Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 8 การประเมินภาวะสุขภาพการดูแลช่วยเหลือมารดาและทารกในระยะที่ 2 3 และ…
บทที่ 8 การประเมินภาวะสุขภาพการดูแลช่วยเหลือมารดาและทารกในระยะที่ 2 3 และ 4 ของการคลอด (ครั้งที่ 3 )
- การตรวจรก การตรวจการฉีกขาดช่องทางคลอด
การตรวจการหดรัดตัวของมดลูก
-
- เยื่อหุ้มทารก (Fetal Membranes)
-
-
- สายสะดือ (Umbilical cord)
-
- ตำแหน่งการเกาะของสายสะดือบนรก
4.1 Insertio centralis หรือ Central insertion สายสะดือติดอยู่กลาง Chorionic plate
4.2 Insertio lateralis หรือ Lateral insertion สายสะดือติดไปทางด้านใดด้านหนึ่งบน Chorionic plate
4.3 Insertio marginalis หรือ Marginal insertion สายสะดือจะติดอยู่ที่ริมขอบรก ทำให้มองดูเหมือนแรกเก็ต รกที่มีสายสะดือเกาะเช่นนี้จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า Battledore placenta
- การตรวจการฉีกขาดช่องทางคลอด
- First degree tear
เป็นการฉีกขาดบริเวณ Fourchette เท่านั้น
- Second degree tear
เป็นการฉีกขาดลึกลงไปถึง
กล้ามเนื้อ Perineal body
แต่ไม่ถึง anal sphincter
- Third degree tear
เป็นการฉีกขาดลึกลงไปถึงหูรูดทวารหนัก (Anal sphincter) บางครั้งถึงผนังหน้าของทวารหนัก (Rectal mucosa) ซึ่งเรียกว่า Complete tear หรือ Fourth degree
- การตัดฝีเย็บ
คือการตัดเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อบางส่วนของช่องคลอดและฝีเย็บ เพื่อขยายทางคลอดให้กว้างขึ้น
สาเหตุของการตัดฝีเย็บ
- ความไม่สมดุลระหว่างศีรษะทารกกับฝีเย็บ
- การคลอดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มดลูกหดรัดตัวแรง
- คลอดโดยใช้สูติศาสตร์หัตถการ โดยการใช้คีม
ประโยชน์ของการตัดฝีเย็บ
- ลดอันตรายต่อสมองทารก
- ป้องกันการฉีกขาดของ Perineal body,External anal sphincter และผนังของ rectum
- ป้องกันการฉีกขาดหรือการยืดหย่อนของ Pelvic floor
- สะดวกแก่การซ่อมแซมฝีเย็บ
ข้อบ่งชี้ในการตัดฝีเย็บ
- ผู้คลอดครรภ์แรก
- ผู้คลอดครรภ์หลังที่เคยเย็บฝีเย็บมาแล้ว
- การคลอดท่าก้น
- การคลอดทารกก่อนกำหนด
- ทารกมีขนาดใหญ่
- ทารกที่คลอดโดยเอาท้ายทอยอยู่ทางด้านหลัง
- ในรายที่ต้องทำสูติศาสตร์หัตถการ
- ในรายที่เคยมีการฉีกขาด
จนถึง Rectum ในการคลอดครั้งก่อน ๆ
- ฝีเย็บแคบ สูง หรือ หนา
ชนิดของการตัดฝีเย็บ
ตัดจาก posterior fourchette ไปทางด้านข้าง ขนานกับแนวราบ
ไม่ควรตัดเฉียงขึ้นไปมาก เพื่อหลีกเลี่ยงการตัด Bartholin’s gland
วิธีนี้ไม่นิยมทำ เนื่องจากเสียเลือดมาก แผลหายช้า
ตัดจาก posterior fourchette ลงไปตามแนวดิ่ง และควรหยุดห่างจากกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักอย่างน้อย 1 ชม. เป็นวิธีที่นิยมทำ เนื่องจากเสียเลือดน้อย ซ่อมแซมง่าย และไม่รู้สึกเจ็บปวด
- Medio - Lateral episiotomy
ตัดจากจุด posterior fourchette ลงไปโดยทำมุมกับแนวดิ่ง 45 องศา
นิยมทำ เนื่องจากฉีกขาดลุกลามไปถึง rectum น้อย
-
วิธีการตัดฝีเย็บ
- ฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณที่จะตัด แทงเข็มฉีดยาเป็นรูป Fan – shaped
- ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางของมือซ้าย (ผู้ที่ถนัดขวา) สอดระหว่างฝีเย็บและส่วนนำของทารกแล้วจึงสอดกรรไกรเข้าไปตัด เพื่อป้องกันไม่ให้ปลายกรรไกรทำอันตรายกับส่วนนำของทารก ตัดเพียงครั้งเดียว
- ตัดฝีเย็บผ่านผิวหนังและกล้ามเนื้อภายใน superficial perineal compartment ตามชนิดที่ต้องการตัด
