Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การป้องกันและช่วนเหลือเด็กที่ได้รับอุบัติเหตุ, นางสาวจิราวรรณ บุญเต็ม…
การป้องกันและช่วนเหลือเด็กที่ได้รับอุบัติเหตุ
ภาวะสำลักสิ่งแปลกปลอมในทางเดินหายใจ
ปัญหาที่เกิดตามหลังการสำลัก
ทำให้เกิดการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนต้น
เกิดการอุดกั้นของหลอดลมส่วนปลาย
เกิดภาวะปอดแฟบ
ปอดพอง
หอบหืด
เกิดการอุดกั้นการระบายของเสมหะใน ทางเดินหายใจ
ปอดอักเสบ
หลอดลม อักเสบ
กรณีเกิดกับเด็กที่อายุน้อยกว่า 1ขวบ
1.วางเด็กคว่ำลงบนแขน และวางแขนนั้นลงบนหน้าตัก โดยให้ศีรษะของเด็กอยู่ต่ำ
เคาะหลัง 5ครั้งติดต่อกันโดยเคาะแถวๆกึ่งกลางระหว่าง กระดูกสะบักทั้งสองข้าง
3.จากนั้นพลิกเด็กให้หงายบนแขนอีกข้าง วึ่งวางบนหน้าตัก โดยให้ศีรษะอยู่ต่ำเช่นกันแล้วกดหน้าอกโดยใช้2นิ้วของผู้ช่วย กดบนกระดูกหน้าอกในต าแหน่งที่กว่าเสั้นลาก ระหว่างหัวนม ทั้งสองข้างลงมา หนึ่งความกว้างนิ้วมือ
4.ทำซ้ำจนกว่าสิ่งแปลกปลอมจะหลุดออกมา
5.หากเดก็หมดสติให้ทำการประเมนิการหายใจ การเต้นชีพจรและใหก้ารชว่ยเหลือการหายใจสลับกับการเคาะหลัง และ กดหน้าอก
ในกรณีเด็กที่อายุมากกว่า 1ปี
1 กระตุ้นให้เด็กไอเอง
2 ถ้าเด็กไม่สามารถพูด หรือมีอาการหนักอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นหายใจลำบาก ซีด เขี้ยว ใหท้าการกดท้อง โดยผู้ช่วยยืน ด้านหลังเด็ก แล้วอ้อมแขนมาด้านหน้า กำมือเป็นกำปั้นและ วางกำปั้นด้านข้าง(ด้านหัวแม่มือ)บนกึ่งกลางหน้าท้องเหนือ สะดือเด็กกดโดยให้แรงมีทิศทางเข้าด้านใน และเฉียงขึ้นบน
3 กดซ้ำจนกว่าสิ่งแปลกปลอมจะหลุดออกมา
4 หากเดก็หมดสติใหป้ระเมนิการหายใจ การเต้นของชีพจรและให้การชว่ยเหลือการหายใจสลับกับการกดท้อง
5 การกดทอ้งในเดก็หมดสติทำโดยให้เด็กอยู่ในท่านอน ราบ ผู้ช่วยนั่งคร่อมตัวเด็ก วางสันมือบนท้องเด็กตำแหน่งสูง กว่าสะดือเด็ก กดในทิศทางเข้าด้านในและเฉียงขึ้น กด 5ครั้ง แล้วเปิดปากสำรวจดูว่ามีสิ่งแปลกปลอมหลุดออกมาหรือไม่ กึ่งกลางท้องเด็ก
คำแนะนำเพื่อป้องกันการสำลักสิ่งแปลกปลอม
เลือกชนิดและขนาดของอาหารที่ เหมาะสมให้แก่เด็กในวัยต่างๆ เพื่อป้องกันการสำลักอาหารและไม่ควรป้อนอาหารเด็ก ในขณะที่เด็กกำลังวิ่งเล่นอยู่
เลือกชนิดรูปรา่งและขนาดของของเล่นให้เหมาะสมกับวัยของเด็ก รวมทั้งจัดเก็บ สิ่งของที่อาจเป็นอันตราย
บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนนลวก (Burns)
สาเหตุของแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ความร้อน
ไฟ (เตาไฟ ตะเกียง พลุ ประทัด บุหรี่)
วัตถุที่ร้อน (เตารีด จานชามที่ใส่ของร้อน)
น้ำร้อน (กระติกน้ำ กาน้ำ ไอน้ำ หม้อน้ำ)
