Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สรุปวิชาวิจัยทางการพยาบาล, นางสาวครองขวัญ ปิ่นทอง รหัส 613101012 - Coggle…
สรุปวิชาวิจัยทางการพยาบาล
บทที่5 การออกแบบการวิจัย
ความหมาย
การวางรูปแบบการวิจัย กำหนดกิจกรรมและรายละเอียดของแผนการวิจัย เพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบของคำถามการวิจัย หรือเพื่อทดสอบสมมติฐานการวิจัย โดยรูปแบบหรือประเภทของการวิจัยจะต้องเหมาะสมกับปัญหาวิจัยที่ศึกษา
จุดมุ่งหมาย
3.เพื่อให้ได้การวัดตัวแปรถูกต้อง
4.เพื่อให้การดำเนินการวิจัยเป็นระบบ
2.เพื่อควบคุมความแปรปรวนของตัวแปร
5.เพื่อความประหยัด
1.เพื่อให้ได้คำตอบของปัญหาการวิจัยที่ถูกต้อง
หลักการออกแบบ
1.ความตรง
ความตรงภายใน
ผลการวิจัยที่ค้นพบเป็นผลมาจากตัวแปรอิสระ
หรือสิ่งทดลองที่ศึกษาเท่านั้น
ปัจจัยที่มีผลต่อความตรงภายใน เช่น
เหตุการณ์พ้อง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างการดำเนินการวิจัยที่ไม่ได้จงใจให้เกิดขึ้น
วุฒิภาวะ ความพร้อมทางด้านร่างกายและด้านจิตใจ
การทดสอบ การให้กลุ่มตัวอย่างตอบแบบสอบถามชุดเดิมมากกว่า ๑ ครั้ง
เครื่องมือวิจัย ต้องมีความตรง ความเที่ยง ความ
แม่นยำ และความเป็นปรนัย
ความตรงภายนอก
ลักษณะของการวิจัยที่สามารถสรุปอ้างอิงผลการวิจัยจากกลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาไปสู่ประชากรได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน และน่าเชื่อถือ
ประเภทของความเที่ยงตรงภายนอก
ความเที่ยงตรงเชิงประชากร
เป็นการตอบคำถามว่า “ผลการวิจัยจะสามารถนำไปใช้กับประชากรใดได้ดีหรือได้มากน้อยเพียงใด”
ความเที่ยงตรงเชิงสภาพการณ์
เป็นการตอบคำถามว่า “ผลการวิจัยจะสามารถนำไปใช้ได้ในสถานการณ์ใด และเมื่อใช้ในสถานการณ์ใดๆ ณ เวลาที่แตกต่างกัน จะก่อให้เกิดข้อจำกัดอย่างไร”
ปัจจัยที่มีผลต่อความเที่ยงตรงภายนอก
อิทธิพลร่วมกันระหว่างการสุ่มกลุ่มตัวอย่างและสิ่งทดลอง
อิทธิพลร่วมกันระหว่างแหล่งทดลองและสิ่งทดลอง
อิทธิพลร่วมกันระหว่างการทดสอบและสิ่งทดลอง
อิทธิพลร่วมกันระหว่างเหตุการณ์พร้องและสิ่งทดลอง
ปฏิกิริยาของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อการทดลอง
การได้รับสิ่งทดลองที่หลากหลาย
ความตรงจากวิธีการทางสถิติ
การใช้สถิติวิเคราะห์ที่ถูกต้องและเหมาะสมกับลักษณะข้อมูล จะทำให้ผลการวิจัยที่มีความตรงจากวิธีการทางสถิติ
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อความตรงจากวิธีการทางสถิติ
การใช้สถิติที่มีอำนาจทดสอบต่ำ
การใช้สถิติที่ไม่ตรงตามเงื่อนไขของสถิติ
ความคลาดเคลื่อนแบบที่ 1 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการวิเคราะห์ข้อมูลหลายรอบ
ความตรงตามโครงสร้าง
เป็นความตรงที่มาจากตัวแปรในกรอบแนวคิด
การวิจัย ได้รับการจัดกระทำ
ปัจจัยที่มีผลต่อความตรงตามโครงสร้าง
การแปลและสรุปเนื้อหาของแนวคิดหรือทฤษฏีไม่ถูกต้อง
คำนิยามเชิงปฏิบัติการ
การใช้เครื่องมือวัดเพียงเครื่องมือเดียว
การใช้วิธีรวบรวมข้อมูลที่ไม่เหมาะสม
2.การควบคุมตัวแปรแทรกซ้อน
