ผู้ที่มีภาวะสูญเสียเศร้าโศก ลักษณะอาการและกระบวนการของ Loss& grief process วิธีบำบัดทางการพยาบาล ผู้มีภาวะซึมเศร้า ลักษณะสำคัญและปัจจัยเหตุของภาวะซึมเศร้า วิธีการบำบัดทางการพยาบาลผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าและโรคซึมเศร้า
ความหมายของภาวะสูญเสีย (Loss)
ลักษณะอาการสำคัญในแต่ละระยะของ Loss & grief
ความรู้สึกที่เป็นปฏิกิริยาของการต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่ผูกพัน หรือมีค่ามีความสำคัญ ในชีวิต
ภาวะสูญเสีย (Loss)
ความหมายของภาวะเศร้าโศก (Grief)
ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นภายหลังการสูญเสีย ซึ่งบุคคลไม่สามารถที่จะยอมรับและปรับตัวต่อภาวะสูญเสียนั้นได้โดยเป็นการแสดงออก ที่เจ็บปวดทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ การรู้คิด และพฤติกรรม ซึ่งแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล
การเศร้าโศก (Grieving Process)
เมื่อพิจารณาตามแนวคิดการจำแนกลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์จำแนกลักษณะของภาวะสูญเสียออกเป็น 5 ชนิด
- การสูญเสียความมั่นคงและความรู้สึกเป็นเจ้าของ (Loss of security and a sense of belonging) เป็นการสูญเสียความรักและสัมพันธภาพกับคนสนิท คนในครอบครัว หรือเพื่อนฝูง เช่น การตาย การจากไป การหย่าร้าง
- การสูญเสียความเคารพนับถือตัวเอง (Loss of self-esteem) การเปลี่ยนแปลงใดๆที่ เกี่ยวข้องกับคุณค่าในการทำงานหรือคุณค่าของสัมพันธภาพของบุคคล ที่คุกคามต่อ ความเคารพนับถือตัวเอง เช่น สูญเสียยศ ตำแหน่ง หน้าที่การงาน เป็นต้น
- การสูญเสียความปลอดภัย (Safety loss) เป็นการสูญเสียความปลอดภัยจาก สิ่งแวดล้อมหรือเหตุการณ์ที่รุนแรงทั้งในบ้านและในที่สาธารณะ บุคคลจะรู้สึกว่า ความมั่นใจในความปลอดภัยและการได้รับการปกปักษ์ดูแลสูญเสียไป เช่น คนในครอบครัวนิสัยก้าวร้าวรุนแรงอาศัยอยู่ในที่ที่มีการก่อการร้าย ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกทำร้าย เป็นต้น
- ความสูญเสียที่สัมพันธ์กับการทำเต็มตามศักยภาพของตนเอง(Loss related to selfactualization) การมีภาวะที่มาเป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการไปสู่เป้าหมาย ทำให้บุคคลสูญเสียโอกาสที่จะได้ ทำเต็มตามศักยภาพของตนเอง เช่น ต้องออกจากสถาบันการศึกษา ต้องยุติงานที่ทำอยู่ เป็นต้น
- การสูญเสียทางกาย (Physiologic loss) เช่น แขนหรือขาขาด ตาบอด หูหนวก
คูเบลอร์-รอสส์ (Kubler-Ross)
- การต่อรอง (Bargaining) บุคคลจะพยายามต่อรองที่จะไม่ต้องเกิดการสูญเสีย ซึ่ง อาจจะโดยการสวดมนต์ อ้อนวอน ให้สัญญา เช่น จะทำบุญ บริจาคเงิน ทำความดี เป็นต้น
- ภาวะซึมเศร้า (Depression) เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่าภาวะสูญเสียเกิดขึ้นกับตนเองแน่แล้วจะรู้สึกหมดหวัง หดหู่ เบื่อหน่าย ไม่มีแรงจนถึงอาจคิดอยากตายหรือคิดฆ่าตัวตายได้
- โกรธ (Anger) ผู้อยู่ในภาวะสูญเสียจะรู้สึกโกรธ และแสดงความโกรธออกมากับคนใกล้ชิด ญาติเพื่อน
