Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หลักการบริหารและพัฒนาองค์การ 1. การบริหารงานบุคคล, หลักการบริหารและพัฒนาอง…
หลักการบริหารและพัฒนาองค์การ 1. การบริหารงานบุคคล
ความหมายของการบริหารงานบุคคล
การบริหารงานบุคคล (Personnel Management) เป็นกระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งกำลังคนที่เหมาะสมที่สุดกับงาน และใช้ทรัพยากรกำลังคนนั้นให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดตามเป้าหมายที่องค์การได้กำหนดไว้
ความสำคัญของการบริหารงานบุคคล
การบริหารงานบุคคลเป็นกลจักรสำคัญมากประการหนึ่ง ที่จะส่งผลให้เกิดความสำเร็จของงานตามจุดมุ่งหมายขององค์การ
วัตถุประสงค์
๓. เพื่อรักษาไว้ (maintenance) ซึ่งบุคคลให้ทำงานกับองค์การนานๆ
๔. เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี (relationships) ของบุคคลกลุ่มต่างๆขององค์การ
๒. เพื่อใช้ประโยชน์ (utilization) ของบุคคลอย่างเต็มกำลังในการทำงาน
๕. เพื่อพัฒนาทักษะและเสริมสร้างความสามารถของบุคลากรให้มีสมรรถภาพเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง(development)
๑. เพื่อสรรหาและเลือกสรร (recruitment and selection) ให้ได้บุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ
หลักการบริหารงานบุคคล
๑. ระบบคุณธรรม (Merit System)
๑.๒ หลักความสามารถ (Competency) เป็นการพยายามคัดเลือกให้ได้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่งมากที่สุด
๑.๓ หลักความมั่นคง (Security of tenure) ความมั่นคงในงาน ย่อมมีความสำคัญต่อผู้ปฏิบัติมาก ข้าราชการจะมีความมั่นคงสูง แม้จะเงินเดือนน้อยกว่าภาคเอกชน แต่ยังคงได้รับความนิยมเข้ารับข้าราชการ
๑.๑ หลักความเสมอภาค (equality of opportunity) ผู้มีความรู้ความสามารถ และมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ย่อมมีสิทธิ์และโอกาสเท่ากันในการแข่งขันเข้ามาทำงาน
๑.๔ หลักการเป็นกลางทางการเมือง (Political neutrality) มุ่งเน้นที่ข้าราชการมากกว่าวงการธุรกิจ
๒. ระบบอุปถัมภ์ (Patronage System) เป็นระบบการบริหารงานบุคคลที่ตรงข้ามกับระบบคุณธรรม ส่วนใหญ่จะยึดถือหลักพวกพ้อง เครือญาติ หรือมีผู้อุปการะ
การวางแผนกำลังคน (Manpower Planning)
๒. การตรวจสภาพกำลังคน
๓. การพยากรณ์ความต้องการกำลังคน
๑. การศึกษานโยบายและแผนขององค์กร
การสรรหาบุคคล และการบรรจุแต่งตั้ง
๑. การสรรหาจากภายนอกหน่วยงาน
๒. การสรรหาจากหน่วยงานเดียวกัน ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยม
ขั้นตอนการสรรหาและการบรรจุแต่งตั้ง มีดังนี้
การประกาศรับสมัคร, การสัมภาษณ์เบื้องต้น, การยื่นใบสมัครการทดสอบการปฏิบัติงาน, การสอบสัมภาษณ์, การตรวจสอบภูมิหลัง, การคัดเลือกขั้นต้นของฝ่ายการเจ้าหน้าที่, การตัดสินใจของหัวหน้างาน, การตรวจร่างกาย, การบรรจุแต่งตั้ง