- ตัดให้ตรงกับกึ่งกลางของ Fourchette
-
-
การพยาบาลขณะที่ตัดฝีเย็บ
- บอกให้ผู้คลอดทราบ
- ฉีดยาชาอย่างถูกวิธีให้ในขนาดที่เหมาะสมและระวังไม่ฉีดเข้าไปในหลอดเลือด
- ตัดฝีเย็บในเวลาที่เหมาะสม
- สังเกตฤทธิ์ข้างเคียงของยาชา เช่น ซึม มีอาการกระตุกตามใบหน้า แขน ขา ชัก ทางเดินหายใจถูกกด
- สังเกตปริมาณเลือดที่ออกจากฝีเย็บ ถ้ามีเลือดออกมาก ควร stop bleeding
- การซ่อมแซมฝีเย็บ (Perineorrhaphy)
การเย็บซ่อม Fascia และกล้ามเนื้อ ด้วยไหมละลาย No 2/0 - 3/0 ให้ขอบแผลเชื่อมกันเหมือนเดิม
ระดับการฉีกขาดของฝีเย็บ
- First degree tear เป็นการฉีกขาดของผิวหนังที่ฝีเย็บและชั้นเยื่อบุผนังช่องคลอด
- Second degree tear เป็นการฉีกขาดของชั้นผิวหนัง เยื่อบุ พังผืด และกล้ามเนื้อของช่องคลอดและฝีเย็บ
- Third degree tear เป็นการฉีกขาดเช่นเดียวกับ Second degree tear
และกล้ามเนื้อเนื้อหูรูดทวารหนัก
- Fourth degree tear เป็นการฉีกขาดเช่นเดียวกับ Third degree tear และมีการฉีกขาดต่อจากกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักจนถึงผนังของ Rectum
ชนิดของการเย็บแผล
- Interrupted simple suture คือ การเย็บแผลทั้งสองข้างให้มาบรรจบกันตรงกลางแล้วผูกปม
- Horizontal figure-of-eight suture (การเย็บรูปเลข 8 )
- Continuous non-locking ใช้ไหมเส้นเดียวเย็บตลอดความยาวของแผลแล้วจึงผูกปม
- Continuous lock วิธีเย็บคล้ายกับแบบ simple suture แต่ใช้ไหม
เส้นเดียวกันเย็บตลอดความยาวของแผล
- Subcuticular stitch เริ่มต้นจากมุมแผล แล้วใช้เข็มแทงใต้ผิวหนังเข้าไปห่างจากขอบอย่างน้อย 0.3 เซนติเมตร เข้าและออกในขอบแผลทั้งสองข้าง ที่ระดับเดียวกันจนถึงมุมแผลอีกข้าง จึงผูกปม
- การประเมินและการพยาบาล
ผู้คลอด 2 ชั่วโมงหลังคลอด
-
-
-
แบบประเมินอื่นๆ
หลักการประเมิน 5B
-
-
3) Bladder and Uterus
ประเมินกระเพาะปัสสาวะ ว่ามีโปุงตึง มีน้ำปัสสาวะคั่งค้างหรือไม่ และการประเมินระดับยอดมดลูก และการหดรัดตัวของมดลูก โดยประเมิน การหดรัดตัวของ
มดลูกทุก 15-30 นาที ใน 4 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นประเมินทุก 1-4 ชั่วโมง
4) Bleeding ,Lochia
and Episiotomy
ประเมินลักษณะ และปริมาณของเลือดหรือน้ำคาวปลา
ที่ออกจากช่องคลอด และการประเมินบริเวณช่องทางคลอด
และแผลฝีเย็บ ตรวจความผิดปกติทุกๆ 8 ชั่วโมง โดยใช้หลัก REEDA Scale
-
-
- การส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างบิดา มารดา ทารกและสมาชิกในครอบครัว
การนวดสัมผัส แบบ Swwdish ทำให้บิดามารดาได้พัฒนาความรัก ความผูกพันธ์ต่อทารก จากประสาทสัมผัสที่มือกับผิวหนังและร่างกายของทารก ทำให้ทารกผ่อนคลาย อารมณ์ดีและมีความสุข
1 ชั่วโมงหลังเกิดควรให้ลูกได้ดูดนมจากอกของมารดา จะช่วยสร้างสัมพันธ์แม่ลูกได้ดีและยังช่วงฝึกทารกในการดูดนมได้เร็วมาขึ้นอีกด้วย
-
ส่งเสริมให้แม่ พ่อ และลูกมีการสร้างสายสัมพันธ์แม่ลูกขณะอยู่ในโรงพยาบาล โดยให้แม่พ่อและลูกอยู่ด้วยกันอย่างส่วนตัวในชั่วโมงแรกหลังคลอดและระหว่างที่อยู่ในโรงพยาบาล
ให้ปู่ ย่า ตา ยาย ได้เยี่ยททารก ช่วยเหลือบิดามารดาในการช่วยเลี้ยงดูทารก และแสดงความรู้สึกต่างๆเกี่ยวกับทารก
-
-
-
เอกสารอ้างอิง
-
Piyanan Pothichal MSN, Patcharaporn Jenjaiwit Ph.D. .Interaction Promoting Program for Family with First-Born Infant. Journal of Nursing Science & Health. 35(1):2-8.
-