- ยอมรับ (Acceptance) ขั้นตอนนี้บุคคลจะยอมรับในภาวะสูญเสียที่เกิดขึ้น และภาวะ ซึมเศร้าจะหายไป
- ปฏิเสธ (Denial) เป็นความรู้สึกช็อก(Shock) และไม่เชื่อว่าได้มีการสูญเสียเกิดขึ้น
โบลว์บี (Bowlby)
- ความอยากได้และใฝ่หา (Yearning and searching) เป็นความปรารถนาหรืออยากได้ ในสิ่งที่สูญเสียไป พยายามที่จะให้ได้สิ่งนั้นกลับคืนมา หรือพยายามจะป้องกันไม่ให้ สูญเสียไป
- การไม่เป็นระบบระเบียบและสิ้นหวัง (Disorganization and despair) เกิดความยุ่งเหยิงหรือไม่เป็นระบบ ระเบียบของการรู้คิด (Cognitive disorganization และมีความรู้สึกสิ้นหวัง ทำให้ยาก ที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามกิจวัตรประจำวันได้ เช่น เซื่องซึม ไม่มีแรง ไม่พูดคุย ถอยห่าง จากสังคม นอนไม่หลับ เป็นต้น
- กลับมาดำเนินชีวิตได้เหมือนเดิม (Reorganization) ผู้ที่อยู่ในภาวะเศร้าโศกคลาย ความทุกข์ความเสียใจลง เป็นการปรับตัวกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามกิจวัตรประจำวัน ได้เหมือนเดิม
- มึนชาไร้ความรู้สึกและปฏิเสธ (Numbness and denial) เป็นการเกิดขึ้นอย่างทันที ทันใด และระยะนี้อาจเป็นอยู่สั้นๆชั่วขณะ หรือเป็นอยู่หลายวัน
ฮาร์วี่ (Harvey)
- รู้ว่ามีการสูญเสียเกิดขึ้น จิตใจว้าวุ้น คิดช้าแล้วซ้ำอีกในสิ่งที่สูญเสียไป
- ไว้วางใจคนอื่น สามารถแสดงอารมณ์และความคิดที่สร้างสรรค์ต่อการเผชิญภาวะ สูญเสีย
- ช็อก (Shock) โวยวาย (Outcry) และปฏิเสธ (Denial)
โรดีเบจ (Rodebaugh) และคณะ
- Feeling บุคคลจะโกรธ รู้สึกผิด เศร้าเสียใจ ขาดสมาธิ นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย และมีความไม่สุขสบายไปหมด
- Dealing บุคคลเริ่มที่จะปรับตัวต่อภาวะสูญเสีย โดยเข้าร่วมกลุ่มที่ช่วยเกื้อหนุนให้ กำลังใจ รับคำแนะนำ อ่านหนังสือทางศาสนา หรือเข้ารับการบำบัด
- Reeling ขั้นตอนนี้ บุคคลจะรู้สึกช็อก (Shock) ไม่เชื่อ (Disbelief) หรือปฏิเสธ (Denial)
- Healing บุคคลรับได้ว่าภาวะสูญเสียเป็นสิ่งหนึ่งในชีวิต เป็นบทเรียน การกลับคืนสู่ ภาวะปกติจะไม่เกิดขึ้นถ้าบุคคลไม่ยอมรับภาวะสูญเสีย
การพยาบาลช่วยเหลือในแต่ละขั้นตอน
click to edit
ระยะที่ 2. ความอยากได้ใฝ่หา(Yearning) ต่อต้าน (Protest) โกรธ (Anger)
ระยะที่ 3. ความรู้คิดยุ่งเหยิงไม่เป็นระบบระเบียบ
(Disorganization) สิ้นหวัง (Despair) และซึมเศร้า (Depression)
ระยะที่ 1. ช็อก (Shock)
ระยะที่ 4. การยอมรับ (Acceptance) ฟื้นฟู(Recovery) แก้ปัญหาได้ (Resolution) กลับมาดำเนินชีวิตได้เหมือนเดิม (Reorganization)
- ให้ความมั่นใจแก่ผู้ที่อยู่ในภาวะเศร้าโศกว่า เขาไม่ได้โดดเดี่ยว ว้าเหว่ หรืออยู่ลำพัง เพียงคนเดียว เช่น บอกว่า “ฉันจะอยู่กับคุณสักพักนะ”เป็นต้น
- มุ่งความสนใจไปที่ความรู้สึกของผู้ที่อยู่ในภาวะเศร้าโศก และให้การยอมรับ เช่น “ฉัน รู้ว่ามันทำให้คุณคิดถึงเรื่องเก่าๆ” “คุณรู้สึกว่ามันน่าโกรธมาก”
- ประเมินความคิดอยากฆ่าตัวตาย
- พบผู้ที่อยู่ในภาวะเศร้าโศกอย่างสม่ำเสมอเสมอต้นเสมอปลาย
- เปิดโอกาสให้ได้พูดเล่าถึงความทรงจำที่ดี การปรับตัวที่ได้ผล แล้วให้แรงเสริม
