Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การประเมินภาวะสุขภาพ การดูแลและช่วยเหลือมารดาและทารกในระยะคลอดปกติ…
การประเมินภาวะสุขภาพ การดูแลและช่วยเหลือมารดาและทารกในระยะคลอดปกติ ในระยะที่ 1 ของการคลอด
บทบาทคุณ ลักษณะ พยาบาลในระยะของการคลอด
มีความรู้ เทคนิคของการดูแล
มีความสามารถและชำนาญ
มีการตัดสินใจที่ดี พร้อมในการช่วยเหลือเมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อน
ตื่นตัวในการค้นพบความผิดปกติ
การค้นหาและดูแลตามความต้องการ
มีสัมพันธ์ภาพที่ดี มีความเห็นอกเห็นใจ
การรับใหม่
การให้การต้อนรับ
ต้อนรับด้วยไมตรีจิต สุภาพ อ่อนโยน มีความว่องไว มั่นใจในตัวเอง เพื่อให้ผู้คลอดได้รับความอบอุ่น มีความมั่นใจในตัวเรา
การซักประวัติ
ประวัติความเจ็บป่วยทางอายุรกรรม และศัลยกรรม ทั้งปัจจุบัน และอดีต
ประวัติการเจ็บป่วยด้วยโรคใดบ้าง เริ่มเป็นเมื่อไร ได้รับการรักษาหรือไม่อย่างไร ประวัติการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ การรักษา ได้แก่ โรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคปอด โรคไต โรคหัวใจ โรคตับ เบาหวาน กามโรค โรคเลือด และการผ่าตัดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะในอุ้งเชิงกรานรวมถึงโรคและภาวะผิดปกติที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม ประวัติการได้รับอุบัติเหตุและโรคของกระดูกเชิงกรานซึ่งอาจมีผลต่อการคลอดยาก
ประวัติการแพ้ยาและสารอาหารต่างๆ การผ่าตัด
ซึ่งมีผลต่อการคลอดในครั้งนี้ สอบถามว่ามีการแพ้ยากลุ่ม penicillin หรือไม่ เพราะว่ายาในกลุ่มนี้จะให้ในมารดาในระยะคลอดเพื่อป้องกันภาวะติดเชื้อในระยะคลอด
ประวัติการเจ็บป่วยของบุคคลในครอบครัว
โรคหรือความผิดปกติที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น ครรภ์แฝด โรคเลือด โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคจิตประสาท ความพิการแต่กำเนิดและโรคติดเชื้อต่างๆ เช่น กามโรค วัณโรค ซึ่งโรคหรือความผิดปกติต่างๆเหล่านี้สามารถถ่ายทอดจากมารดาสู่ทารกได้ในระยะตั้งครรภ์
ข้อมูลส่วนบุคคลประวัติด้านจิตสังคม
ชื่อ – สกุล อายุ อาชีพ ระดับการศึกษา
สถานภาพสมรส ศาสนา ฐานะเศรษฐกิจ (สิทธิการรักษา)ถิ่นที่อยู่อาศัย
ได้รับการสอนเกี่ยวกับการเตรียมตัวเพื่อการคลอด จำนวนครั้งที่มาฝากครรภ์
เพื่อประเมินการตั้งครรภ์และการคลอดในครั้งนี้
ด้านการเตรียมตัว ความรู้ต่างๆ
ประวัติจากอาการนำที่ผู้คลอดมาโรงพยาบาล