น้ำมันร้อน ๆ (ในกระทะ)
กระแสไฟฟ้า (ไฟฟ้าช็อต)
สารเคมี เช่น กรด ดา่ง
รังสี
แสงแดด (แสงอัลตราไวโอเลต)
รังสี โคบอลต
รังสีโรเดียม
รังสีนิวเคลียร
ระเบิด ปรมาณู
อาการแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ขนาดความกว้างของบาดแผล
บรเิวณ พื้นที่ของบาดแผล บาดแผลที่มีขนาดใหญ่
ร่างกายสูญเสียน้ำ โปรตีน และเกลือแร่
เกิดภาวะช็อกได้และอาจมีโอกาสติดเชื้อ
แผลขนาด 1 ฝ่ามือของผู้ป่วย เท่ากับ 1% ของ ผิวหนังทั่วร่างกาย
ความลึกของบาดแผลหรือดีกรีความลึกของบาดแผล (Degree of burn wound)
ระดับที่ 1 (First degree burn)
บาดแผลที่มีการทำลายของ เซลล์หนังกำพร้าชั้นผิวนอกเท่านั้น
สามารถเจริญขึ้นมาแทนที่ส่วนผิวนอกได้โดยปกติจะหายได้เร็วและสนิท
ไม่ทำให้เกิดแผลเป็น
มีโอกาสหายได้สนิทยกเว้นในรายที่มีการติดเชื้ออักเสบ
ระดับที่ 2 (Second degree burn)
ชนิดตื้น (Superficial partialthickness burns)
บาดแผลที่มีการทำลายของหนัง กำพร้าทั้งชั้นผิวนอกและชั้นในสุด
หนังแท้ส่วนที่อยู่ตื้นๆ ใต้หนังกำพร้า
ยังมีเซลล์ที่สามารถเจริญขึ้นมา ทดแทนส่วนที่ตายได้ จึงหายได้เร็วภายใน 2-3 สัปดาห์
มักไม่ทำใหเ้กิดแผลเป็น(ยกเว้นในรายที่มีการติดเชื้อ) พุพองเป็นตุ่มน้ำใสขนาดเล็กและใหญ่
ผิวหนังอาจหลุดลอกออกเห็นเป็นเนื้อสีชมพูหรือสีแดง ๆ มีน้ำเหลืองซึม
ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนมาก
เส้นประสาท บรเิวณผิวหนังยังเหลืออยู่ไม่ได้ถูกทำลายไปมากนัก
ชนิดลึก (Deep partialthickness burns)
บาดแผลที่มีการทำลายของหนังแท้ส่วนลึก
ลักษณะบาดแผลจะตรงกันข้ามกับบาดแผลระดับที่ 2 ชนิดตื้น
จะไม่ค่อยมีตุ่มพอง แผลเป็นสีเหลืองขาวแห้ง และไม่ค่อยปวด
มีโอกาสทำให้เกิดแผลเป็นได้แต่ไม่มาก ถ้าไม่มีการติดเชื้อซ้ำเติม
แผลมักจะหายได้ภายใน 3-6 สัปดาห์
การใช้ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่จะช่วยทำให้แผลไม่เกิดการติดเชื้อได้
ระดับที่ 3 (Third degree burn)
บาดแผลที่มีการทำลายของหนังกำพร้าและหนังแท้ทั้งหมด
รวมทั้งต่อมเหงื่อ ขุมขน และเซลล์ประสาท
อาจกินลึกถึงชั้น กล้ามเนื้อหรือกระดูก
ผู้ป่วยจึงมักไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดที่บาดแผลเนื่องจากเส้นประสาทที่อยู่บริเวณผิวหนังแท้ถูก ทำลายก (Hypertrophic scar or keloid)
มีโอกาสเกิดแผลหดรั้งทำให้ข้อยึดติดตามมาสูงมาก
การพยาบาลแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก
1.ให้ล้างแผลหรือแช่แผลด้วยน้ำสะอาดแล้วใช้ผ้าก๊อซหรือผ้าแห้งสะอาดปิดแผลไว้
2.แผลที่เป็นตุ่มน้ำใส ไม่ควรเอาเข็มไปเจาะเพื่อระบายเอาน้ำออกเพราะเข็มที่ใช้อาจไม่สะอาดซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยติด เชื้อบาดทะยักหรือเกิดแผลอักเสบได้
