Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 5 เทคนิคการบริหารทางการพยาบาล, หัวหน้างานบริหารเวลา, นางสาวธัญญามาศ…
บทที่ 5 เทคนิคการบริหารทางการพยาบาล
การเจรจาต่อรอง (Negotiation)
กระบวนการที่บุคคลระหว่าง 2 คน หรือมากกว่าขึ้นไป มีการติดต่อสื่อสารกลับไปกลับมาเพื่อหารือความต้องการ หรือผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันหรือบรรลุความต้องการและเป็นที่พอใจของทั้ง 2 ฝ่าย
จุดประสงค์
เพื่อขจัดความขัดแย้งที่เกิดขึ้น หรือข้อเสนอที่แตกต่างกันเพื่อให้ผู้เจรจาได้สิ่งที่ต้องการ
องค์ประกอบ
บุคคลหรือกลุ่มบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปที่มีความคิดเห็น หรือความต้องการที่แตกต่างกัน
กระบวนการ การเจราจาต่อรองเป็นกระบวนการที่มีขั้นตอน
จุดประสงค์ของการที่ทั้งสองฝ่ายต้องประชุมตกลงกัน
ความแตกต่าง แต่ละฝ่ายต้องตระหนักว่าทั้งคู่มีความแตกต่างกัน
กระบวนการเจรจาต่อรอง
ขั้นเตรียมการและวางแผน ควรใช้หลัก BATNA (Best alternative to a negotiation agreement) หรือ ทางเลือกที่ดีที่สุดที่เป็นข้อตกลงของการเจรจาต่อรอง
ขั้นกำหนดกฎกติกาพื้นฐาน
ขั้นทำความชัดเจนและหาเหตุผลสนับสนุน ทั้งสองฝ่ายควรแลกเปลี่ยนข้อมูล ข้อเสนอเบื้องต้นของแต่ละฝ่าย อธิบายทำความเข้าใจให้ชัดเจนในประเด็นที่แต่ละฝ่ายต้องการ และหาเหตุผลสนับสนุนจุดยืนของตน
ขั้นการต่อรองและแก้ปัญหา ควรมีทั้งการให้และการรับ (Give and take) เพื่อให้ได้ข้อยุติ ทั้งสองฝ่ายต้องมีการผ่อนปรนซึ่งกันและกัน
ขั้นจบการเจรจาและนาไปสู่การปฏิบัติ คือ การได้ข้อตกลงอย่างเป็นทางการซึ่งจะต้องดำเนินการในรายละเอียดและจัดทำขั้นตอนสู่การปฏิบัติต่อไป
เทคนิคการเจรจาต่อรอง
การต่อรองแบบนุ่ม คือ ผู้ต่อรองยินดีเสนอและยินยอมคู่เจราจาในบางประเด็น มีความไว้ใจกัน มองคู่เจรจาเป็นมิตร และยอมตามเพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้ง
ข้อดี คือ สามารถส่งเสริมและรักษาสัมพันธ์ภาพของทั้ง ๒ ฝ่ายไว้ได้ และเรื่องสามารถลงเอยด้วยดี
ข้อเสีย การต่อรองอาจทำให้เสียเปรียบและถูกครอบงำโดยคู่เจรจาที่ใช้การต่อรองแบบแข็ง
การต่อรองแบบแข็ง คือ ผู้เจรจายึดจุดยืนของตนเป็นหลัก โดยไม่คำนึงถึงข้อเจรจาของฝ่ายตรงข้าม มองคู่เจรจาเป็นศัตรู เรียกร้องเพื่อต้องการเอาชนะฝ่ายเดียว
ข้อดี คือ ข้อตกลงอาจยุติโดยที่ตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ข้อเสีย ทำให้เสียสัมพันธ์ภาพ อาจเกิดการทะเลาะ ปะทะกัน
ทักษะในการเจรจาต่อรอง
เริ่มต้นด้วยการเปิดฉากเชิงบวก (Begin with a positive overture) การเริ่มต้นด้วยการมีไมตรีที่ดีต่อกัน ใช้การคิดหรือมุมมองทางบวกมักเกิดบรรยากาศที่ดี มีการผ่อนปรนซึ่งกันและกัน
บุคคล แยกออกจากปัญหา คือ คนมีชีวิตจิตใจ จึงมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องเสมอเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกัน เมื่อเอาอารมณ์มาเกี่ยวข้องก็จะยึดเอาจุดยืนของตนเป็นหลัก ทำให้ไม่เกิดผลดีต่อการเจรจาต่อรอง
ความสนใจ เน้นเรื่องผลประโยชน์มากกว่าใครแพ้ ใครชนะ
ทางเลือก พยายามหาทางออกหรือทางเลือกอื่นก่อนที่จะตัดสินใจสุดท้าย ทางเลือกควรเป็นชนิด win – win solution คือ แบบ ชนะ – ชนะ เป็นผู้ชนะทั้งคู่ ได้ประโยชน์ทั้งคู่
เกณฑ์ ต้องตกลงกันตามกฏเกณฑ์ซึ่งเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
การตัดสินใจ (Decision making)
เป็นกระบวนการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ มีการคิดพิจารณา ไตร่ตรอง อย่างมีเหตุผล บนพื้นฐานของกฎเกณฑ์
ความสำคัญของการตัดสินใจ
ช่วยให้เกิดแนวทางปฏิบัติที่มีคุณภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ และช่วยให้งานบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ช่วยลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในการปฏิบัติงาน
