis หรือ UA)
การตรวจอุจจาระ (Stool examination)
การตรวจเลือด
แบคทีเรีย (Bacteria)
Exotoxins เป็นโปรตีนที่ ละลายน้ําได้(Soluble protein substances)
Endotoxins (Lipopolysaccharides, LPS)
กระตุ้นกระบวนการอักเสบของร่างกายซึ่งจะทําให้เกิดภาวะไข
เชื้อรา (Fungi)
เชื้อราชนิดที่มีเซลล์เดียว (Unicellular organism)
ยีสต์(Yeast)
เชื้อราชนิดที่มีหลายเซลล์ (Multicellular organism)
ความรุนแรงของการเกิดโรคตามความลึกของการเจริญในร่างกายมนุษย์
Superficial mycoses
การติดเชื้อราที่อยู่ตื้นที่สุด
มีพยาธิสภาพจํากัดอยู่บริเวณขนผมและผิวหนังชั้นนอกสุด
Cutaneous mycoses
เชื้อราที่บริเวณผม ขน เล็บ
ตอบสนองทางภูมิคุ้มกันพบการอักเสบ บวม แดง
ความผิดปกติต่อโครงสร้างของผิวหนัง ผม และเล็บได้
. Subcutaneous mycoses
ติดเชื้อราที่มีพยาธิสภาพบริเวณผิวหนังและใต้ผิวหนัง
การติดเชื้อราที่หนังกําพร้า (Epidermis
หนังแท้ (Dermis)
เชื้อราบางชนิดสามารถลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียง
กระดูก
หลอดเลือด
ต่อมน้ําเหลือง
Systemic (deep) mycoses
การติดเชื้อราในระบบต่าง ๆ
ทางการหายใจ
ทางเดินอาหาร
ทางหลอดเลือดดําในผู้ป่วยที่คาเข็มฉีดยา
ปรสิต (Parasites)
โปรตัวซัว
Trichomonas vaginalis ทําให้เกิดการอักเสบในอวัยวะสืบพันธุ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์โปรโตซัวที่ทําให้เกิดโรคที่ทางเดินอาหาร (Intestinal protozoa)
พยาธิ(Worms or flukes)
พยาธิใบไม้ในตับ
พยาธิตัวตืด
พยาธิตืดหมู (taenia solium หรือ pork tapeworm)
พยาธิตืดวัว (Taenia saginata หรือ beef tapeworm)
ภาวะไข้(Fever หรือ pyrexia)
ภาวะที่อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้นกว่าปกติประมาณ 1-4 องศา
สารที่ทําให้เกิดอาการไข้คือ Pyrogens
Exogenous pyrogens
Lipopolysaccharide (LPS) ในแบคทีเรีย
Endogenous pyrogens
Interleukin-1 (IL-1)
Tumor necrotic factor (TNF)
กลไกการเกิดไข้ ภายหลังจากมี Pyrogens เข้าสู่ร่างกาย
ขั้นตอนที่ 1 เซลล์ที่ได้รับบาดเจ็บหรือถูกทําลายปล่อย Endogenouspyrogensออกมา
ขั้นตอนที่ 2 มีการตั้งค่าอุณหภูมิร่างกายใหม่ที่ Hypothalamic thermoregulatorycenter โดยสารสื่อนําหรือ Toxins จาก Pyrogens
ขั้นตอนที่ 3 ร่างกายตอบสนองต่ออุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น เช่น อาการหนาวสั่น เพิ่มอัตราเมตาบอลิซึมของเซลล
ขั้นตอนที่ 4 อุณหภูมิร่างกายค่อยๆ เพิ่มขึ้นตอบสนองต่อจุดSet pointใหม่ของร่างกาย
ขั้นตอนที่ 5 การตอบสนองของร่างกายเพื่อลดอุณหภูมิลง (Temperaturereducingresponses)
หลอดเลือดขยายตัว (Vasodilation)
เหงื่อออก (Sweating)
หายใจเร็ว (Increased
ventilation) อ
อาการและอาการแสดงทำให้ผลของการตอบสนองของร่างกาย
มี4 ระยะ
Prodromal stage อาการแรกเริ่มไมรุนแรง พบมีอาการปวดศีรษะเนื่องจากหลอดเลือดสมองขยายตัว อ่อนเพลีย รู้สึกไม่สุขสบาย(malaise)
Chill stage อาการรุนแรงขึ้น เริ่มจากหลอดเลือดหดตัว มีอาการขนลุก
(Piloerection) ผิวหนังซีด รู้สึกหนาว (Cold) มีอาการสั่น (Chill or shivering)
Flush stage ผิวร่างกายเริ่มแดง (Flush) และอุ่นขึ้น เนื่องจากหลอดเลือดบริเวณผิวหนังขยายตัว (Cutaneous vasodilation)
Defervescence stage เป็นระยะของการมีไข้สูง (Febrile) อาการเริ่มจากมีเหงื่อออกมาก (Sweating)
เกิดอาการซึม สับสน (Confusion or delirium) เนื่องจาก
การทํางานของปอดลดลง (Increasing in poor oxygen uptake)
อาจทําให้เกิดภาวะสมองขาดออกซิเจน (Cerebral hypoxia) ได้ในเวลาต่อมา ในเด็กเล็กอาจพบอาการชัก(Febrile seizure เมื่ออุณหภูมิร่างกายเด็กสูงขึ้น