-การเจ็บครรภ์ (Labor pain)ลักษณะการเจ็บ ความถี่ และความรุนแรง เวลาที่เริ่มเจ็บจริง -มูก (Show)มีอะไรออกมาทางช่องคลอดหรือไม่ สิ่งที่ออกมาลักษณะ อย่างไร ประวัติการมีมูกและน้ำเดิน โดยถามว่า มีมูกหรือน้ำเดินเวลาใด ลักษณะเป็นอย่างไร มีน้ำเดินก่อนเจ็บครรภ์นานเท่าใด น้ำคร่าเปียกผ้านุ่งกี่ผืน -มีน้ำเดินหรือถุงน้ำแตก (Rupture of membranes)มีหรือไม่มี เกิดขึ้นเมื่อไร ลักษณะเป็นอย่างไร จำนวนเท่าไร
ประวัติทางสูติกรรม
ประวัติการแท้งการขูดมดลูก ผู้คลอดที่มีประวัติการแท้งและได้รับการ ขูดมดลูกหลายครั้ง อาจทาให้รกเกาะแน่นกว่าปกติ รวมทั้งการซักประวัติเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติอื่นๆ เช่น การตั้งครรภ์นอกมดลูก การตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก เป็นต้น อด ภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวอาจเกิดขึ้นอีกในการตั้งครรภ์ปัจจุบัน ประวัติการคลอด ได้แก่ จานวนครั้งของการคลอด อายุครรภ์ขณะคลอด ชนิดของการคลอด
การประเมินทางด้านจิตสังคม
1) อายุ เพื่อประเมินวุฒิภาวะ
2) อาชีพ รายได้ การศึกษา หน้าการงาน และตำแหน่งทางสังคม เพื่อประเมินฐานะทางเศรษฐกิจสังคม
3) ศาสนา พื้นฐานทางวัฒนธรรม ความเชื่อ
4) สถานภาพสมรส เช่น สมรสถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ อยู่กินกับสามีหรือแยกกันอยู่ หย่าร้างกันในระหว่างตั้งครรภ์หรือไม่
5) ทัศนคติเกี่ยวกับการคลอด
6) ความรู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวเพื่อการคลอดซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้มีผลต่อการเลี้ยงดูทารกและการเจริญเติบโตของทารก
7) ความคาดหวังต่อการคลอดครั้งนี้ คาดหวังจะได้บุตรเพศใด มีความรู้สึกต่อการคลอดอย่างไร และคาดหวังเกี่ยวกับการช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่อย่างไร
8) ความสัมพันธ์ในครอบครัวและการช่วยเหลือค้าจุน มีบุคคลที่ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนหรือไม่ คาดหวังที่จะได้รับความช่วยเหลือจากบุคคลนี้มากน้อยอย่างไร
9) ความกลัวและความวิตกกังวล ประเมินจากคาพูด กิริยา ท่าทาง และสีหน้าที่แสดงออก
การตรวจร่างกาย
การตรวจร่างกายทั่วไป
ลักษณะรูปร่าง หากความสูงน้อยกว่า 145 เซนติเมตร อาจมีปัญหาเชิงกรานแคบ ท่าเดินที่ผิดปกติ อาจบอกถึงความผิดปกติบริเวณสะโพกและกระดูกสันหลังอาจเสี่ยงต่อการคลอดผิดปกติได้
ลักษณะทั่วไป ประเมินสภาพของผู้คลอด เช่น อาการซีดจากภาวะโลหิตจาง อาการบวมจากความดันโลหิตสูงร่วมกับการตั้งครรภ์ การหายใจหอบเหนื่อยจากโรคทางเดินหายใจหรือโรคทางเดินหายใจหรือโรคหัวใจ
สัญญาณชีพ