ตัวแปรแทรกซ้อนที่เป็นปัจจัยภายนอก
ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม และปัจจัยด้านเวลา
ตัวแปรแทรกซ้อนภายในกลุ่มตัวอย่าง
โดยวิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่าง การจับคู่
ตัวแปรแทรกซ้อนจากผู้ทดลองและกลุ่มตัวอย่าง
ผู้ร่วมวิจัย, Single-blind Procedure, Double-blind Procedure
ปัจจัยที่มีผลต่อการออกแบบการวิจัย
3.ระดับของการอธิบายความเป็นเหตุเป็นผล
4.คำนึงถึงหลักการออกแบบการวิจัย
ไม่ขัดต่อหลักจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์
2.ความเป็นไปได้ในการวิจัย
1.เลือกรูปแบบการวิจัยให้เหมาะสมกับปัญหาการวิจัย
รูปแบบของการวิจัย
1.แบ่งตามโครงสร้างของงานวิจัย
การวิจัยแบบทดลอง
การวิจัยแบบก่อนทดลอง
ไม่สามารถสรุปความเป็นเหตุเป็นผลระหว่างตัวแปรต้นและตัวแปรตามได้
การวิจัยแบบกึ่งทดลอง
สามารถสรุปความเป็นเหตุเป็นผลระหว่างตัวแปรต้นและตัวแปรตามได้ด้วยความระมัดระวัง
การวิจัยที่เปรียบได้กับการวิจัยแบบทดลอง
สามารถสรุปความเป็นเหตุเป็นผลระหว่างตัวแปรต้นและตัวแปรตามได้
การวิจัยแบบทดลองที่แท้จริง
สามารถสรุปความเป็นเหตุเป็นผลระหว่างตัวแปรต้นและตัวแปรตามได้ด้วยความมั่นใจ
การวิจัยแบบไม่ทดลอง
การวิจัยเชิงบรรยาย
เป็นการวิจัยที่บรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไร มีสภาพ คุณลักษณะ คุณสมบัติ ตลอดจนรายละเอียดของเหตุการณ์นั้น
การวิจัยเชิงสำรวจ
เป็นการวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับลักษณะหรือสถานการณ์ หรือสภาพทั่วๆไป ด้วยการใช้แบบสอบถามเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง
การวิจัยเชิงความสัมพันธ์
Correlational research
เป็นการศึกษาตัวแปร 2 ตัว
Predictive research
เป็นการศึกษาเพื่อมุ่งเน้นการคาดการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคต
Path analytic study
เป็นการศึกษาเพื่อมุ่งทดสอบทฤษฏีโดยใช้
เทคนิควิเคราะห์เส้นทาง
2. แบ่งตามลักษณะของเก็บรวบรวมข้อมูล
การวิจัยเชิงคุณภาพ
เป็นการศึกษาปรากฏการณ์และบริบทที่เกี่ยวข้อง
เพื่ออธิบาย บรรยาย โดยใช้มุมมองของคนในสถานการณ์
การวิจัยเชิงปริมาณ
เป็นระบบ มีวัตถุประสงค์และรูปแบบอย่างชัดเจน ตัวอย่างของการวิจัยเชิงปริมาณ เช่น การวิจัยแบบบรรยาย การวิจัยเชิงสัมพันธ์ และการวิจัยแบบกึ่งทดลอง
การวิจัยแบบผสานวิธี
เป็นการวิจัยที่ผสานวิธีกันระหว่างการวิจัย
เชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ
3.แบ่งตามระยะเวลา
การวิจัยแบบระยะยาว
เป็นการศึกษาระยะยาวที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างมากกว่าหนึ่งครั้ง มีการติดตามกลุ่มตัวอย่างเพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงของปรากฏการณ์เป็นระยะเช่น 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี
การวิจัยแบบตัดขวาง
เป็นการศึกษาระยะสั้นที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างเพียงครั้งเดียว หรืออาจเก็บข้อมูลหลายครั้งแต่ห่างกันในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เช่น 1-2 ชม.