3.ถ้าบาดแผลเกิดมีขนาดกว้าง เช่น ประมาณ 10-15% (10-15 ฝ่ามือ) ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะช็อกได้อย่างรวดเร็ว หรือเกิดบาดแผลที่บริเวณใบหน้า (รวมทั้งปากและจมูก) ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยหายใจได้ลำบากควรรีบน้ำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที
การรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก
ยาปฏิชีวนะทาเฉพาะที่ (Topical antibiotic)
ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ 1% ซลิเวอร์ซัลฟาไดอะซีน (Silver sulfadiazine)
มีฤทธิ์กว้างภาวะแทรกซ้อนใน ระยะ 2-3 วันแรก
ภาวะขาดน้ำและช็อก ถ้าผู้ป่วย มีบาดแผลกว้าง แพทย์จะให้สารน้ำ
การติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นหลังจากมีบาดแผล 2-3 วันไป แล้ว (หรือหลัง1 สัปดาห์)
ถ้าบาดแผลมีขนาดกว้างก็ จะมีโอกาสติดเชื้อรุนแรง และโดยทั่วไปถือว่า
บาดแผลระดับที่ 2 ที่มีขนาดมากกว่า 30%
บาดแผลระดับที่ 3 ที่มีขนาดมากกว่า 10% ถือเป็น บาดแผลรุนแรง
สำหรับแผลที่หายโดยใช้เวลามากกว่า 3 อาทิตย์ หรือแผลที่หายหลังจากการทำผ่าตัดปลูกถา่ยผิวหนัง (Skin graft)
แนะนำให้ใส่ผ้ายืด (Pressure garment)
เพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็น นูนหนา (Hypertrophic scar บรเิวณ ข้อต่อต่าง ๆ ของร่างกาย
ที่มีแผลค่อนข้างลึกซึ่งอาจทำให้เกิดแผลเป็นดึงรั้ง
สารพิษ ( Poisons)
สารพิษจำแนกตามลักษณะการออกฤทธิ์
1.ชนิดกัดเนื้อ (Corrosive )
ทำให้เนื้อเยื่อของร่างกาย ไหม้ พอง
สารละลายพวก
กรดและด่างเข้มข้น
น้ำยาฟอกขาว
2.ชนิดทำให้ระคายเคือง (Irritants )
ทำให้เกิดอาการปวดแสบ ปวดร้อน
อาการอักเสบในระยะต่อมา
ฟอสฟอรัส สารหนู
อาหารเป็นพิษ ซัลเฟอร์ได ออกไซด์
3.ชนิดที่กดระบบประสาท (Narcotics )
ทำให้หมดสติ หลับลึก ปลุกไม่ตื่น ม่านตาหดเล็ก
ได้แก่ ฝิ่น มอร์ฟิน พิษจากงูบางชนิด
4.ชนิดที่กระตุ้นระบบประสาท (Dililants)
ทำให้เกิดอาการเพ้อคลั่ง
ใบหน้าและผิวหนังแดง ตื่นเต้นชีพจรเต้นเร็ว ช่องม่านตาขยาย
ได้แก่ ยาอะโทรปีน ลำโพง
การประเมินภาวะการได้รับสารพิษ
หายใจขัด หายใจลำบาก มีเสมหะมาก มีอาการเขียวปลายมือปลายเท้าหรือบริเวณริมฝีปากลมหายใจมีกลิ่นสารเคมี
เพ้อชักหมดสติ มีอาการอัมพาตบางส่วนหรือ ทั่วไป ขนาดช่องม่านตาผิดปกติอาจหดหรือขยาย
ตัวเย็น เหงื่อออกมาก มีผื่นหรือจุดเลือดออกตามผิวหนัง
การคลื่นไส้ อาเจยีน ปวดทอ้ง น ้าลายฟูมปาก หรอื มรีอยไหมน้อกบรเิวณรมิฝีปาก มีกลิ่นสารเคมี บรเิวณปาก
การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับสารพิษทางปาก
ทำให้สารพิษเจือจาง ให้นม
นำส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการล้างท้องเอาสารพิษออกจากกระเพาะอาหาร
ทำให้ผู้ป่วยอาเจียน เพื่อเอาสารพิษออกจากกระเพาะอาหาร
ข้อห้ามในการทำให้ผู้ป่วยอาเจียน
หมดสติ
ได้รับสารพิษชนิดกัดเนื้อ เชน่ กรด ด่าง
รับประทานสารพิษพวก น้ำมันปิโตรเลียม เช่น น ้ามันก๊าด เบนซิน
ให้สารดูดซับสารพิษในระบบทางเดินอาหาร เพื่อลดปริมาณการดูดซึม สารพิษเข้าสู่ร่างกาย
Activated charcoal มีลักษณะเป็นผงถ่านสีดำ
อาจใช้ไข่ขาว 3-4 ฟอง ตีให้เข้ากัน
การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับสารพวกน้ำมันปิโตเลยีม
อาการและอาการแสดง
แสบร้อนบริเวณปาก คลื่นไส้ อาเจียน
อัตราการหายใจและชีพจรเพิ่ม อาจมีอาการขาดออกซิเจน
การปฐมพยาบาล
รีบนำส่งโรงพยาบาล
ห้ามทำให้อาเจียน
ระหว่างนำส่งโรงพยาบาลถ้าผู้ป่วยอาเจียนให้จัดศีรษะต่ำเพื่อป้องกันการสำลักน้ำมันเข้าปอด
การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับ ยาแก้ปวด ลดไข้
การปฐมพยาบาล
ทำให้สารพิษเจือจาง
ทำให้อาเจียน
ให้สารดูดซับสารพิษที่อาจหลงเหลือในระบบทางเดินอาหาร
อาการได้รับยาแอสไพริน
หูอื้อ เหมือนมีเสียงกระดิ่งในในหู การได้ยินลดลง
เหงื่อออกมาก ปลายมือปลายเท้าแดง ชีพจรเร็ว คลื่นไส้อาเจียน หายใจเร็ว ใจสั่น
อาการได้รับยาพาราเซตามอล
ให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน
ง่วงซึม เหงื่อ ออกมาก ความดันโลหิตต่ำ สับสน เบื่ออาหาร
การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับสารพิษทางการหายใจ
ก๊าซที่ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน เกิดอาการวิงเวียน หน้ามืด เป็นลมหมดสติถึงแก่ความตายได้
คาร์บอนมอนนอกไซด์
คารบ์อนไดออกไซด์
ไฮโดรเจน ไนโตรเจน
ก๊าซที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจเช่น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์
ก๊าซที่ทำให้อันตรายทั่วร่างกาย ได้แก่ ก๊าซอาร์ซีน ไม่มี สีกลิ่นคล้ายกระเทียม
กลั้นหายใจและรีบเปิดประตูหน้าต่างๆ เพื่อให้อากาศถ่ายเท มีอากาศบริสุทธิ์เข้ามาในห้องปิดท่อก๊าซหรือขจัดต้นเหตุของ พิษนั้นๆ
นำผู้ป่วยออกจากบริเวณที่เกิดเหตุไปยังที่มีอากาศบริสุทธิ์
ประเมินการหายใจและการเต้นของหัวใจ ถ้าไม่มีให้ผายปอดและนวดหัวใจนำส่งโรงพยาบาล
การปฐมพยาบาลเมื่อสารเคมีถูกผิวหนัง
ล้างด้วยน้ำสะอาดนานๆ อย่างน้อย ๑๕ นาที
อย่าใช้ยาแก้พิษทางเคมี เพราะความร้อนที่เกิดจากปฏิกิริยาอาจทำให้เกดิอนัตรายมากขึ้น
บรรเทาอาการปวดและรักษาช็อค
ปิดแผลแล้วนำส่งโรงพยาบาล