ความดันโลหิต ควรอยู่ในอยู่ระดับ 110-120/70-80 mmHg. อุณหภูมิ ถ้าสูงอาจมีการติดเชื้อในร่างกาย หรือขาดน้ำ ,อัตราชีพจร ถ้ามากกว่า 90 ครั้งต่อนาที เบา เร็ว แสดงว่ามารดาอาจมีการติดเชื้อขาดน้ำ อ่อนเพลีย เหนื่อยล้าหรือตกเลือดควรตรวจสอบในแน่ชัด อาจแสดงถึงภาวะ shock ,การหายใจ มีอาการหอบ หรือไม่ ซึ่งปกติควรอยู่ระหว่าง 16-20 ครั้งต่อนาที,น้ำหนัก เพื่อประเมินภาวะบวมจากความดันโลหิตสูงร่วมกับการตั้งครรภ์หรือภาวะอ้วน ถ้าอ้วนมากอาจทำให้คลอดยาก ทั้งยังมีผลต่อท่าคลอดด้วย
พฤติกรรมการแสดงออกถึงความเจ็บปวด ได้แก่ การหายใจเร็ว การเกร็งกล้ามเนื้อ เหงื่อออกมาก กระสับกระส่าย บิดตัวไปมา ร้องครวญคราง ทุบตีตนเอง
อาการบวม (Edema) ประเมินดูว่ามีการบวมตามส่วนใดของร่างกายหรือไม่ โดยเฉพาะที่ขา แขนหรือใบหน้าถ้ามีอาการบวมอาจเป็นอาการแสดงของโรคไต หัวใจ หรือภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
การตรวจร่างกายเฉพาะที่
การคลำเพื่อประเมินความสัมพันธ์ของระดับยอดมดลูกกับอายุครรภ์ ส่วนนำทารก ระดับของส่วนนำ ท่าและทรงของทารก การเข้าสู่เชิงกรานของส่วนนำทารก การคาดคะเนน้ำหนักของทารก (EFW = HF x AC) ความสูงของยอดมดลูก เมื่อครรภ์ครบกำหนดคลอดควรอยู่ระหว่าง 33-37 cms เพราะถ้า < 32 cms ทารกมักจะตัวเล็ก แต่ถ้า > 38 cms ทารกจะตัวโต
การฟัง การฟังเสียงหัวใจทารก ส่วนใหญ่จะได้ยินชัดเจนทางด้านหลังทารก จังหวะสม่ำเสมอ ระยะที่สองของการคลอดควรฟังเสียงหัวใจทารกทุก 5-10 นาที อัตราการเต้นของหัวใจทารกประมาณ 120-160 ครั้ง/นาที ทารกที่ครบกำหนด มีศีรษะเป็นส่วนนำ เสียงหัวใจจะได้ยินที่ต่ำกว่าระดับสะดือ
ถ้าอัตราการเต้นของหัวใจทารกน้อยกว่า 110 ครั้งต่อนาที หรือมากกว่า 160 ครั้งต่อนาที แสดงว่าทารกในครรภ์มีโอกาสเกิดภาวะขาดออกซิเจน (fetal distress)
การดู ขนาดของท้อง ถ้าใหญ่อาจมีการตั้งครรภ์แฝด หรือ มีภาวะน้ำคร่ำมาก ลักษณะมดลูก โตตามยาวหรือตามขวาง เลักษณะทั่วไปของท้อง เช่น มีหน้าท้องย้อย (pendulus abdomen) หรือกล้ามเนื้อหน้าท้องแยกห่างกัน (diastasis recti) เป็นต้น ซึ่งอาจจจะส่งผลต่อระยะที่สองของการคลอด เนื่องจากกล้ามเนื้อหน้าท้องที่หย่อนจะทาให้ แรงเบ่งไม่ดี
ผลการตรวจพิเศษ
ผลการตรวจเลือด : Hematocrit (Hct), Hemoglobin (Hb), VDRL, HBsAg และ Anti-HIV
ผลการตรวจปัสสาวะ : น้ำตาลและโปรตีนในปัสสาวะ ผลการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasonography) ซึ่งสามารถนามาประกอบในการประมาณอายุครรภ์และทราบความผิดปกติของทารกในครรภ์ และผลการตรวจ NST (Non-Stress test) EFM เพื่อทราบภาวะสุขภาพของทารกในครรภ์
การตรวจภายใน
สภาพปากมดลูก มีลักษณะนุ่ม หรือแข็ง ยืดขยายได้ง่าย หรือยาก บวม การเปิดขยายของปากมดลูก