4.แบ่งตามประโยชน์ของผลการวิจัยที่นำไปใช้
การวิจัยประยุกต์
เป็นการวิจัยที่มุ่งเสาะแสวงหาความรู้ และนำผลการวิจัยไปประยุกต์
ใช้ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในทางปฏิบัติ
การวิจัยและพัฒนา
เป็นงานวิจัยที่มุ่งเน้นนำเอาผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์โดยตรงอย่างเป็นรูปธรรม
การวิจัยพื้นฐานหรือการวิจัยบริสุทธิ์
เป็นการวิจัยที่มุ่งเสาะแสวงหาความรู้ใหม่เพื่อสร้างทฤษฏี สร้างสูตร หรือสร้างกฎ
5.แบ่งตามช่วงเวลาที่ศึกษาวิจัย
การวิจัยเชิงประวัติศาสตร์
เป็นการวิจัยที่มุ่งศึกษาเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของ
สิ่งต่างๆ รวมทั้งเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต
การวิจัยร่วมสมัย
เป็นการวิจัยที่มุ่งศึกษาค้นคว้าหาข้อเท็จจริง
ของสิ่งต่างๆรวมทั้งเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในสภาพปัจจุบัน
การวิจัยเชิงอนาคต
เป็นการวิจัยที่มุ่งศึกษาถึงความต้องการ สภาพการณ์ในอนาคต
การออกแบบการวิจัย
การออกแบบการสุ่มตัวอย่าง
กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างที่เหมาะสม
กำหนดวิธีการสุ่มตัวอย่าง
การออกแบบการวิเคราะห์ข้อมูล
การเลือกใช้สถิติเชิงบรรยาย
การเลือกใช้สถิติเชิงอ้างอิง
การออกแบบการวัดค่าตัวแปร
กำหนดระดับการวัดของข้อมูล และสร้างและพัฒนาเครื่องมือที่ใช้วัดค่าตัวแปร
ตรวจสอบคุณภาพที่จำเป็นต้องมีของเครื่องมือที่ใช้วัดค่าตัวแปร
กำหนดโครงสร้าง และคำนิยาม
กำหนดวิธีการและขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูลให้ชัดเจน
กำหนดวัตถุประสงค์ของการวัดค่าตัวแปร
กำหนดรูปแบบ วิธีวัดค่าตัวแปร
การวางแผนแบบการวิจัย
การกำหนดข้อมูล และแหล่งข้อมูล
การกำหนดเครื่องมือและวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
การศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
การกำหนดวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผลการวิจัย
การกำหนดปัญหาการวิจัย คำถามการวิจัย และวัตถุประสงค์ของการวิจัย
ลักษณะของแบบการวิจัยที่ดี
ปราศจากความสับสน
สามารถควบคุมตัวแปรแทรกซ้อนได้
ปราศจากความมีอคติ
มีการเลือกใช้สถิติที่ถูกต้องในการทดสอบสมมุติฐาน
บทที่10 การเขียนโครงร่างและรายงานการวิจัย
การเขียนโครงร่างการวิจัย
ความหมาย
แบบแปลนหรือแผนงานที่เขียนขึ้นในการแสวงหาความรู้ โดยแสดงให้เห็นความสำคัญ และความเป็นไปได้ในการดำเนินการวิจัยให้บรรลุตามจุดมุ่งหมายได้
วัตถุประสงค์
เพื่อนำเสนอต่อหน่วยงาน องค์กร สถาบัน บุคคล เพื่อขอรับทุนสนับสนุน
นำเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ข้อเสนอแนะช่วยเหลือปรับปรุง
เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆ
เพื่อใช้เป็นแนวทางระหว่างผู้วิจัยและผู้ร่วมวิจัยให้เข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน
หลักการเขียนโครงร่าง
7.คำนิยามศัพท์
เป็นคำศัพท์เชิงปฏิบัติการ ต้องให้คำจำกัดความอย่างชัดเจนที่สามารถสังเกตุและวัดได้
8.ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
ต้องเขียนให้เห็นว่าผลที่ค้นพบนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง เป็น