การปฐมพยาบาลเมื่อสารเคมีเข้าตา
ล้างตาด้วยน้ำนาน ๑๕ นาที่โดยการเปิดน้ำก๊อกไหลรินค่อยๆ
อย่าใช้ยาแก้พิษทางเคมีเพราะความร้อนที่เกิดจากปฏิกิริยาอาจทำให้เกิดอันตรายมากขึ้น
บรรเทาอาการปวดและรักษาช็อค
ปิดตา แล้วนำส่งโรงพยาบาล
การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับสารกัดเนื้อ (Corrosive substances )
การปฐมพยาบาล
ถ้ารู้สึกตัวดีให้ดื่มนม
อย่าทำให้อาเจียน
รีบนำส่งโรงพยาบาล
อาการและอาการแสดง
ไหม้พอง ร้อนบริเวณริมฝีปาก ปาก ลำคอ
คลื่นไส้ อาเจียนกระหายน้ำและมีอาการภาวะช็อค ได้แก่ ชีพจรเบา ผิวหนังเย็นชื้น
การจมน้ำ Drowning
Drowning ; ผู้ที่เสียชีวิตจากการจมน้ำ
Near-Drowning ; ผู้ที่จมน้ำแต่ไม่เสยีชีวิตทันทีบางรายอาจเสียชีวิตต่อมาในช่วงเวลาสั้นๆได้
1.การจมน้ำเค็ม ( Salt-water Drowning)
น้ำเค็ม(Hypertonic solution) ทำให้เกิดภาวะ pulmonary edemaปริมาตรน้ำที่ไหลเวียนในร่างกายลดลง
เกิดภาวะ hypovolemia ระดับเกลือแร่ในร่างกายสูงขึ้น หัวใจเต้นผิดปกติ หัวใจวายช็อกได้
การจมน้ำจืด (Freshwater-Drowning)
น้ำจืด (Hypotonic solution) จะซึมผ่านเข้าสู่ระบบ ไหลเวียนโลหิตของปอดอย่างรวดเร็ว
เกิด hypervolemia ทำให้ระดับเกลือแร่ในเลือดลดลง หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจวายอาจเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกhemolysis
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ไม่ถูกหลัก
อุ้มเด็กพาด บ่าแล้วเขย่ากระทุ้งบริเวณหน้าท้อง
เนื่องจากน้ำที่ออกมานั้นเป็นน้ำในกระเพาะไม่ใช่น้ำที่เด็กสำลักลงสู่ปอด
วิธีช่วยเด็กจมน้ำที่ดีที่สุด
ให้รีบเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า ใช้ผ้าคลุมตัวเพื่อทำให้เกิดความอบอุ่น
จัดให้นอนในท่าตะแคง กึ่งคว่ำแล้วนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
กรณีที่เด็กหมดสติ
เช็กว่ายังมีลม หายใจอยู่ไหม หัวใจเต้นหรือเปล่า
ถ้าไม่ให้โทร.เรียกหน่วยรถพยาบาลหรือหน่วยกู้ภัยโดยด่วน
จากนั้นให้ช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานโดยนวดหัวใจสลับกับการช่วยหายใจ
กระดูกหัก(Bone fracture , Fracture หรือ Brokenbone)
แบ่งตามบาดแผล
กระดูกหักชนิดไม่มีแผลหรือแผลไม่ถึงกระดูกที่หัก (Closed fracture)
มีอาการกระดูกหักเพียงอย่างเดียว
ไม่มีบาดแผลที่ผิวหนัง
กระดูกจะไม่โผล่ออกมานอกผิวหนัง
กระดูกหักแบบแผลเปิดหรือแผลลึกถึงกระดูกที่ หัก(Compound fracture หรือ Open fracture)
มีบาดแผลซึ่งลึกถึงกระดูก หรือกระดูกที่หักอาจ ทิ่มแทงทะลุออกมานอกเนื้อ
ถือเป็นชนิดร้ายแรงเพราะอาจทำให้ตกเลือดรุนแรง