ความบางของปากมดลูก เกิดเมื่อมดลูกหดรัดตัว แล้ว internal os ถูกดึงรั้งขึ้นไป ระหว่างตั้งครรภ์มดลูกยังไม่มีการหดรัดตัว ปากมดลูกยังไม่มีการยืดขยาย ความยาวของปากมดลูก (Cervical canal) จาก internal os ถึง external os ประมาณ 2 เซนติเมตร เมื่อมีการยืดขยายเกิดขึ้น ความยาวจะสั้นลง
การบวมของปากมดลูกพบในผู้คลอดที่เบ่งก่อนเวลา จึงทาให้ปากมดลูกส่วนหน้าถูกกด ระหว่างศีรษะทารกกับช่องทางคลอด
ตำแหน่งของปากมดลูกระยะแรกคลอด ปากมดลูกจะอยู่ด้านหลัง และค่อยๆเลื่อนมาอยู่ตรงกลาง และมาอยู่ด้านหน้าเมื่อระยะการคลอดก้าวหน้า
ตรวจหาส่วนนำ ส่วนนำเป็นศีรษะ ขณะตรวจภายในจะพบศีรษะของทารกลักษณะกลม เรียบ และแข็ง ดูระดับของส่วนน
ตรวจหาท่าของทารกรอยต่อแสกกลาง ว่าอยู่หน้า หลัง เฉียง หรือขวางกับแนวดิ่ง ถ้าขม่อมหลังอยู่ทางด้านซ้ายของผู้คลอดแสดงว่ากระดูกท้ายทอย อยู่ทางซ้าย
ตรวจหาท่าของทารก และขม่อม คลำตำแหน่งของมันอยู่หน้า หรือหลัง ซึ่งจะช่วยบอกท่าของทารก
การตรวจดูสภาพของน้าทูนหัว
MI = Membrane Intact (ถุงน้ำยังอยู่)
MR = Membrane Rupture (ถุงน้ำแตกแล้ว)
ML = Membrane Leaked (ถุงน้ำคร่ารั่ว)
SRM = Spontaneous Rupture of Membrane (ถุงน้ำแตกเอง)
ARM = Artificial Rupture of Membrane (ได้รับการเจาะถุงน้ำ)
การคาดคะเนเวลาการคลอด
(Active phase.)ครรภ์แรกปากมดลูกเปิดขยาย 1 cm./hr. (1.2 cm./hr.) ครรภ์หลังปากมดลูกเปิดขยาย 1.5 cm./hr.
ข้อบ่งชี้ในการตรวจภายใน
ผู้คลอดรับใหม่ทุกราย ยกเว้นมี bleeding per vagina, placenta previa
ในรายถุงน้ำทูนหัวแตกทันทีนึกถึงภาวะ fetal distress จาก prolapsed of umbilical cord
เมื่อเจ็บครรภ์ถี่ และรุนแรงขึ้น สงสัยว่าปากมดลูกเปิดหมด
ข้อห้ามในการตรวจภายในผู้คลอดที่ มีประวัติเลือดออกระหว่างการตั้งครรภ์ หรือกำลังมีเลือดออกโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือรกเกาะต่ำทุกราย ส่วนนาทารกยังไม่เข้าสู่ช่องเชิงกราน (Head float) ร่วมกับอายุครรภ์ยังไม่ครบกำหนดคลอด (ยกเว้นในรายที่แพทย์ให้ตรวจ)
การเตรียมผู้คลอดในการตรวจภายใน
บอกให้ผู้คลอดทราบ และอธิบายให้ผู้คลอดเข้าใจ เพื่อให้เกิดการยอมรับให้ความร่วมมือ ให้ผู้คลอดถ่ายปัสสาวะก่อนตรวจ ควรรูดม่าน และปิดประตูก่อนทุกครั้ง จัดท่าผู้คลอดให้อยู่ในท่านอนหงายชันเข่าทั้งสองข้าง dorsal recumbent โดยให้นอนชิดริมเตียงมากที่สุด
การประเมินความก้าวหน้าของการคลอด
การหดรัดตัวของมดลูก
