Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Special sense & Endrocrine system - Coggle Diagram
Special sense & Endrocrine system
การมองเห็น (vision)
การทํางานของตา
มีเลนส์แก้วตา (lens) ทาหน้าที่รวมแสงให้ตกลงบนตัวรับสัญญาณ (receptors)
มีตัวรับ (receptors) อยู่ภายในลูกตา
มีระบบประสาทนําสัญญาณประสาทสู่สมองเพื่อแปลภาพ
โครงสร้างของลูกตา
ชั้นสเคอรา (sclera or protective layer) เปนเนื้อเยื่อเส้นใย (fibrous tissue) ทําหน้าที่ป้องกัน
อันตรายให้แก่เนื้อเยื่อชั้นใน
กระจกตา (cornea) เป็นช่องด้านหน้า โปร่งแสง ทางผ่านของแสง
ชนโครอยด์ (choroid or pigmented layer) ประกอบดวยเส้นเลือดฝอยจํานวนมาก
ciliary body - ม่านตา (iris) - เลนส์ตา (lens)
3.ชั้นจอประสาทตา (retina or light-sensitive layer
มีเนื้อเยื่อประสาทจํานวนมาก - pigment layer - เซลล์รับแสง (visual receptor cells or light-sensitive cells)
เส้นเลือดที่มาเลี้ยง retina
retinal vessels 2. choroid capillary plexus เลี้ยงบริเวณส่วนนอก (outer segment) ใกล้กับชั้น choroid
ช่องว่างและของเหลวภายในลูกตา
โพรงด้านหน้า (anterior cavity) บรรจุ aqueous humor
โพรงด้านหลัง (posterior cavity) บรรจุ vitreous humor ชวยให้ลูกตาคงรูปร่าง
จุดบอด (blind spot)
ตำแหน่งของ optic disc ซึ่งเป็นทางเข้า-ออกของเส้นเลือด และเส้นประสาท (optic nerve)
กลไกการเกิดภาพ (image-forming mechanism)
แสงตกกระทบ รงควตถั ุไวแสงใน rod cells และ cone cells
เซลล์สัญญาณประสาทเชื่อม (interneurons)
แปลสัญญาณประสาทที่สมอง
การมองเห็นภาพสี (colour vision)
เกิดขึ้นเนื่องจากรงควตถุในวัตถุต่างๆ มีความสามารถในการดูดซึมแสงในช่วงความยาวคลื่นได้ต่าง
กัน
complementary colour คอแสงจากวัตถุที่มีสีขาวมากระตุ้น cone cells ทั้ง3 ชนิดในอัตราส่วนที่
เท่ากันพอดีทําให้เห็นเป็นวัตถุสีขาว
ฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมใต้สมองส่วนหน้า
ACTH (Adrenocorticotrophic Hormone)
TSH (Thyroid Stimulating Hormone)
FSH (Follicle Stimulating Hormone)
LH (Luteinizing hormone) หรือ ICSH (Interstitial cell Stimulating Hormaone)
Prolactin หรือ LTH (Lactogenic hormone)
การได้ยิน (Hearing)
Ear anatomy
หูส่วนนอก (external ear) ทำหน้าที่
รับเสียง (auditory function) รวมเสียงผ่านไปกระทบเยื่อแก้วหู (tympanic membrane or ear drum)
ปองกันอันตราย (protective function)
หูชั้นกลาง (middle ear) เป็นโพรงอากาศติดต่อกับโพรงจมูกและลําคอผ่านทางท่อ eustachian tube
ท่อ eustachian tube ทำหน้าที่ปรับความดัน 2 ด้านของเยื่อแก้วหูให้เท่ากัน
กระดูกฆ้อน (malleus) กระดูกทั่ง (incus) กระดูกโกลน (stapes) กระดูกทั้ง3 ทําหน้าที่เปลี่ยนคลื่นเสียง (air-borne sound) ใหเกิดเป็นคลื่นของเหลว (fluidborne sound)
หูชั้นใน (inner ear) ประกอบด้วย 2 ส่วน
ส่วนที่เป็นท่อกระดูก (bony labyrinth)
ส่วนที่เป็นเนื้อเยื่อ (membranous labyrinth)
หูชั้นในทำหน้าที่
ส่วนที่ใช้ฟังเสียง (auditory apparatus) ได้แก่ คอเคลีย (cochlea)
ส่วนที่ใช้ในการทรงตัว (vestibular apparatus) ได้แก่ ทอครึ่งวงกลม (semicircular canals) saccule utricle
กลไกการได้ยินเสียง (auditory mechanisms)
กลไกการนำเสียงผ่านหูส่วนนอกและส่วนกลาง
การสั่นสะเทือนของเยื่อแก้วหู - ถ่ายทอดแรงสั่นสะเทือนผ่านกระดูก 3 ชิ้น - กระดูกโกลน กระแทกกับ oval window ขยายความดันคลื่นเสียงประมาณ 22 เท่า
กลไกการได้ยินผ่านหูชั้นใน
การสั่นสะเทือนของ oval window - เกิดการเปลี่ยนแปลงความดันใน scala vestibuli
การเกิดสัญญาณประสาท
กลไกการป้องกันอันตรายจากเสียงดัง
auditory reflex - ในหูชั้นกลาง มีกล้ามเนื้อ 2 มัด (1. Tensor tympani 2. Stapedius
อาการหูหนวก (deafness)
conduction deafness
sensorineural deafness
การทรงตัว (vestibular system)
อวัยวะรับความรู้สึก (sense organs)
crista ampullaris ของ semicircular canals
macula ใน utricle
saccule
Hair cells
Stereocilia
Kinocilium
การทํางานของ vestibular system
ส่วนรับรู้การหมุน
semicircular canals - crista ampullaris - hair cells - gelatinous mass เรียกว่า cupula
สวนรับรู้ตําแหน่งของศีรษะและร่างกาย
อาศัยการทำงานของ hair cells ใน macula ของ utricle และ succule
gelatinous layer เรียกว่า otolithic membrane มสารผสมของ CaCO3 เรียกว่า otoliths
การรับรส การรับกลิ่น (taste and smell)
การรับรส (taste or gustation)
รสเปรี้ยว (sourness) 2. รสเค็ม (saltiness) 3. รสหวาน (sweetness) 4. รสขม (bitterness)
ต่อมรับรส (taste buds)
กระจายอยูjดhานบนของลิ้นมากที่สุด - taste receptor cells - taste pore - microvilli
การรับกลิ่น (smell)
olfactory receptors - nasal mucosa - olfactory mucous membrane - เซลล์รับกลิ่น เรียกว่า olfactory cells - การกระตุ้นให้เกิดสัญญาณประสาทโดยกระตุ้น olfactory cells ใหเกิดการเปลี่ยนแปลง ion
channel โดยอาศัย cAMP
การจาม (sniffing) เป็น reflex