ขั้นตอนการบริหารงานบุคคล
๑. การสรรหาและการคัดเลือก
ขั้นตอนการสรรหา
๒) กำหนดแหล่งสรรหาบุคลากร
๑) กำหนดนโยบายการสรรหา
การสรรหาภายในหน่วยงาน
การโยกย้าย, โอนย้าย (Transfer), การเลื่อนตำแหน่ง(Promotion), การยกระดับฝีมือ, การใช้ระบบอาวุโส(Seniority), การพิจารณาจากสมรรถนะ (Competency)
การสรรหาภายนอกหน่วยงาน
สถาบันการศึกษา, บริษัทจัดหางาน, บริษัทคู่แข่งขัน/ธุรกิจอื่นๆ, สหภาพแรงงาน
วิธีการสรรหาคนจากภายนอกองค์การ
การประกาศรับสมัคร, ติดต่อสถาบันการศึกษา, ติดต่อสมาคมคนงาน/สหภาพ แรงงาน, ติดต่อสำนักงานจัดหางาน, ผ่านสื่อโฆษณา สื่อหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต
ข้อดี มีโอกาสคัดเลือกพนักงานได้หลากหลาย กว้างขวาง
ข้อจำกัด สิ้นเปลืองเวลาและค่าใช้จ่าย
ระบบริหารงานบุคคล
๑. ระบบอุปถัมภ์ Patronage system เป็นระบบที่อาศัยความสนิทสนมคุ้นเคยอาจจะเป็นเครือญาติ
๒. ระบบคุณธรรม Merit system เป็นระบบที่ยึดความรู้ ความสามารถ ความดีของบุคคล
๑. หลักเสมอภาค
๒. หลักความสามารถ
๓. หลักความมั่นคง
๔. หลักความเป็นกลางทางการเมือง
หลักการคัดเลือกบุคลากร
๑. หลักความเท่าเทียมกัน (Equity) หมายถึง การให้โอกาสแก่ผู้สมัครโดยเท่าเทียมกัน
๒.ระบบการคัดเลือกที่มีประสิทธิภาพ (Effective selection) หมายถึงการคัดเลือกผู้เข้าสมัครงานได้ตรง
2.การพัฒนาบุคลากร
กิจกรรมที่เสริมสร้างบุคคลให้เกิดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความรู้และเพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจ เกิดทักษะ หรือความชำนาญในการปฏิบัติงานให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
๓. การฝึกอบรมทางด้านมนุษยสัมพันธ์(Human Skill
๒. การฝึกอบรมทางด้านเทคนิค (Technical Skill)
๔. การฝึกอบรมทางด้านความคิด (Conceptual Skill)
๑. การฝึกอบรมทางด้านความรู้ (Knowledge Skill)
ประเภทของการฝึกอบรม
๒. การอบรมปฐมนิเทศ
๑. การฝึกอบรมก่อนเข้าทำงาน เป็นการฝึกอบรมตั้งแต่อยู่ในโรงเรียน
๓. การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัติงาน
๔. การพัฒนาความก้าวหน้าในวิชาชีพ
3.การธำรงรักษาบุคลากรการพยาบาล
เป็นการธำรงรักษาบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ ให้คงอยู่ในงานนานที่สุดเท่าที่จะทำได้
ความหมายของการจูงใจ
การจูงใจ (motivation) คือแรงกระตุ้นหรือแรงผลักดันให้เกิดพฤติกรรม
๑. การเสริมแรงจูงใจในทางบวก (positive reinforcement) หมายถึง การให้สิ่งจูงใจที่บุคลากร
ต้องการหรือชื่นชอบ เช่น การให้รางวัล คำชมเชย
๒. การเสริมแรงจูงใจในทางลบ (negative reinforcement) หมายถึง การกำหนดเงื่อนไขที่
บุคลากรทำงานไม่ต้องการหรือไม่ชอบ
๓. การระงับพฤติกรรม (extinction) จุดประสงค์ที่สำคัญคือ เพื่อลดการกระทำพฤติกรรมที่ไม่พึง
ประสงค์
๔. การลงโทษ (Punishment) จุดประสงค์การลงโทษคือ เพื่อลดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์