ประโยชน์ต่อกลุ่มใด หรือกับหน่วยงานใด รวมทั้งนำผลการวิจัยไปใช้แก้ปัญหาใดบ้าง
9.กรอบแนวคิดการวิจัย
อธิบายความสัมพันธ์เชิงเหตุและผลของปรากฏการณ์ต่างๆ เป็นสิ่งที่วัดได้และสังเกตุได้ เป็นการตรวจสอบความถูกต้องของทฤษฎี นิยมทำเป็นแผนภูมิ
6.ขอบเขตการวิจัย
ควรระบุให้ครอบคลุมประเด็นที่ศึกษาทั้งประชากร กลุ่มตัวอย่าง และตัวแปร
5.สมมติฐานการวิจัย
เป็นการคาดคะเนหรือทายคำตอบปัญหาอย่างมีเหตุผล เขียนความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระกับตัวแปรตามโดยระบุขนาดและทิศทาง
10.วิธีดำเนินการวิจัย
การออกแบบการวิจัย ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือวิจัยและการตรวจสอบคุณภาพ การพิทักษ์สิทธิ์กลุ่มตัวอย่างวิจัย การรวบรวมข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล
4.วัตถุประสงค์การวิจัย
เป็นประโยคบอกเล่า ต้องกำหนดวัตถุประสงค์ทั่วไปและวัตถุประสงค์เฉพาะ กำหนดเป้าหมายชัดเจน มีความเฉพาะเจาะจงไม่คลุมเครือ และสอดคล้องกับชื่อเรื่องและคำถามการวิจัย
11.รายการอ้างอิง
รายชื่อหนังสือ วารสาร เอกสาร สิ่งพิมพ์ทุกประเภท รวมถึงคำสัมภาษณ์ที่นำมาใช้ประกอบการทำวิจัย
3.คำถามวิจัย
ควรเขียนในรูปประโยคคำถาม สัมพันธ์กับเรื่องที่ศึกษามีคำถามหลักและคำถามรอง และถามถามการวิจัยควรมีความชัดเจน
12.งบประมาณ
เขียนระบุรายการค่าใช้จ่ายตลอดโครงการ ได้แก่ หมวดค่าตอบแทนหมวดค่าใช้สอย หมวดค่าวัสดุ
2.ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
เนื้อหาแต่ละย่อหน้าควรมีความเชื่อมโยงกัน ซึ่งแต่ละย่อหน้าควรแสดงถึงสภาพปัญหาในปัจจุบัน มีข้อมูล/สถิติ ผลกระทบของปัญหา ความรุนแรงของปัญหา อธิบายแนวคิด/ทฤษฎีของตัวแปรที่ศึกษา และความจำเป็นที่ต้องศึกษาจากประชากรกลุ่มที่สนใจ
13.แผนการดำเนินการวิจัย
เขียนระบุระยะเวลาการดำเนินการในแต่ละขั้นตอน
1.ชื่อเรื่องวิจัย
ควรตั้งให้ดึงดูดและน่าสนใจ เป็นประโยคบอกเล่า สั้นกะทัดรัด ชัดเจนและสื่อความหมายครอบคลุมเนื้อเรื่องทั้งหมด
การเขียนรายงานการวิจัย
ความหมาย
เอกสารที่รายงานการดำเนินการวิจัยในแต่ละขั้นตอน และสรุปผลการวิจัยที่ค้นพบ เพื่อนำเผยแพร่ให้ผู้อ่านได้ทราบรายละเอียดของการดำเนินการวิจัย และนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์
วัตถุประสงค์ของรายงานการวิจัย
เพื่อเสนอข้อเท็จจริง
เพื่อพัฒนาความคิด ด้านการคิดริเริ่ม การวิเคราะห์ และการประมวลความคิดอย่างมีระบบ
เพื่อส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม
หลักการเขียนรายงานการวิจัย
ความถูกต้องตามคำสะกด
ต้องเขียนตามคำสะกดให้ถูกต้อง
ความเรียบร้อยของรายงาน
การเว้นระยะช่องไฟ และการเว้นวรรคตอนมีความเหมาะสม
และสวยงามเรียบร้อย
ความเหมาะสมด้านภาษา
อาจใช้ภาษาไทยหรือภาษาต่างประเทศก็ได้ ถ้อยคำที่สละสลวย กระชับและอ่านเข้าใจง่าย
ความถูกต้องและความทันสมัยของเนื้อหา
ต้องมีความทันสมัย ถูกต้องตามหลักวิชาการตรงตามข้อเท็จจริง เชื่อถือได้ มีความสอดคล้องกับชื่อเรื่องและเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น
ความมีจรรยาบรรณของนักวิจัย