- ให้วางแผนสำหรับการดำเนินชีวิต และวางแผนที่จะเผชิญกับเหตุการณ์ในอนาคต ด้วยตนเอง
- ให้ความรู้แก่สมาชิกในครอบครัว และเพื่อนๆให้มีความเข้าใจผู้ที่อยู่ในภาวะเศร้าโศก และรู้วิธีการปฏิบัติที่เหมาะสมต่อผู้ที่อยู่ในภาวะเศร้าโศก
- ให้พิจารณาเลือกวิธีปรับตัว เป็นการเปิดโอกาสให้ได้เลือกทางออกใหม่
- ช่วยให้ผู้ที่อยู่ในภาวะเศร้าโศกหาสิ่งทดแทน หรือที่พึ่งพายึดเหนี่ยวใหม่
- สื่อสารด้วยสีหน้าท่าทางที่เข้าใจและพร้อมจะช่วยเหลือ ใช้คำพูดเท่าที่จำเป็น อาจใช้การสัมผัสให้ผู้ที่อยู่ในภาวะเศร้าโศกอบอุ่นใจ
- เปิดโอกาสให้ผู้ที่อยู่ในภาวะเศร้าโศกระบายความรู้สึกเศร้าเสียใจออกมาทั้งพฤติกรรม และคำพูด
- ให้แรงเสริมทางบวกเมื่อผู้ที่อยู่ในภาวะเศร้าโศกแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมและมีการ ปรับตัวในทางสร้างสรรค์
- เปิดโอกาสให้ผู้ที่อยู่ในภาวะเศร้าโศกได้พูดระบายความรู้สึก โดยรับฟังอย่างสงบและ เข้าใจ
- ประเมินความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน เช่น การรับประทานอาหาร
- ให้ระบายความรู้สึกโกรธออกมาในกิจกรรมที่สร้างสรรค์
- ดูแลถามไถ่ทุกข์สุข เช่น “นอนหลับได้ดีไหม” “การนอนเมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้าง”
- นัดหมายหรือบอกให้รู้ว่าพยาบาลจะมาพบและให้ความช่วยเหลือหรือเป็นที่ปรึกษา ให้แก่เขาอย่างสม่ำเสมอ
- เสนอตัวที่จะช่วยเหลือในเรื่องต่างๆเช่น พบครอบครัวติดต่อการงาน รับประทาน อาหาร การโทรศัพท์ เป็นต้น
- ให้การยอมรับในภาวะเศร้าโศกที่เกิดขึ้น เช่น บอกว่า “ฉันเข้าใจดีว่าเวลานี้คุณมีความ ทุกข์คุณเสียใจ” “ คุณอยากจะร้องไห้ก็ร้องออกมาได้” “มันเป็นธรรมดาถ้าคุณจะ โกรธมากที่ต้องสูญเสียเช่นนี้” เป็นต้น
- ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ที่อยู่ในภาวะเศร้าโศกปฏิบัติกิจวัตรประจำวันที่สำคัญ
- สร้างสัมพันธภาพให้ผู้ที่อยู่ในภาวะเศร้าโศก เกิดความเชื่อถือ ไว้วางใจ และเชื่อมั่นว่า พยาบาลเป็นที่ปรึกษาแก่เขาได้โดยแสดงท่าทีสงบ อบอุ่น และพร้อมจะช่วยเหลือ
- ดูแลให้ได้รับการตอบสนองความต้องการที่จำเป็น
วิธีบำบัดทางการพยาบาล
ลักษณะสำคัญของภาวะซึมเศร้า
- ต้องการลงโทษตัวเอง การถดถอยหรือถอยหนีจากสังคม เช่น อยากหนีผู้คน อยากซ่อนตัว ไปจนกระทั่งอยากตาย
- การดำเนินกิจกรรมในชีวิตเปลี่ยนแปลงไป เช่น เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ ท้อแท้
- มีอัตมโนทัศน์ในทางลบ (Negative self -concept) จะโทษตัวเอง ประเมินว่าตนเป็นคนไม่ดี
- ระดับการทำกิจกรรมหรือการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไป เช่น ทำอะไรช้าลงหรือกระสับกระส่าย ไม่อยู่นิ่ง
- มีอารมณ์เศร้า รู้สึกเฉยเมย เดียวดาย
ปัจจัยที่ส่งผลหรือเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า
ปัจจัยทางจิตวิทยา (Psychological factors)
ปัจจัยทางสังคมวัฒนธรรม (Social and cultural factors)
ปัจจัยทางชีวภาพ (Biological factors)
- พันธุกรรม (Genetic) การที่พ่อแม่เคยมีภาวะซึมเศร้าลูกๆจะมีความเสี่ยงสูง