ประเภทของแรงจูงใจ
แรงจูงใจภายใน
เกิดจากความทะเยอทะยาน ในความต้องการก้าวหน้าในอาชีพ, ความสนใจ ที่ต้องการให้งานสำเร็จภายในเวลารวดเร็ว, มีความคาดหวัง คำชมเชย หรือ บำเหน็จรางวัล
แรงจูงใจภายนอก
เงินเดือน, ความมั่นคงต่อการทำงานและโอกาสก้าวหน้าในอาชีพ, สถานที่ทำงานมีสิ่งอำนวยความสะดวก มั่งคง ปลอดภัยผู้ร่วมงาน, มีอิสระในการทำงาน การแสดงความคิดเห็นคำติชม รางวัล การทำโทษ
4.การประเมินผลการปฏิบัติงาน ( Performance Appraisal)
๑. การประเมินผลการปฏิบัติงาน ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ
๒. การประเมินคุณลักษณะของผู้ปฏิบัติงาน เช่น ความร่วมมือในการทำงาน ความสามัคคี มนุษยสัมพันธ์
ขั้นตอนการประเมินผลการปฏิบัติงาน
๒. กำหนดแบบและลักษณะของงานที่จะประเมิน เขียนแบบประเมินและแบบบันทึก
๓. กำหนดผู้ประเมินและการอบรมผู้ท าการประเมิน เพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกัน
๑. กำหนดวัตถุประสงค์ในการประเมินผลการปฏิบัติงาน
๔. กำหนดวิธีการการประเมินผลงาน เช่นประเมินพฤติกรรม ประเมินตามมาตรฐานของหน่วยงาน
วิธีการประเมินผลการปฏิบัติงาน
๑. วิธีการให้คะแนนตามมาตราส่วน
๒. การประเมินตามค่าคะแนน
๓. การประเมินผลที่เน้นผลการปฏิบัติงาน
๒) Management by objective การบริหารโดยยึดวัตถุประสงค์
๓) Psychological Appraisal/Competency Appraisal การประเมินผลเชิงจิตวิทยา
๑) Self-Appraisal การประเมินตนเอง
๔) Assessment Centers ศูนย์ประเมิน
การประเมิน ๓๖๐ องศา ประโยชน์หลักที่ได้รับ
จะได้ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติงานจากหลายมุมมองม เข้าใจเกี่ยวกับจุดแข็งและขอบเขตการพัฒนาที่กว้างขวางขึ้นม เป็นกลาง เที่ยงตรง สามารถเชื่อถือได้ และจูงใจได้ม เป็นแรงจูงใจที่ดีมากที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบุคคลม ยืดหยุ่นได้ สามารถปรับใช้กับผู้ปฏิบัติงานทุกระดับ
หลักการบริหารและพัฒนาองค์การ
๒. การบริหารพัสดุ
วัสดุหมายถึงสิ่งของที่มีลักษณะไม่คงทนถาวรใช้แล้วสิ้นเปลืองหมดไปหรือสลายตัวไปในระยะสั้น
ครุภัณฑ์หมายถึงสิ่งของที่มีลักษณะคงทนถาวรมีอายุการใช้งานยาวนานไม่เป็นของใช้สิ้นเปลือง
วัตถุประสงค์การบริหารพัสดุ
เพื่อควบคุมการใช้ทรัพยากรต่างๆ ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่, เพื่อจัดหาพัสดุให้เพียงพอต่อการใช้อยู่ตลอดเวล, เพื่อประหยัดงบประมาณหรือเงินบ ารุงในการจัดซื้อพัสดุ, ง่ายต่อการตรวจสอบ ป้องกันทุจริต
ประเภทของพัสดุ
๓. พัสดุวิทยาศาสตร์
๔. พัสดุยานพาหนะ
๒. พัสดุทางการแพทย์
๕. พัสดุงานบ้าน
๑. พัสดุประเภทสำนักงาน
หลักการบำรุงรักษาพัสดุ
-การควบคุมดูแล การเบิกจ่าย
-จัดทำคู่มือบำรุงรักษา
-จัดทำสมุดทะเบียน
-รายงานการส่งซ่อมอุปกรณ์
ขั้นตอนการบริหารพัสดุ
๓. จัดหา จัดซื้อ จัดจ้าง
๔. การแจกจ่าย