ช่วยให้บุคคลสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วยให้บุคคลเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในความสำเร็จของตนเองที่การตัดสินใจนั้นๆก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อผู้อื่นได้
ช่วยให้บุคคลมีความมั่นใจและมีการพัฒนาศักยภาพของตนให้ประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต
ช่วยให้เกิดการประหยัดเวลา แรงงาน ทรัพยากรในการปฏิบัติ
ขอบเขตในการตัดสินใจ
การตัดสินใจโดยอาศัยขอบเขตตามระเบียบข้อบังคับ และกฎหมาย มีการกำหนดหน้าที่ ขอบเขตความรับผิดชอบ มอบหมายอำนาจหน้าที่ชัดเจน
การตัดสินใจโดยอาศัยขอบเขตทางสังคม เป็นการอาศัยหลักทางคุณธรรม จริยธรรม ระบบค่านิยมและวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีที่ยึดถืออยู่
ปัญหาและอุปสรรคต่อการตัดสินใจ
ขาดความรู้และประสบการณ์ในเรื่องที่จะตัดสินใจ
ไม่มีเวลาเพียงพอในการตัดสินใจ
ความยากลำบากในการคาดการณ์ในอนาคต
การใช้เทคโนโลยีที่ขาดการปรับปรุง
การควบคุมอารมณ์
ความคิดเดิมของผู้ตัดสิน ทำให้มีความเชื่อมั่นสูง ดื้อรั้น
กระบวนการตัดสินใจ
การระบุปัญหาหรือกำหนดปัญหา
เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล
หาวิธีการแก้ปัญหาวิเคราะห์ทางเลือก
พิจารณาถึงผลดีผลเสียของแต่ละวิธี
เลือกวิธีที่ดีที่สุดไปใช้
ดำนินการสั่งการ
ประเมินผลการตัดสินใจ
การบริหารเวลา
ระบบการบริหารเวลา (Time Management System)
การกำหนดความสำคัญ (Set Priorities)
A-B-C Strategy
A = มีความสำคัญมากต้องทำก่อน
B = มีความหมายสำคัญเช่นกัน ถ้ามีเวลาก็ควรทำ
C = ถ้าไม่ทำขณะนี้คงไม่เป็นไร เมื่อทำอย่างอื่นเสร็จแล้วจึงค่อยทำงาน
หลักความสำคัญและความรีบด่วนของงาน
งานสำคัญและรีบด่วน ต้องทำทันที
งานสำคัญแต่ไม่รีบด่วน รีบทำ
งานไม่สำคัญแต่รีบด่วน มอบหมายงาน
งานไม่สำคัญและไม่รีบด่วน ไม่ต้องทำเอง
การวางแผน (Planning)
ลำดับงานที่จะทำ (The Sequence)
ยึดหลัก 4W (The Who What Where and When) หมายถึง การระบุลำดับงานที่จะ ทำให้ชัดเจน
ทรัพยากรทางการบริหารที่ต้องการ (Resources Needed) ได้แก่ คน เงิน วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือ
การติดตามผล (Follow – Up Required)
แผนสำรอง (Contingency Plans)
การปฏิบัติตามตารางเวลาที่กำหนด (Protecting Schedule Times) การปฏิบัติตามตารางการทำงานที่กำหนดไว้ในแผน
เทคนิคการบริหารการใช้เวลาที่มีประสิทธิภาพ
จดบันทึกการใช้เวลาประจำวันไว้อย่างสม่ำเสมอ
วิเคราะห์สาเหตุของการรบกวนเวลาหรือการสูญเสียเวลาไปโดยไม่จำเป็น
ปรับปรุงข้อบกพร่องหรือสาเหตุที่ทำให้เสียเวลาตามที่วิเคราะห์ได้
การบริหารความขัดแย้ง
ประเภทของความขัดแย้ง
ความขัดแย้งภายในตัวบุคคล พยาบาลผู้ปฏิบัติงานอาจเกิดความขัดแย้งภายในตนเองขึ้น
ความขัดแย้งระหว่างองค์กรสุขภาพ การแข่งขันกันในด้านสถานประกอบการ เครื่องอำนวยความสะดวก เงินทุนและธุรกิจ
ความขัดแย้งภายในองค์กรสุขภาพ
สาเหตุของความขัดแย้ง
ผลประโยชน์
บทบาทไม่ชัดเจน
เป้าหมายการทำงาน
อำนาจ
การเปลี่ยนแปลง
การบริหารความขัดแย้ง
การชนะ–แพ้ (Domination) หมายถึง การแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยวิธีการที่ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ชนะอีกฝ่ายหนึ่ง เป็นการใช้อำนาจในการแก้ปัญหา
การประนีประนอม (Compromise) หมายถึง การแก้ปัญหาความขัดแย้งโดยที่ต่างฝ่ายต่างได้เพียงบางส่วนที่ต้องการเท่านั้น
การประสานประโยชน์ (Integrated Solution) หมายถึง การแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เน้นความพอใจของทั้งสองฝ่ายมากที่สุด เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่มีการแพ้–ชนะ
