Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทารกแรกเกิด การประเมินสภาพ และการพยาบาลทารกแรกเกิด, medical, medical (1),…
ทารกแรกเกิด การประเมินสภาพ และการพยาบาลทารกแรกเกิด
การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันทารกแรกเกิด
การฉีดวัคซีนป้องกันวัณโรค
การเก็บและการหมดอายุ
ควรเก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ + 2 ถึง + 8 หรือช่องแช่แข็งจะมีอายุ
ใช้งานได้ 4 ปีนับจากวันผลิต(ตัวทำละลายห้ามเก็บในช่องแช่แข็งเพราะจะทำให้แตกได้) ไม่ควรให้ถูกแสง ผสมแล้วควรใช้ให้หมดภายใน
เวลา 2 ชั่วโมง ถ้าใช้ไม่หมดให้ทำลายทิ้งไป โดยระหว่างการใช้ต้องเก็บวัคซีนไว้ในตู้เย็นหรือกระติกน้ำแข็ง
ข้อห้ามใช้
:forbidden:ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องรวมถึงผู้ได้รับยากดภูมิคุ้มกันเช่นสเตียรอยด์
:forbidden:หญิงตั้งครรภ์
:forbidden:ผู้ที่เจ็บป่วยเฉียบพลัน
:forbidden:มีแผลติดเชื้อหรือแผลไฟไหม้ในบริเวณที่จะฉีด
วัคซีนนี้
ประกอบด้วยเชื้อวัณโรคพันธ์ Mycobacterium bovis ที่ยังมีชีวิตอยู่แต่หมดฤทธิ์ในการทำให้เกิดโรค (Attenuated strain) เป็นวัคซีนชนิดผงแห้ง
ตัวทำละลายวัคซีน BCG ชนิดผงแห้งีขนาดบรรจุขวดละ 10 โดส
วิถีทางที่ให้
ให้ฉีดเข้าในหนัง intradermal injection ครั้งละ 0.1 ml บริเวณต้นแขนซ้าย ควรใช้เข็มขนาด 26 ความยาว ½ นิ้ว ควรใช้ NSS
ทำความสะอาดผิวหนังแทนแทงเข็มลงไปทำมุมประมาณ 15 องศา
แล้วดันวัคซีนเข้าไป ถ้าเทคนิคถูกต้องจะมีตุ่มนูนขึ้นมาให้เห็นชัดเจน
อาการข้างเคียงและวิธีการดูแลรักษา
หลังฉีดประมาณ 1 ชั่วโมงผิวหนังโป่งจะยุบหายไปคงเห็นเป็นสีแดงแดงๆตรงบริเวณรอยเข็มแทงอีก 2-3
วัน ระหว่างสัปดาห์ที่ 2-3 จะเกิดตุ่มแดงแดงบริเวณที่ฉีดตุ่มจะโตขึ้นช้าๆ และอาจกลายเป็นฝีเม็ดเล็กๆและมีหัว
หนอง เมื่อฝีแตกจะเกิดแผลกว้าง 4-5 mmแผลนี้จะเป็นๆหายๆ อยู่ประมาณ 3-4 สัปดาห์ไม่จำเป็นต้องใช้ยา
หรือปิดแผลเพียงใช้สำลีสะอาดชุบน้ำเช็ดรอยแผลให้สะอาดก็พอ
วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี
ขนาดและวิธีการใช้
มีขนาดบรรจุหลายขนาดได้แก่ขวดละ 0.5, 1, 5 ml เด็กแรกเกิดถึงวัยรุ่นให้วัคซีนครั้งละ 0.5 ML เข้ากล้ามเนื้อบริเวณกึ่งกลางต้นขาด้านหน้าค่อนไปด้านนอกในทารกหรือเด็กเล็กหรือบริเวณต้นแขนในเด็กโต จะต้องฉีดอย่างน้อย 3 เข็ม ในเดือนที่ 0, 1 หรือ 2 และ 6
ชนิดของวัคซีน
มีทั้งวัคซีนชนิดเดี่ยวและวัคซีนรวม ชนิดเดี่ยวคือ HB หรือ HBV