๒. กำหนดความต้องการ
๑. วางแผน / กำหนดโครงการ
๕. การบำรุงรักษา (๑) แบบป้องกัน (๒) แบบแก้ไข
๖. การจำหน่าย
๓. การบริหารงบประมาณ (Budget)
มาตรฐานการจัดการทางการเงิน
๒. การกำหนดผลผลิตและการคำนวณต้นทุน
๑. การวางแผนงบประมาณเริ่มจากการกำหนดแผนกลยุทธ์ของหน่วยงาน
๓. การจัดระบบการจัดซื้อจัดจ้าง
๔. การบริหารทางการเงินและ การควบคุมงบประมาณ
๕. การรายงานทางการเงินและผลการดำเนินงาน
๖. การบริหารสินทรัพย์
๗. การตรวจสอบภายใน (Internal Audit)
หมายถึง การวางแผนความต้องการด้านการเงินไว้ล่วงหน้าว่าจะทำกิจกรรมใด เมื่อใด และใช้โดยใครมีระยะเวลาเงื่อนไขกำหนดหรือ การนำข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายมาดำเนินการให้เกิดผลในทางปฏิบัติ
การจัดระบบงาน
กำหนดวัตถุประสงค์ของงาน, กำหนดขอบเขตความรับผิดชอบ, กำหนดอัตรากำลังและประเภทของเจ้าหน้าที่แต่ละระดับ, กำหนดการติดต่อสื่อสาร, จัดทำคู่มือปฏิบัติงาน, การวางแผนการปฏิบัติงาน, นโยบายด้านบุคลาก, จัดหาเครื่องมือเครื่องใช้
ความสำคัญและประโยชน์ของงบประมาณ
๑) ใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารหน่วยงาน ตามแผนงานและกำลังเงินที่มีอยู่โดยให้มีการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับแผนงานที่วางไว้
๒) ให้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาหน่วยงาน ถ้าหน่วยงานจัดงบประมาณการใช้จ่ายอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
๓) เป็นเครื่องมือในการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดให้มีประสิทธิภาพ เนื่องจากทรัพยากรหรืองบประมาณของหน่วยงานมีจำกัด
๔) เป็นเครื่องมือกระจายทรัพยากร และเงินงบประมาณที่เป็นธรรม งบประมาณสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการจัดสรรงบประมาณที่เป็นธรรมไปสู่จุดที่มีความจำเป็นและทั่วถึงที่จะทำให้หน่วยงานนั้น
๕) เป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์ งานและผลงานของหน่วยงาน เนื่องจากงบประมาณเป็นที่รวมทั้งหมดของแผนงานและงานที่จะดำเนินการในแต่ละปีพร้อมทั้งผลที่จะเกิดขึ้น
บทบาทของผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ
๒) ผู้บริหารจะต้องจัดองค์กรและวางแผนการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับงบประมาณที่เป็นอยู่และให้มีการ
๓) ผู้บริหารจะต้องจัดบุคลากร ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับงานงบประมาณ
๑) ผู้บริหารจะต้องตระหนัก และเห็นความสำคัญของงบประมาณ
๔) ผู้บริหารจะต้องจัดเครื่องมืออุปกรณ์ที่จำเป็นในการบริหารงานงบประมาณไว้ครบถ้วน
บทบาทของบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ
๑) ผู้ที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณต้องรู้จักเข้าใจบทบาทและอำนาจหน้าที่ของตนเองเป็นอย่างดี
