Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีการดูแลตนเองของโอเร็ม - Coggle Diagram
ทฤษฎีการดูแลตนเองของโอเร็ม
มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรยาย อธิบาย ทำนาย หรือ กำหนดวิธีการพยาบาล
โอเร็ม อธิบายมโนทัศน์ของการดูแลไว้ว่า “การดูแลตนเองเป็นการปฏิบัติกิจกรรมที่บุคคลริเริ่มและ
กระทำเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองในการดำรงไว้ซึ่งชีวิต สุขภาพ และความเป็นอยู่อันดี”
กระบวนทัศน์หลักเกี่ยวกับทฤษฎี
1.บุคคล โอเร็ม เชื่อว่า บุคคลเป็นผู้ที่มีความสามารถในการกระทำอย่างจงใจมีความสามารถในการเรียนรู้วางแผนจัดระเบียบปฏิบัติกิจกรรมเกี่ยวกับตนเองและบุคคลมีลักษณะเป็นองค์รวมเป็นระบบเปิดทำให้บุคคลมีความเป็นพลวัตรคือเปลี่ยนแปลง
2.สุขภาพ เป็นภาวะที่มีความสมบูรณ์ไม่บกพร่องผู้ที่มีสุขภาพดีคือ คนที่มีโครงสร้างที่สมบูรณ์สามารถทำหน้าที่ของตนได้ซึ่งการทำหน้าที่นั้นเป็นการผสมผสานกันของทางสรีระ จิตใจ สัมพันธภาพระหว่างบุคคลเเละด้านสังคมโดยไม่เเยกจากกันส่วนภาวะปกติสุข หรือควาผาสุก (Well-being) หมายถึง เป็นการรับรู้ถึงความเป็นอยู่ของตนในแต่ละขณะ เป็นการแสดงออกถึงความพึงพอใจ ความยินดีและมีความสุข
3.สิ่งแวดล้อม หมายถึง สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ เคมี ชีวภาพ และสังคมวัฒนธรรม
โอเร็มเชื่อว่าคนกับสิ่งแวดล้อมไม่สามารถแยกออกจากกันได้ และมีอิทธิพลซึ่งกันและกัน
เป้าหมายการพยาบาล คือ ช่วยให้บุคคลตอบสนองต่อความต้องการ
การดูแลตนเองในระดับที่เพียงพอและต่อเนื่อง และช่วยเพิ่มความ
สามารถในการดูแลตนเอง
4.การพยาบาล เป็นการช่วยเหลือบุคคลอื่นให้สามารถดูแลตนเอง
ได้อย่างต่อเนื่องและเพียงพอกับความต้องการในการดูแลตนเอง
พื้นฐานความเชื่อที่นำมาอธิบายมโนทัศน์หลักของทฤษฎี ได้แก่
1.บุคคล เป็นผู้มีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง
2.บุคคลเป็นผู้ที่มีความสามารถและเต็มใจที่จะ
ดูแลตนเองหรือผู้ที่อยู่ในความปกครองของตนเอง
3.การดูแลตนเองเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นความจำเป็นในชีวิตของบุคคลเพื่อดำรง
รักษาสุขภาพชีวิต การพัฒนาการ และความเป็นปกติสุขของชีวิต (Well-being)
5.การศึกษาและวัฒนธรรมมีอิทธิพลต่อบุคคล
ุ6.การดูแลผู้ที่อยู่ในความปกครองหรือผู้อื่นเป็นสิ่งที่มีค่าควรแก่การยกย่องส่งเสริม
7.ผู้ป่วย คนชรา คนพิการ และทารก ต้องได้รับการช่วยเหลือดูแลจากบุคคลอื่น
8.การพยาบาลเป็นการบริการเพื่อนมนุษย์กระทำโดยมีเจตนาที่จะช่วยเหลือสนับสนุนบุคคลที่มีความต้องการที่ดำรงความมีสุขภาพดี
4.การดูแลตนเองเป็นกิจกรรมที่เรียนรู้และจดจำไว้ได้จากสังคม สิ่งแวดล้อมและการติดต่อสื่อสาร
ทฤษฎีทางการพยาบาลของโอเร็ม ประกอบด้วย 3 ทฤษฎีที่สำคัญ ได้แก่
ทฤษฎีความพร่องในการดูแลตนเอง (The theory of self-care deficit)
2.1 ความต้องการที่สมดุล (Demand is equal to abilities: TSCD = SCA)
2.2 ความต้องการน้อยกว่าความสามารถ (Demand is less than abilities: TSCD <SCA)
2.3 ความต้องการมากกว่าความสามารถ (Demand is greater than abilities: TSCD >SCA)
แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถในการดูแลตนเองและความต้องการการดูแลตนเองทั้งหมดในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งความสัมพันธ์ดังกล่าวนั้นมีได้
ใน 3 แบบ ดังนี้
....ในความสัมพันธ์ของ 2 รูปแบบแรกนั้นบุคคลสามารถบรรลุเป้าหมายความต้องการการดูแลตนเองทั้งหมดได้ ถือว่า ไม่มีภาวะพร่อง (No deficit)
....ในความสัมพันธ์ที่ 3 เป็นความไม่สมดุลของความสามารถที่มีไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความ
ต้องการการดูแลตนเองทั้งหมดจึงมีผลท าให้เกิดความบกพร่องในการดูแลตนเอง
ทฤษฎีการดูแลตัวเอง (Self – care Theory)
บุคคลที่มีวุฒิภาวะเป็นผู้ใหญ่และก าลังเข้าสู่วัยผู้ใหญ่มีการเรียนรู้ในการกระทำและผลของการกระทำเพื่อสนองตอบความต้องการการดูแลตนเองที่จำเป็นพัฒนาการของบุคคลเพื่อคงไว้ซึ่งชีวิต สุขภาพและความผาสุก
มโนทัศน์สำคัญ ได้เเก่
1.1 การดูแลตนเอง (Self - care: SC):
1 more item...