เส้นประสาทถูกทำลายหรือติดเชื้อได้ง่ายและเป็นสาเหตุที่ทำให้สูญเสียแขนขาได้
แบ่งตามรอยที่มีการหักของกระดูก
กระดูกหักทั่วไป (Simple fracture) คือ กระดูกที่แตก ออกเป็น 2 ชิ้น
กระดูกหักยุบเข้าหากัน (Impacted fracture) คือ ภาวะที่ กระดูกทั้ง 2 ด้านได้รับแรงกด ส่งผลให้กระดูกแตกทั้ง 2 ดา้น เด็กเล็กมักเกิดกระดูกหักฝังที่แขน
กระดูกเดาะ (Greenstick fracture) คือ กระดูกที่แตกเพียง ด้านเดียว ส่วนกระดูกอีกด้านโก่งไปตามแรงกดที่ปะทะเข้ามา มักเกิดขึ้นกับเด็ก
การปฐมพยาบาลกระดูกหัก
ประเมินบริเวณที่บาดเจ็บ
ทำการปฐมพยาบาลด้วยวิธีซีพีอาร์(CPR)
ถ้ามีเลือดออกให้ทำการห้ามเลือดก่อนเสมอไม่ว่ากระดูกจะหักหรือไม่
ดามกระดูกที่หัก
ประคบน้ำแข็งตรงบาดแผล
ถ้ามีเลือดออกให้ทำการห้ามเลอืดก่อนเสมอไม่ว่ากระดูกจะหักหรือไม่
ถ้าบาดแผลใหญ่หรือเลือดยังไม่หยุดไหลหรือไหลรุนแรงให้หาสายรัด
เชือก สายไฟ เน็คไท ผ้าพันคอ
มาผูกรัดเหนือบาดแผลให้แน่น ๆ
คลายสายรัดทุก ๆ 15 นาทีโดยคลายนานครั้งละประมาณ 30-60 วินาที
การดามกระดูกชั่วคราวแบบง่าย ๆ
การใช้แผ่นไม้ พลาสติกแข็ง ไม้บรรทัด กิ่งไม้ ท่อนไม้ ท่อนโลหะ ด้ามร่ม กระดาษแข็ง กลอ่งกระดาษ หนังสือพิมพ์หรือนิตยสารพับทบหลาย ๆ ชั้น
ทำเป็นเฝือกวางแนบกับส่วนที่หัก โดยให้ปลายทั้ง 2 ข้าง ครอบคลุมถึงข้อที่อยู่เหนือและใต้ส่วนที่หัก
ควรมีสิ่งนุ่ม ๆ รองรับผิวหนัง ของอวัยวะส่วนนั้นอยู่เสมอ
ประคบน้ำแข็งตรงบาดแผล
เมื่อกระดูกที่หักได้รับการดามแล้ว ถ้าเป็นไปได้ให้หาถุงน้ำแข็งมาประคบทันทีในระหว่างที่รอ รถพยาบาล
ควรใช้ผ้าบาง ๆ มาพันรอบของที่เย็นก่อนเพื่อ หลีกเลี่ยงการโดนน้ำแข็งกัด
อย่าพยายามดึงข้อหรือจัดกระดูกให้เข้าที่ ด้วยตัวเอง บริเวณที่ดามเฝือกจะต้องจัดให้อยู่ ในท่าที่สุขสบายที่สุด
ถ้าส่วนที่หักเป็นปลายแขนหรือมือ ให้ใช้ผ้าคลองคอ
ถ้าส่วนที่หักเป็นนิ้วมือ ให้ใช้ไม้ไอศกรีมดามนิ้ว
ถ้ากระดูกหักโผล่ออกมานอกเนื้อ ห้ามดึงกระดูกให้กลับเข้าที่
ในผู้ป่วยที่กระดูกหักตรงขาส่วนบน กระดูกสันหลัง ศรีษะหรือคอ อุ้งเชงิกรานหรอืสะโพก ไม่ควรเคลื่อนไหวร่างกาย
งดให้ผู้ป่วยดื่มน้ำหรืออาหารจนกว่าจะไปพบแพทย์
หลังการใส่เฝือกหากมีอาการปวดมากและรู้สึกคับเฝือกมาก
หลังจากยกสูง ประคบเย็น และรับประทาน ยาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น
เฝือกมีสีเขียวคล้ำหรือซีดขาวบวมมากขึ้นหรือมีอาการชาและรู้สึกซ่าๆ
เกิดอาการปวดแสบปวดร้อน
มีอาการบวมแดงที่บริเวณต่ำกว่าเฝือกหรือขอบเฝือก
มีเลือดน้ำเหลืองหรือหนองไหลซึมออกมาจากเฝือกหรือมีกลิ่นเหม็น
ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
นางสาวจิราวรรณ บุญเต็ม รุ่น36/1 เลขที่ 23 612001024