ชนิดรวม บาดทะยัก ไอกรน ตับอักเสบ
บีฮิบ (DTwP-HB-Hib)และมีวัคซีนตับรวมตับอักเสบบี
กับตับอักเสบเอใช้ในวัยรุ่น
และผู้ใหญ่ด้วย
บุคคลที่ควรได้รับวัคซีน
และอายุที่ควรรับวัคซีน
1.เด็กแรกเกิดทุกคน ควรฉีดวัคซีนครั้งแรกโดยเร็วที่สุดหรือภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอดครั้งที่ 2 เมื่ออายุ
1-2 เดือนะครั้งที่ 3 อายุ 6-7 เดือน (อย่างน้อยอายุต้องมากกว่า 24 สัปดาห์)วัคซีนรวม
เป็นเข็มเดียวกับวัคซีน DTP ให้ฉีดที่อายุ 2, 4, 6 เดือน
2.ทารกคลอดก่อนกำหนดที่น้ำหนักตัวแรกเกิดน้อยกว่า 2,000 กรัมมารดาไม่เป็นพาหะ ควรเริ่ม
ให้วัคซีนเข็มแรก เมื่อเด็กมีสุขภาพแข็งแรงดี และอายุ 1 เดือนขึ้นไป
3.ทารกแรกเกิดที่น้ำหนักน้อยกว่า 2,000 กรัม แต่มารดาเป็นพาหะหรือไม่ทราบผลเลือด ควรได้รับวัคซีน
ทันทีหลังคลอดภายในอายุ 12 ชั่วโมงให้ฉีดเข็มแรกเมื่ออายุ 1 เดือน ส่วนเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 4 สัปดาห์ และเข็มที่ 3 ห่างจากเข็มที่ 2 ห่างอย่างน้อย 8 สัปดาห์
4.กรณีที่มารดาเป็นพาหะของเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (โดยเฉพาะถ้าพบ E-antigen เป็นบวก) ทารกควรได้รับ
วัคซีนโดยเร็วเมื่อแรกคลอดร่วมกับ HBIG 0.5 ml ภายในไม่เกิน 12 ชั่วโมงแรกคลอด
ปฏิกิริยาจากการฉีดวัคซีน
ประมาณร้อยละ 1-6 ของเด็กที่ได้รับวัคซีน มีอาการปวดบวมบริเวณที่ฉีด หรือมีไข้ต่ำๆ อาการมักเริ่มราว 3-4 ชั่วโมงหลังฉีดและนานไม่เกิน 24 ชั่วโมง ควรให้ยาลดไข้เฉพาะในเด็กที่มีไข้หรือร้องกวนมาก
การเก็บและการหมดอายุ
ควรเก็บวัคซีนในตู้เย็นที่อุณหภูมิ + 2 ถึง + 8 องศาเซลเซียสห้ามเก็บในช่องแช่แข็งีอายุอยู่ได้ประมาณ 2 ปีนับแต่วันผลิตทั้งนี้ให้ตรวจดูฉลากวัน
หมดอายุก่อนใช้เสมอ
การประเมินและ
ดูแลทารกแรกเกิดที่มีความผิดปกติเล็กๆน้อยๆ
เท้าปุก Clubfoot
ความหมาย
เป็นความผิดปกติของเท้าในทารกแรกเกิดแบบที่รุนแรงมาก
ที่สุดเรียกว่า Talipes Equinovarus
ประเภทของเท้าปุก
1.เท้าปุกเทียม (Postural Clubfoot)
2.. เท้าปุกแท้ (Congenital Clubfoot)
3.เท้าปุกชนิดเกิดร่วมกับโรคอื่น (Syndromic หรือ Teratologic Clubfoot)
อาการและอาการแสดง
Cavus of the Midfoot เท้างุ้มงอ ฝ่าเท้าโก่งเป็นมุม
Adductus of the Forefoot ส่วนปลายเท้าหันเข้าด้านใน
Varus of the Hindfoot ส้นเท้าหันเข้าด้านใน
Equinus of the Hindfoot เท้าทั้งหมดชี้ลงด้านล่าง
สาเหตุ
ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่มีปัจจัยที่คาดว่าเกี่ยวข้องกับพันธุกรรมและความผิดปกติในช่วงพัฒนาการระหว่างอยู่ในครรภ์มารดา
การรักษา
-ใส่เฝือกจากปลายเท้าถึงขาหนีบ
-การผ่าตัดเอ็นร้อยหวายผ่านทางผิวหนัง (Percutaneous
Tenotomy)
-การนวดและดัดเท้า French method
การพยาบาล
1.คัดกรองเด็กแรกเกิดทุกรายเพื่อค้นหาภาวะเท้าปุก
2.เปิดโอกาสให้มารดาได้ระบายความรู้สึก
3.สร้างความเข้าใจ ประคับประคองจิตใจบิดามารดาและครอบครัว
4.สอนการออกกำลัง ROM และนวดเท้า
5.. ยกขาให้สูง เปลี่ยนท่าทางให้เด็กทุก 2 ชั่วโมง
ภาวะลิ้นติด
ภาวะที่เกิดขึ้นเนื่องจากการยึดของพังผืดใต้ลิ้นที่มี
มากกว่าปกติจะทำใหเ้กิดปัญหาการขยบัปลายล้ินหรอืการเคลื่อนไหวของลิ้นไม่ดีเท่าที่ควร
ผลกระทบ
-ปกติภาวะลิ้นติดจะค่อย ๆ หายไปเมื่อเด็กอายุ2-3 ปี
-ดูดนมไม่ได้ดีอมหัวนมแล้วมักหลุด
-น้ำหนักตัวไม่ค่อยขึ้นจากการได้น้ำนมไม่พอ
อาการแสดง
-แลบลิ้นได้ไม่พ้นริมฝี ปากหรือเหงือกบน
-ไม่สามารถกระดกปลายลิ้นขึ้นไปสัมผัสเพดานปากได้
-ไม่สามารถเคลื่อนไหวลิ้นไปด้านข้างได้
-ปลายลิ้นจะแบน หรือเป็นเหลี่ยม ปลายลิ้นอาจเป็นร่องหยักหรือเป็นรูปหัวใจ
-Hazelbaker Assessment Tool
การผ่าตัด
-ให้บิดามารดาเซ็นยินยอมให้ผ่าตัด
-ซักประวัติก่อนและตรวจร่างกาย
-ตรวจช่องปากอย่างรอบคอบ
-ใช้Hazelbaker Assessment Tool
-จัดท่าเด็ก ใช้นิ้วที่สวมถุงมือยกลิ้นขึ้นอย่างนุ่มนวลใช้กรรไกรขลิบเนื้อเยื่อ
ราว 2 – 3 มม. ตรงจุดที่บางที่สุด ซับด้วยผ้าก๊อซปลอดเชื้อ
-ส่งลูกไปดูดนมมารดา
-ประเมินการดูดของเด็ก
ภาวะขี้เทาอุดตันลำไส้
มีการอุดกั้นจากขี้เทาซึ่ง
หนาตัวแข็งขึ้นและไม่สามารถขับถ่ายออกมาได้
อาการ
มีอาการท้องอืด โป่งพองขึ้น อาเจียนมีน้ำดีปน และไม่ถ่ายขี้เทาใน 24-48 ชั่วโมงแรกหลังคลอด ท้องอืด ท้องป่อง ไม่ค่อยดูดนม อาเจียนเป็นน้ำดี
การพยาบาล
1.ประเมินการขับถ่ายของทารกภายในระยะเวลา 24-28 ชั่วโมง สังเกตลักษณะ ปริมาณของอุจจาระ
2.ประเมินปัญหาการกินนม ภาวะขาดน้ำความไม่สมดุลของสารน้ำและเกลือแร
ค้นหาภาวะเสี่ยง
4.นวดท้อง
5.ดูแลให้ทารกได้รับนมมารดาหรือสารน้ำ
อาการท้องผูกในเด็ก
เป็นภาวะที่ขับถ่ายอุจจาระยากกว่าปกติ อุจจาระมีลักษณะแข็งอมี
พฤติกรรมการกลั้นอุจจาระ
สาเหตุ
อาจจะเป็นผลจากความเจ็บป่วยของระบบใดระบบหนึ่งของ
ร่างกายห รือเป็ น ผลจากการการมีโรคห รือความ ผิดป กติของลำไส้เช่น Hirschprung’s disease,