ประเมินโดยใช้เครื่องอิเล็กโทรนิก คือการใช้เครื่อง electronic feto monitoring (EFM) และประเมินอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ การประเมินโดยการวางฝ่ามือบนยอดมดลูก ระยะเวลาการหดรัดตัวของมดลูก (duration) ระยะห่างของการหดรัดตัวแต่ละครั้งของมดลูก (interval) ความถี่ของการหดรัดตัวของมดลูก (frequeancy) ความแรงของการหดรัดตัว (intensity)
การเปิดขยายและความบาง ของปากมดลูก
ปากมดลูกบางและเปิดขยายมากขึ้นตามลำดับจนปากมดลูกเปิดหมดคือ 10 เซนติเมตร และบางหมด 100% การเปิดขยายของปากมดลูกเป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจน
การเคลื่อนต่ำของส่วนนำและ การหมุนของศีรษะทารก
โดยในครรภ์แรก การเคลื่อนต่ำลงของส่วนนำทารกในสตรีครรภ์(descent) มากกว่า 1 ซม./ชม. ซึ่งSagittal sutureของศีรษะทารกจะหมุนมาอยู่ในแนวA-P diameter
ตำแหน่ง FHS
ต่ำแหน่งของเสียงหัวใจทารกจะเคลื่อนต่ำลง และเบนเข้าหาแนวกึ่งกลางลำตัวของผู้คลอด เมื่อส่วนนำเคลื่อนต่ำลงมาถึงช่องออกเชิงกราน ต่ำแหน่งที่ฟังอัตราการเต้นของหัวใจทารกจะอยู่ที่บริเวณรอยต่อกระดูกหัวเหน่า (Symphysis pubis) ซึ่งแสดงว่าใกล้คลอด
มูก, ถุงน้ำคร่ำ, อำกำรผู้คลอด
จำนวนและลักษณะมูกซึ่งที่มูกออกมากขึ้นและลักษณะของมูกเปลี่ยนจากมูกเป็นมูกเลือด หรือเลือดมากขึ้น แสดงว่าปากมดลูกเปิดเพิ่มขึ้น โดยออกประมาณ 50 cc. (tickle of blood)
การดิ้นของทารกในครรภ์
ในภาวะปกติทารกในครรภ์มีการเคลื่อนไหวอย่างน้อย 10 ครั้งในช่วงระยะเวลา 12 ชั่วโมง
การที่เลือดไปเลี้ยงมดลูกและรกลดลง ทำให้ทารกได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ อาจส่งผลให้ทารกในครรภ์ดิ้นน้อยลง
การวิเคราะห์เลือดของทารกในครรภ์
(fetal blood analysis) คือ การวิเคราะห์เลือดจากหนังศีรษะทารกในครรภ์ เพื่อค้นหาภาวะขาดออกซิเจนของทารก (fetal hypoxia และ acidosis) โดยปกติเลือดของทารกในครรภ์จะมีค่า pH อยู่ระหว่าง 7.20 – 7.45 ถ้า pH ของเลือดต่ำกว่า 7.20 ถือว่าทารกมีภาวะเลือดเป็นกรด (acidosis)
หลักการประเมินภาวะแทรกซ้อน
ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนการเจ็บครรภ์ สายสะดือย้อย การคลอดยาวนาน การคลอดยาก ความผิดปกติในการหดรัดตัวของมดลูก
ลักษณะความก้าวหน้าของการคลอดที่ผิดปกติ
ระยะ latent ปากมดลูกไม่เปิดขยายเพิ่มขึ้นภายใน 4 ชั่วโมง ระยะ active ปากมดลูกไม่เปิดขยายเพิ่มขึ้นภายใน 2 ชั่วโมง หรือปากมดลูกเปิดขยายน้อยกว่า 1.2 เซนติเมตรต่อชั่วโมงในครรภ์แรก และเปิดขยายน้อยกว่า 1.5 เซนติเมตรต่อชั่วโมงในครรภ์หลัง เส้นกราฟการคลอดที่แสดงอัตราการเปิดขยายของปากมดลูกมีความชันน้อยกว่าเส้นกราฟปกติ ระยะที่สองของการคลอด พบว่าส่วนนาไม่มีการเคลื่อนต่ำลงมาในช่องเชิงกรานภายใน 30 นาที