๒) ผู้ที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ ต้องจัดระบบบริหารงบประมาณให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
บทบาทขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ
๒) จัดให้มีการประสานงานกับในหน่วยงานขององค์กร
๓) จัดให้มีองค์กรกลางเป็นศูนย์รวมข้อมูลงบประมาณขององค์กร
๑) จัดระบบงานและองค์กรให้มีสายการบังคับบัญชา
๔. การบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Management)
รูปแบบของการเปลี่ยนแปลง
๑. การเปลี่ยนแปลงเชิงรุก (Proactive) เป็นการเปลี่ยนแปลงตนเองก่อนที่จะได้รับการเปลี่ยนแปลงจากผู้อื่นซึ่งต้องอาศัยการวิเคราะห์สถานการณ์
๒. การเปลี่ยน แปลงเชิงรับ (Reactive) เป็นการถูกเปลี่ยนแปลงโดยผู้อื่นตัวเองไม่ยอมที่จะเปลี่ยนแปลง หรือมีความคิดติดยึดในแนวทางเดิมๆมานาน
ความสำคัญของการบริหารการเปลี่ยนแปลง
๒. การบริหารการเปลี่ยนแปลงที่ดี ช่วยให้องค์การเห็นโอกาส และภัยคุกคามต่างๆ ที่เกิดขึ้น และสามารถปรับการดำเนินงานเพื่อคว้าโอกาส
๓. การบริหารการเปลี่ยนแปลงที่ดีจะช่วยให้การดำเนินงานขององค์การเป็นไปโดยราบรื่น ต่อเนื่องไม่ต้องติดขัด
๑. องค์การที่มีการบริหารการเปลี่ยนแปลงที่ดี จะปรับตัวได้ทันกับปัญหา และการท้าทายจากสภาพแวดล้อมได้
๔. การบริหารการเปลี่ยนแปลงที่ดี จะช่วยให้องค์การไม่สับสน วุ่นวาย ระส่ำระสาย
๕. การบริหารการเปลี่ยนแปลงที่ดี จะช่วยให้องค์การได้ปรับปรุงตัวเองอย่างต่อเนื่อง
องค์ประกอบของการเปลี่ยนแปลงในองค์การ
ระเบียบสังคม (Social Order) ซึ่งหมายถึงการจัดระเบียบ โครงสร้างของกลุ่ม สถาบัน บรรทัดฐาน ระเบียบ
อุดมการณ์ (Ideology) ซึ่งหมายถึงความเชื่อ ค่านิยมสูงสุด ที่เป็นตัวกำกับทิศทางแบบแผนของพฤติกรรมในองค์การ
เทคโนโลยี (Technology) ซึ่งหมายถึงอุปกรณ์ เครื่องจักร เครื่องมือ
ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง
แรงต่อต้าน
ความกลัวว่าจะต้องสูญเสียประโยชน์ อำนาจ ความมั่นคง หรือสิ่งที่เคยมี เคยทำอยู่จนเคยชิน, ความรู้สึกหวั่นไหวต่อความคลุมเครือ ความไม่แน่นอน ความรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงจะทำให้ตนถูกโดดเดี่ยว แปลกแยก และความรู้สึกที่จะต้องละจากแบบแผนของชีวิตที่ใช้มาจนเคยชิน, การขาดความรู้ความเข้าใจที่ดีพอเกี่ยวกับแนวทาง วิธีการ และจุดหมายปลายทางของการเปลี่ยนแปลง
แรงเสริม
ความไม่พึงพอใจในสภาพปัจจุบันที่เป็นอยู่, ความสามารถในการรับรู้ข่าวสารร่วมกันในหมู่คนในองค์การ ซึ่งจะช่วยให้เห็นความจำเป็นของสถานการณ์ได้ตรงกัน พร้อมๆ กัน, ภาพลักษณ์ และการปฏิบัติตนของผู้นำที่แสดงถึงความมุ่งมั่น เอาจริงเอาจังต่อการเปลี่ยนแปลง
การขั้นตอนการบริหารการเปลี่ยนแปลง
๒. การนำแผนการเปลี่ยนแปลงไปสู่การปฏิบัติ (Implementing Change)
๓. การติดตามประเมินผล และรักษาผลการเปลี่ยนแปลง (Evaluating and Maintaining)
๑. การวางแผนการเปลี่ยนแปลง (Planning for Change)