hypothyroidism, hypercalemia จาก hypoparathyroidism การได้รับวิตามินดีมากเกินไปการได้รับพิษของ
ตะกั่วเป็นเวลานาน
อาการ
ความอยากอาหารลดลง และมีอาการถ่ายลำบากความอยากอาหารลดลง และมีอาการถ่ายลำบาก
การพยาบาล
1.ปรับเปลี่ยนเรื่องอาหาร ให้มีกากใยเพิ่มขึ้น ถ้าเป็นนมให้ปรับเปลี่ยนชนิดของนมผสมที่ทำให้ขับถ่ายง่ายขึ้น
2.รับประทานผลไม้และเพิ่มอาหารมีกากใย
3.แนะนำให้ดื่มน้ำมากๆ ให้น้ำแก่ทารกอย่างเพียงพอ
4.พยายามฝึกนิสัยการขับถ่ายเป็นประจำสม่ำเสมอ
ภาวะพร่องแลคเตส
สาเหตุ
เกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์ภาวะพร่องเอนไซม์แลคเตสที่พบได้บ่อยๆ มักเป็น
ผลตามจากการท้องเสียที่นำมาก่อน
อาการ
มีอาการผิดปกติของลำไส้หลังบริโภคนมหรือผลิตภัณฑ์จากนมไปประมาณ 30 นาทีถึง 2
ชั่วโมงมักมี
อาการลมในลำไส้มาก ท้องอืด คลื่นไส้ ปวดบิดในท้อง
ชนิด
1.congenital lactase deficiency ภาวะพร่องเอนไซม์แลคเตสตั้งแต่กำเนิด
2.primary lactase deficiency ภาวะที่ร่างกายสร้างเอนไซม์แลคเตสลดลง เช่นเมื่ออายุมากขึ้น
3.secondary lactase deficiency ภาวะที่ร่างกายมีการสร้างเอนไซม์แลคเตสลดลงหรือไม่สร้างเนื่องมาจาก
ความผิดปกติอื่นๆ เช่น การผ่าตัด การติดเชื้อ
การพยาบาล
1.การดูแลเด็กที่มีภาวะขาดหรือพร่องเอนไซม์แลคเตส คือ ให้ดื่มนมที่ไม่มีแลคโตส เช่น นมถั่วเหลือง หรือนมที่ทำจากข้าว
2.. ส่งเสริมให้ได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพอจากน้ำมันตับปลา เนื้อปลา และวิตามินดีเม็ด
3.ในรายที่ต้องการบริโภคนมหรือผลิตภัณฑ์นมต่อไปให้กินเอนไซม์แลคเทสควบคู่ไปด้วย
ฟันขึ้นเร็ว
ฟันที่ขึ้นตั้งแต่เมื่อแรกคลอด (Natal teeth) หรือฟันที่ขึ้นภายในเดือนแรกหลังคลอด (Neonatal
teeth) ทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาฟันนี้ส่วนมากจะไม่แข็งแรงและหลุดร่วงได้
ง่าย
ภาวะตัวเหลือง/ดีซ่าน
1.physiological jandice ตัวเหลืองที่เกิดขึ้นโดยปกติของร่างกาย ที่ทารกมีอายุเม็ดเลือดแดงสั้นกว่าผู้ใหญ่ ทำให้เม็ดเลือดแดงแตกและทำลายได้ง่าย
2.pathological jaundice ความผิดที่ทำให้เม็ดเลือดแดงแตกง่าย
3.Breat milk jaundice กินน้ำแม่แล้วไปกระตุ้นให้ตัวเหลือง
4.Breat milk enough jaundice กินนมแม่น้อยหรือได้รับนมแม่น้อย
การพยาบาล
1.ปิดตาทึบเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและดูแลไม่ให้ที่ปิดตาหลุดเพราะแสงไฟเป็นอันตรายต่อตาเด็ก