การประเมินทางด้านจิตสังคม
ระยะ Latent phase : เครียด เจ็บครรภ์น้อย จะรับรู้ เรียนรู้และแก้ปัญหาได้มาก เหมาะสม : พูดคุย ซักถาม ยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้เงียบๆ ไม่เหมาะสม : ก้าวร้าว โกรธ ไม่พอใจ ซึมเศร้า แยกตัว ไม่เป็นมิตร, ระยะ Active phase : สิ่งกระตุ้นความเครียดมากขึ้น เจ็บครรภ์มากขึ้น เหมาะสม : พูดคุยน้อยลง กิจกรรมลดลง กระสับกระส่าย บ่น พึ่งพาผู้อื่น ไม่เหมาะสม : ก้าวร้าว ร้องครวญคราง กลัว ซึมเศร้า แยกตัว ถดถอยหรือปฏิเสธ ,ระยะ Transitional phase : วิตกกังวลสูง เจ็บปวดและเครียดมากที่สุด การแสดงออก : แยกตัวเอง ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม อาจก้าวร้าว ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่เหมาะสม : ไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมตนเองได้ ไม่ตอบสนองใดๆ
บทบาทของพยาบาล
ประคับประคองทางด้านจิตใจ ให้ข้อมูล/ให้ความรู้ ลดสิ่งกระตุ้น/จัดสิ่งแวดล้อม เบี่ยงเบนความสนใจ ด้วยจินตนาการ การถู/นวด/ลูบ ลูบที่หน้าท้อง ประคบร้อน/ เย็น และการเปลี่ยนแปลงพลังงาน เช่น การสัมผัส การกดจุด เทคนิคการผ่อนคลาย โดยการเกร็ง- คลายกล้ามเนื้อ การหายใจ
การดูแลภาวะสุขภาพทารกในครรภ์ FHS 120- 160/min จังหวะการเต้นไม่สม่ำเสมอมี MECONIUM ในน้ำคร่ำ ในรายที่เป็น Vertex presentation การปฏิบัติเมื่อทารกมีภาวะเครียดนอนตะแคงซ้าย ให้ O2 = 5 L/min ฟัง FHS บ่อยๆ หรือ On fetal heart rate monitoring
ให้ยาตามแผนการรักษา ดูแลให้ IV Fluid ดูแลใกล้ชิด เตรียมช่วยแพทย์ในการคลอดทั้ง N/D และ C/S
การดูแลทางด้านจิตใจ สร้างความไว้วางใจและความมั่นคงปลอดภัย การให้ข้อมูลตามความต้องการ ส่งเสริมให้เกิดความสุขสบายและผ่อนคลาย การสนับสนุนช่วยเหลือทางด้านจิตใจ
ด้านกฎหมายและสิทธิของผู้ใช้บริการพยาบาลต้องทำความเข้าใจถึงสิทธิของผู้คลอดและให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิของผู้ใช้บริการที่พึงได้รับ รวมทั้งสิทธิอันพึงมีของผู้คลอดและสมาชิกในครอบครัวด้วย : การเซ็นยินยอมเข้ารับการรักษาต่างๆ
อาการแสดงว่าใกล้สิ้นสุดระยะที่ 1 ของการคลอด
probable sign (บ่งบอก) - อยากเบ่ง อยากถ่ายอุจจาระและปัสสาวะขณะที่มดลูกหดรัดตัว มีเลือดสดออกทางช่องคลอดเล็กน้อย ถุงน้าคร่าแตก ฝีเย็บตุงและมองเห็นส่วนนาของทารกทางช่องคลอด , positive sign (แน่นอน) จากการตรวจทางช่องคลอด คลาไม่พบขอบของปากมดลูก คือปากมดลูกเปิดหมด10 เซนติเมตร (fully dilatation) อาการแสดงว่าใกล้สิ้นสุดระยะที่ 1 ของการคลอด