ความขัดแย้งในงานการพยาบาล
การมีพฤติกรรมที่ต่อต้านหรือฝ่าฝืน
ความเครียด
อำนาจหน้าที่ของแพทย์ แพทย์ได้รับการฝึกฝนให้มีอำนาจหน้าที่ไม่เหมือนพยาบาล
ความเชื่อ ค่านิยมและเป้าหมาย
ผลกระทบของความขัดแย้ง
ผลดี
ทำให้องค์กรไม่อยู่นิ่งหรือเฉื่อยชา
ทำให้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
ส่งเสริมการพัฒนาการทางานอย่างมีระบบ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ช่วยให้บุคลากรมีความรอบคอบ รู้จักใช้เหตุผลหรือใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหาต่างๆ
ส่งเสริมให้บุคลากรมีการเปลี่ยนแปลงตนเอง และมีวุฒิภาวะมากขึ้น
ช่วยให้เกิดความรู้สึกผูกพันและยึดมั่นในกลุ่ม ทำให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ
ช่วยให้เกิดพลังจูงใจที่จะทุ่มเทการทำงานให้กลุ่มมากขึ้น
ผลเสีย
ทำให้เกิดความเครียด ความวิตกกังวล
ขาดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการทำงาน ทำให้มีความสนใจในงานลดลง
ขาดการยอมรับ ความไว้วางใจหรือความเคารพซึ่งกันและกัน
ขาดความร่วมมือและความสามัคคีในหมู่คณะ
ทำให้บุคคลหรือกลุ่มทำงาน ขาดประสิทธิภาพในการทำงาน
การเสริมสร้างพลังอานาจ (Empowerment)
ความสำคัญของการเสริมสร้างพลังอำนาจ
การเสริมสร้างพลังอำนาจมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม และความสำเร็จตามเป้าหมายขององค์กร
ความสำคัญต่อบุคคลในองค์กร
การเสริมสร้างพลังอำนาจบุคคลระดับผู้ปฏิบัติงาน คือ การที่ให้ผู้ปฏิบัติงานได้รับโอกาส ในการแสดงความคิดเห็นและตัดสินใจร่วมกับผู้บริหารในการดำเนินงานขององค์กร
การเสริมสร้างพลังอำนาจระดับผู้บริหาร ต้องเป็นทั้งผู้ที่ได้รับการเสริมสร้างพลังอำนาจและเป็นผู้เสริมสร้างพลังอำนาจให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา
ความสำคัญต่อทีมงาน มีการติดต่อสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และมีการประสานงานเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในการทำงานให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
ความสำคัญต่อระดับองค์กร โดยมีผู้บริหารเป็นผู้อำนวยความสะดวก หรือเป็นผู้แนะนำแก่ผู้ปฏิบัติในการทำงานให้บรรลุความสำเร็จของงาน ซึ่งการเสริมสร้างพลังอำนาจมีส่วนช่วยให้องค์กรดำเนินงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างพลังอำนาจของผู้บริหารการพยาบาล
ระบบโครงสร้างองค์กร
วัฒนธรรมองค์กร ลักษณะวัฒนธรรมองค์กรส่งผลต่อการเสริมสร้างพลังอำนาจ
ผู้บริหารองค์กร ผู้บริหารต้องมีภาวะผู้นำที่เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูกน้อง สร้างแรงบันดาลใจในการปฏิบัติงาน คำนึงถึงความเป็นปัจเจกบุคคลและกระตุ้นให้ลูกน้องใช้สติปัญญาในการสร้างสรรค์งาน
บุคลากร มีบุคลากรที่มีความแตกต่างกัน เนื่องจากบุคลากรมาจากความหลากหลายของวัฒนธรรม ค่านิยม พื้นฐานการศึกษาและระดับความเชี่ยวชาญ
ความไว้วางใจในองค์กร ความไว้วางใจ เป็นการแสดงออกถึงความเชื่อมั่นระหว่างกันว่าทุกคนเห็นพ้องต้องกันในเป้าหมายขององค์กร
ลักษณะงาน งานที่ทำให้เกิดการเสริมสร้างพลังอำนาจไว้ ต้องมีลักษณะดังนี้ คือ เป็นงานที่ยึดกฎระเบียบในหน่วยงานน้อย มีความยืดหยุ่นในบางโอกาส งานที่ยึดระบบอาวุโสน้อยและเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความรู้ความสามารถ
สัมพันธภาพระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง เป็นการแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์และการตอบแทนซึ่งกันและกัน โดยที่หัวหน้าให้ความไว้วางใจและยอมรับในความสามารถของลูกน้อง
นางสาวธัญญามาศ สร้อยระย้า เลขที่ 34 (603101034)