2.มารดาสามารถให้นมบุตรได้ตามปกติ แต่ในบางรายแพทย์อาจพิจารณาให้งดนมมารดาถ้าพบว่าไม่สามารถให้นมมารดาได้ดีหรือมีอาการเหลืองจากนมมารดา
3.ดูแลทารกให้ได้รับการส่องไฟอย่างประสิทธิภาพ
4.ไม่ทาแป้ง น้ำมันหรือโลชั่นต่าง ๆ เพื่อให้ผิวหนังได้รับแสงไฟได้เต็มที่
ภาวะอุณหภูมิกายต่ำในทารกแรกเกิด
ภาวะอุณหภูมิกายต่ำจึงอาจจะทำให้ทารกอยู่ในภาวะ
เสี่ยงต่อการมีน้ำตาลต่ำและมีออกซิเจนต่ำได
การพยาบาล
1.. จัดสิ่งแวดล้อม ไม่ให้ทารกอยู่ในอุณหภูมิห้องที่ต่ำเกินไป
2.สวมเสื้อผ้าให้ทารกให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ
3.หมั่นสังเกตอาการเปียกชื้นจากการขับถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ
น้ำตาไหล/ภาวะท่อน้ำตาอุดตัน
ภาวะการอุดกั้นของท่อน้ำตา ทำให้มีการติดเชื้อหรือเป็นถุงน้ำภายใน ทารกจะมีน้ำตาไหลมาก มีขี้ตาสีเหลือง ส่วนมากเป็นข้างเดียว อาจจะปวดหรือไม่ก็ได้ มีอาการบวมบริเวณท่อน้ำตาไดh
อาการ
มีน้ำตามาก น้ำตาอาจจะไหลออกมาหรือเอ่อท้นบริเวณของตา เห็นเป็นรอยคราบ
น้ำตาอยู่ที่ตา มีการติดเชื้อที่ตาบ่อยๆ มีอาการบวมที่ด้านข้างจมูก อาการจะแย่ลงถ้าเป็นหวัดด้วย
การดูแล
1.ประคบด้วยน้ำอุ่น และค่อยๆ นวดท่อน้ำตาด้วยปลายนิ้ว ค่อยๆ คลึงเข้าหาจมุกเพื่อขับเอาสิ่งขัดขวางทางเดินน้ำตาออกมาทางจมูก
2.นวดสองถึงสามครั้งต่อวัน
3.ถ้ามีการติดเชื้อที่ตาด้วย เช็ดตาจาก
หัวตาไปหางตาด้วยลำสีชุบน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว ไม่เช็ดตาซ้ำไปซ้ำมาด้วยผ้าหรือสำลีชิ้นเดียว
ปัญหาการดูดกลืน
อาการ
1.ทารกไม่ตื่นมาดูดนมภายในเวลาที่กำหนด และดูดนมน้อยกว่า 8 ครั้งใน 24 ชั่วโมง
2.ต้องให้นมมากกว่า 14 ครั้งต่อวัน
3.หัวนมมารดาหลุดออกจากปากบ่อยๆ
4.ไม่ยอมงับนม ผลักออกหรือหันหน
5.หลับภายใน 5 นาทีหลังจากกระตุ้นให้นมมารดา
6.การดูดไม่ต่อเนื่องในช่วง 10 นาทีแรกของการให้นม
การดูแล
1.ชั่งน้ำหนักเด็ก ตรวจดูการเคลื่อนไหวของลำไส้ ประเมินการขับถ่าย จำนวนครั้งต่อวันและปริมาณ
2.ประเมินการลดลงของน้ำหนักเด็กจากระยะแรกคลอดเป็นประจำวันละ 1 ครั้ง
3.ประเมินภาวะขาดน้ำของทารกจากการสังเกตปริมาณปัสสาวะที่ลดลง
4.สอบถามและสังเกตวิธีการให้นมบุตรของมารดา สังเกตการดูดกลืนของเด็กในขณะกำลังดูดนมมารดา
5.ประเมินการไหลของน้ำนมมารดา
6.ให้ทารกได้รับอาหารหรือนมบ่อยขึ้นกว่าเดิม อย่างช้าๆ ระมัดระวังและป้องกันการสำลัก
อัณฑะไม่ลงถุง
เป็นภาวะที่ทารกเพศชายมีอัณฑะไม่เคลื่อนลงมาที่ถุงอัณฑะตามปกติ ซึ่งอาจจะพบได้
ประมาณ 1-2%
การรักษา
การผ่าตัด