- ปัจจัยทางเคมีและสารสื่อประสาท (Chemicals / Neurotransmitters) พบว่าผู้ที่มี ภาวะซึมเศร้ามีระดับของ Noradrenaline และ Serotonin ลดลง
- ความไม่สมดุลของฮอร์โมน (Hormonal imbalance) จะเห็นได้จากการพบภาวะ ซึมเศร้าได้ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน และหญิงหลังคลอด
- ความขัดแย้งภายในจิตใจ (Intrapsychic conflict) เป็นความขัดแย้งที่ไม่สามารถจะ แก้ไขได้ แล้วนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า
- กลวิธีเผชิญปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิต (Coping strategies with life events) เมื่อคนเรา เกิดความเครียด โดยเฉพาะเมื่อเกิดจากการสูญเสีย เช่น การหย่าร้าง การตายของคนที่รัก เป็นต้น วิธีการที่เราจัดการกับความเครียด ถ้าเป็นความเศร้าโศก เสียใจก็เป็นปฏิกิริยาที่ปกติแต่การใช้กลวิธีเผชิญปัญหาที่หันเข้าหาตัวเอง การโทษ ตัวเอง และใช้อยู่เป็นเวลานาน ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้
- ประสบการณ์ในช่วงต้นของชีวิตที่ล้มเหลว (Debilitating early life experience) เหตุการณ์ในช่วงต้นของชีวิตจะเป็นพื้นฐานของสุขภาพจิตของบุคคลไปตลอดชีวิต เช่น การต้องแยกจากแม่ การไม่ได้รับความรักการอุ้มชูจากคนเลี้ยง ตลอดจนการถูกทารุณ ล้วนเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะซึมเศร้า
- ความสัมพันธ์กับบุคคลในสังคม เช่น พ่อ แม่ ญาติ พี่ น้อง คนรัก เพื่อนฝูง ตลอดจน เพื่อนบ้านและคนในชุมชน ถ้าขาดการช่วยเหลือเกื้อกูลสนับสนุนซึ่งกันและกันต่างคนต่างอยู่ ก็เป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิด ภาวะซึมเศร้าได้แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าบุคคลในสังคมเหล่านี้มีสัมพันธภาพที่ดีต่อกันจะช่วยป้องกันภาวะซึมเศร้าได้
- จากการศึกษาวิจัย พบว่า คนโสดมีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะซึมเศร้ามากกว่าคนที่แต่งงานแล้ว และคนที่หย่าร้างก็มีโอกาสเกิดภาวะซึมเศร้าได้มากกว่า
- ผู้ที่ประสบเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดภาวะสูญเสียมากมายหลายอย่างในชีวิต เช่น การตายจากของคนอันเป็นที่รัก สูญเสียอวัยวะ การหย่าร้าง
- คนในสังคมที่มีวัฒนธรรมแบบเครือญาติ มีความใกล้ชิด เข้าอกเข้าใจ เอื้ออาทรต่อกัน จะพบการเกิดภาวะซึมเศร้าน้อยกว่าสังคมที่มีวัฒนธรรมแบบห่างเหิน
การช่วยเหลือในระดับปฐมภูมิ
เป็นการดูแลในระดับสุขภาพจิตเพื่อป้องกันการดำเนินไปสู่ ปัญหาทางจิตเวชหรือการเจ็บป่วยทางจิต
สำหรับผู้ที่มีภาวะสูญเสีย ภาวะเศร้าโศก และภาวะซึมเศร้า ที่ต้องได้รับการช่วยเหลือ
- ประเมินผู้ที่มีภาวะสูญเสียและภาวะเศร้า และให้การช่วยเหลือทันทีก่อนที่จะมีอาการรุนแรงหรือเรื้อรัง หรือเกิดภาวะซึมเศร้า
- คัดกรองผู้ที่เริ่มมีภาวะซึมเศร้า และให้การช่วยเหลือก่อนที่จะเป็นปัญหาหรือเจ็บป่วยทางจิตเวช
- การส่งเสริมสุขภาพจิตและให้ความรู้เรื่องของภาวะสูญเสียและภาวะเศร้าโศก แก่ ประชาชนทั่วไป เพื่อการเตรียมจิตใจให้พร้อม
- การให้ความรู้และสร้างแหล่งพึ่งพาในชุมชน เพื่อสร้างความอุ่นใจแก่คนในชุมชนและ ได้ช่วยเหลือขั้นต้นแก่ผู้มีปัญหา