ความซื่อสัตย์และความมีคุณธรรมทางวิชาการ เคารพศักดิ์ศรีและสิทธิของกลุ่มตัวอย่าง นำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ในทางที่เหมาะสมและถูกต้อง
ความถูกต้องของรูปแบบ
ต้องเขียนให้ถูกต้องตามรูปแบบที่กำหนดของแหล่งทุน
รูปแบบของรายงานวิจัย
1.ส่วนต้น
บทคัดย่อ
ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
สารบัญ
เขียนระบุหัวข้อต่างๆ ที่พิมพ์ในรายงานวิจัย
หน้าประกาศคุณูปการ
เขียนข้อความกล่าวแสดงความขอบคุณผู้ที่เป็นแกนสำคัญในการช่วยเหลือ
บัญชีตาราง
ระบุเลขที่ตาราง และชื่อตารางที่พิมพ์ในรายงานการวิจัยพร้อมทั้งระบุเลขหน้าตาราง
ปกหน้า
ประกอบด้วย ชื่อหัวข้อวิจัยไม่ควรเกิน 2 บรรทัด ชื่อผู้วิจัยหรือคณะผู้วิจัย และชื่อสถาบันที่สำเร็จการวิจัย
บัญชีภาพประกอบ
ระบุเลขที่ภาพประกอบและชื่อภาพประกอบทุกภาพที่พิมพ์ในรายงานการวิจัยและระบุเลขหน้าภาพประกอบ
2.ส่วนเนื้อเรื่อง
บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย
ประกอบด้วย การออกแบบการวิจัย ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยและการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ การพิทักษ์สิทธิ์กลุ่มตัวอย่างวิจัย การดำเนินการทดลอง การรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
เป็นการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล โดยนำเสนอในรูปตาราง หรือแผนภูมิ โดยมีคำอธิบายประกอบตารางที่นำเสนอด้วยข้อความที่
กระชับและครอบคลุมสาระของข้อมูลที่นำเสนอ
บทที่ 5 สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ
สรุปย่อสาระสำคัญต่างๆ
สรุปผลการวิจัย
อภิปรายผลการวิจัย
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
นำเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องที่ได้รวบรวมมาวิเคราะห์และสรุป และเขียน อธิบายให้ผู้อ่านทราบถึงเหตุผลที่ผู้วิจัยเลือกแนวคิด
บทที่ 1 บทนำ
ขอบเขตของการวิจัย
ระบุให้ทราบว่าการศึกษาครอบคลุมตัวแปรใดบ้าง
นิยามศัพท์ที่ใช้ในการวิจัย
ต้องเขียนในลักษณะคำนิยามเชิงปฏิบัติการ
สมมติฐานของการวิจัย
งานวิจัยเชิงปริมาณนิยมระบุสมมติฐานที่ต้องการทดสอบเป็นข้อๆ ส่วนงานวิจัยเชิงคุณภาพ งานวิจัยเชิงสำรวจ งานวิจัยเชิงอนาคต ไม่ต้องเขียนสมมติฐานการวิจัย
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
เขียนในรูปประโยคบอกเล่า เขียนด้วย
สำนวนถ้อยคำที่กระชับและชัดเจน
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหา
เหตุผลการวิจัยหรือความจำเป็นที่ต้องศึกษา โดยเขียนให้กระชับ ตรงประเด็น ควรอ้างอิงเอกสารและทฤษฏี
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
ระบุให้ชัดเจนว่าผลวิจัยสามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร ต่อใคร หรือใช้แก้ปัญหาใดบ้าง
3.ส่วนท้าย
ภาคผนวก
รายนามผู้ทรงคุณวุฒิ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เอกสารยินยอมเข้าร่วมการ
วิจัย ซึ่งอาจแยกย่อยเป็นภาคผนวก ก ภาคผนวก ข ภาคผนวก ค เป็นต้น
ประวัติผู้วิจัย
ชื่อ นามสกุล คำนำหน้า กรณีมีตำแหน่งทาง
วิชาการ ยศฐานันดรศักดิ์ เป็นต้น
รายการอ้างอิง หรือบรรณานุกรม
นางสาวครองขวัญ ปิ่นทอง รหัส 613101012