คือการปฏิบัติกิจกรรมที่บุคคลริเริ่มและกระทำด้วยตนเองเพื่อดำรงไว้ซึ่งชีวิตสุขภาพ และ
ความผาสุกเมื่อการกระทำนั้นมีประสิทธิภาพจะมีส่วนช่วยให้โครงสร้างหน้าที่และพัฒนา -
การดำเนินไปถึงขีดสูงสุดของแต่ละบุคคลเพื่อตอบสนองความต้องการในการดูแลตนเอง
1.2ความสามารถในการดูแลตนเอง (Self-care agency: SCA)
3 more items...
1 more item...
1.4 ปัจจัยพื้นฐาน (Basic Conditioning Factors: BCFs)
1 more item...
3.ระบบการพยาบาล (The Theory of Nursing System)
เป็นกรอบแนวคิดเกี่ยวกับการกระทำของพยาบาลเพื่อช่วยเหลือบุคคลที่มีความพร่องในการดูแลตนเองให้ได้รับการตอบสนองความต้องการการดูแลตนเองทั้งหมดและความสามารถในการดูแลตนเองของบุคคลให้ได้รับการดูแล ปกป้อง และดูแลตนเอง โดยใช้ความสามารถทางการพยาบาล
ระบบการพยาบาลเป็นระบบของการกระทำที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตามความสามารถและความต้องการการดูแลของผู้รับบริการ ซึ่งระบบการพยาบาลได้แบ่งออกเป็น
3 ระบบโดยอาศัยเกณฑ์ความสามารถของบุคคลในการควบคุมการเคลื่อนไหวและการจัดกระทำ
3.1 ระบบทดแทนทั้งหมด (Wholly compensatory nursing system)
2.ผู้ที่รับรู้และอาจจะสามารถสังเกต ตัดสินใจเกี่ยวกับดูแลตนเองได้แต่ไม่ควรจะเคลื่อนไหวหรือจัดการเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวใดๆ ได้แก่ ผู้ป่วยด้านออร์โธพีดิกส์ที่ใส่เฝือกหรือกระดูกหลังหัก
3.ผู้ที่ไม่สนใจหรือเอาใจใส่ในตนเอง ไม่สามารถตัดสินใจ
อย่างมีเหตุผลในการดูแลตนเอง เช่น ผู้ป่วยทีมีปัญหาทางจิต
1.ผู้ที่ไม่สามารถจะปฏิบัติในกิจกรรมที่จะกระทำอย่างจงใจ ไม่ว่ารูปแบบใดๆทั้งสิ้น เช่น ผู้ป่วย
ที่หมดสติหรือ ผู้ที่ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้ ได้แก่ ผู้ป่วยอัมพาต ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว
3.2 ระบบทดแทนบางส่วน (Partly compensatory nursing system)
เป็นระบบการพยาบาลให้การช่วยเหลือที่ขึ้นอยู่กับความต้องการและความสามารถของผู้ป่วย
โดยพยาบาลจะช่วยผู้ป่วยสนองตอบต่อความต้องการการดูแลตนเองที่จำเป็นโดยร่วมรับผิดชอบใน
หน้าที่ร่วมกันระหว่างผู้ป่วยกับพยาบาล
3.3 ระบบการพยาบาลแบบสนับสนุนและให้ความรู้(Educative supportive nursing System)
เป็นระบบการพยาบาลที่จะเน้นให้ผู้ป่วยได้รับการสอนและคำแนะนำในการปฏิบัติการดูแลตนเองรวมทั้งการให้
กำลังใจและคอยกระตุ้นให้ผู้ป่วยคงความพยายามที่จะดูแลตนเองและคงไว้ซึ่งความสามารถในการดูแลตนเอง
ระบบการพยาบาลทั้ง 3 ระบบเป็นกิจกรรมที่พยาบาลและผู้ป่วยกระทำเพื่อตอบสนองความต้องการการดูแลตนเองทั้งหมด โดยมีวิธีการกระทำได้ใน 5 วิธีดังนี้
การกระทำให้หรือกระทำแทน
การชี้แนะ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถตัดสินใจและเลือกวิธีการกระทำได้
การสนับสนุน เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยคงไว้ซึ่งความพยายาม และป้องกันไม่ให้เกิดความล้มเหลว
การสอน เป็นการพัฒนาความรู้และทักษะที่เฉพาะ
การสร้างสิ่งแวดล้อม
ความรู้
ประสบการณ์
อัตมโนทัศน์ของตนเกี่ยวกับการพยาบาล
ความสามารถในการลงมือปฏิบัติ
ทักษะทางสังคม
การพยาบาลจะมีประสิทธิภาพได้นั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถทางการพยาบาล (Nursing Agency:NA) เป็นความสามารถของพยาบาลที่ได้จากการศึกษา และฝึกปฏิบัติในศาสตร์และศิลปะทางการพยาบาลปัจจัยที่มีผลต่อความสามารถทางการพยาบาล คือ
ทฤษฎีการดูแลตนเองของโอเร็มกับกระบวนการพยาบาล
4 more items...
แรงจูงใจในการให้การพยาบาล