- สัมพันธภาพระหว่างพยาบาลเพื่อการบำบัด (Therapeutic Nurse –Patient Relationship) เป็นการใช้สัมพันธภาพเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเกิดความเข้มแข็งของของจิตใจ โดยเริ่มจากพิจารณาเหตุการณ์หรือภาวะสูญเสียที่เกิดขึ้น ยอมรับอารมณ์ ความรู้สึกต่อภาวะเศร้าโศกที่เจ็บปวด โดยพยาบาลให้ผู้ป่วยได้ระบายออกมาทั้ง คำพูดและท่าทาง แล้วใช้เทคนิคของการสะท้อนความรู้สึก ให้ข้อมูลหรือความรู้ที่ ถูกต้อง ค้นหาศักยภาพที่ผู้ป่วยมี เพื่อสนับสนุนให้กำลังใจ แนะแนวทางการคิดเชิงบวกและการเลือกวิธีการปรับตัวที่เหมาะสม
- การจัดสิ่งแวดล้อมเพื่อการบำบัด (Milieu Therapy) ในกรณีที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษา ตัวในโรงพยาบาล พยาบาลมีบทบาทในการจัดสิ่งแวดล้อมเพื่อการบำบัด สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเป็นลำดับแรกคือความปลอดภัยทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะ ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักจะมีอาการซึมเศร้า และมีความคิดอยากตาย นอกจากนี้การจัดให้ ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมบำบัด จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตนเองการเห็นศักยภาพของตนเองและมองตนเองด้านบวก รวมทั้งการได้มีสัมพันธภาพกับผู้อื่น ได้เรียนรู้ทักษะทางสังคม และได้รับความเพลิดเพลิน
- การบำบัดรักษาทางชีวภาพ (Biological Therapy)
- พฤติกรรมบำบัด (Behavior Therapy) เป็นการมุ่งปรับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ให้ ผู้ป่วยสามารถปรับตัวและเรียนรู้การใช้ชีวิตที่เป็นสุข โดยการส่งเสริมให้ผู้ป่วยได้ทำ กิจกรรมที่เหมาะสมและจำเป็น ในชีวิตประจำวัน และให้แรงเสริมทางบวกเมื่อผู้ป่วย ทำได้สำเร็จ ต่อจากนั้นจะเพิ่มกิจกรรมที่ทำให้เกิดความสุข เช่น การทำงานอดิเรก กิจกรรมบันเทิง กิจกรรมที่ผู้ป่วยพอใจ แล้วสนับสนุนให้กำลังใจ
1.2การรักษาด้วยไฟฟ้า ผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายสูง แพทย์จะพิจารณาทำการรักษาด้วยไฟฟ้าซึ่งพยาบาลจะมีบทบาทในการดูแลช่วยเหลือ ผู้ป่วยทั้งในระยะก่อนทำการรักษา ขณะทำการรักษา และหลังทำการรักษา รวมทั้งจะเป็นผู้ประสานงานระหว่างแพทย์ ผู้ป่วย และญาติ
1.1การรักษาด้วยยา ในรายที่มีภาวะซึมเศร้ารุนแรง มีภาวะวิตกกังวล ซึ่งมีผลต่อการ ดำเนินชีวิตหรือมีความคิดฆ่าตัวตาย แพทย์จะพิจารณาให้ยาต้านอารมณ์เศร้า หรือยาคลายกังวลตามพฤติกรรมหรืออาการของผู้ป่วย พยาบาลมีบทบาทประเมินพฤติกรรม รายงานอาการและประสานงานกับแพทย์ในการพิจารณาการรักษา ตลอดจนดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาอย่างถูกต้องตามแผนการรักษาและสังเกตผลข้างเคียง รวมทั้งให้การพยาบาลในกรณีที่เกิดผลข้างเคียงจากยาด้วย
1.3 การดูแลความสุขสบายร่างกายโดยทั่วไป เป็นการดูแลให้ผู้ป่วยดำเนินกิจวัตรและ กิจกรรมต่างในชีวิต ได้อย่างเหมาะสม เช่น การรับประทานอาหาร การนอนหลับ พักผ่อน การดูแลสุขอนามัยของตนเอง เป็นต้น