Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลสาหรับผู้ป่วยโรคจิตเภท (Nursing Care for Person with…
การพยาบาลสาหรับผู้ป่วยโรคจิตเภท
(Nursing Care for Person with Schizophrenia)
กลุ่มโรคจิตเภท (Schizophrenia spectrum)
Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders Fifth Edition (DSM-5) ซึ่งทั้งหมดจะประกอบไปด้วย
Delusional disorder
Schizotypal personality disorder
Brief psychotic disorder
Schizophreniform disorder
Psychotic disorder due to another
medical condition
Other specified schizophrenia spectrum
and other psychotic disorder
Unspecified schizophrenia spectrum
and other psychotic disorder
Schizoaffective disorder
substance/medicationinduced psychotic disorder
อาการของผู้ป่วยโรคจิตเภท
อาการหลงผิด (Delusion)
Persecutory delusions เป็นลักษณะที่พบบ่อยที่สุด
โดยหมายถึงลักษณะของอาการหลงผิดที่เชื่อว่าตนเองนั้น
จะโดนปองร้าย ทำให้อับอาย หรือกลั่นแกล้งจากบุคคลอื่นๆ
Referential delusions หมายถึง อาการหลงผิดที่เชื่อว่า
ท่าทาง คำพูดของบุคคลอื่น หรือสภาพแวดล้อมต่างๆ
นั้นมีความหมายสื่อถึงตนเอง
Grandiose delusions หมายถึง อาการหลงผิดที่เชื่อว่า
ตนเองมีความสามารถเหนือกว่าผู้อื่นอย่างมาก
หรือเป็นคนสำคัญ และมีชื่อเสียงอย่างมาก
Erotomanic delusions หมายถึง อาการหลงผิด
ที่เชื่อว่ามีผู้อื่นมาหลงรักตนเอง
Nihilistic delusions หมายถึง อาการหลงผิด
ที่เชื่อว่ามีสิ่งเลวร้ายหรือหายนะนั้นได้เกิดขึ้นกับตัวเอง หรือจะต้องเกิดขึ้นกับตัวเอง
Jealousy delusions หมายถึง อาการหลงผิดที่เชื่อว่าคู่ครองนอกใจ
Somatic delusions หมายถึง อาการหลงผิด
ที่มีเนื้อหาเจาะจงกับอาการทางร่างกายหรืออวัยวะใดๆ
Thought withdrawal หมายถึง อาการหลงผิด
ที่เชื่อว่าความคิดของตนเองนั้นถูกทำให้หายไป
โดยพลังอำนาจบางอย่าง เช่น อำนาจสวรรค์ดูด
ความคิดให้หายไป
Thought insertion หมายถึง อาการหลงผิด
ที่เชื่อว่ามีพลังอำนาจบางอย่างใส่ความคิดที่ไม่ใช่
ของตนเองเข้ามา เช่น มนุษย์ต่างดาวใส่ความคิด
เข้ามาให้กระพริบตา
Thought Controlled หมายถึง อาการหลงผิดที่เชื่อว่า
พลังอำนาจบางอย่างควบคุมความคิดและบงการ
ให้ตนเคลื่อนไหวหรือคิดตามนั้น เช่น อำนาจบางอย่าง
สั่งให้ตนเองเดินไปจากป้า
อาการประสาทหลอน (Hallucination)
มีการรับรู้ทางระบบประสาทใดๆ ซี่งเกิดขึ้นโดยไม่มีสิ่งเร้า (external Stimuli) โดยส่วนใหญ่แล้วอาการหลอนที่มีความสำคัญทางคลินิกนั้น
มักจะมีลักษณะที่ชัดเจน และผู้ป่วยมักจะไม่สามารถควบคุมอาการหลอนได้
ประสาทหลอนทางการสัมผัส (tactile hallucination)
ประสาทหลอนทางตา (visual hallucination)
ประสาทหลอนทางจมูก (olfactory hallucination)
ประสาทหลอนทางหู (auditory hallucination)
ประสาทหลอนทางลิ้น (gustatory hallucination)
กระบวนความคิดและภาษาที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ (Disorganized thinking/speech)
ผู้ตรวจจะสังเกตได้จากคำพูด (speech) ระหว่างการสัมภาษณ์
เช่น ผู้ป่วยตอบไม่ตรงคำถาม (irrelevant) หรือมีการพูด
เปลี่ยนเรื่องไปเรื่อย (loose association)
ตลอดการสัมภาษณ์ เป็นต้น
หากความยุ่งเหยิงและไม่เป็นระเบียบของกระบวนความคิด
นั้นรุนแรงมาก อาจทำให้คำพูดนั้นฟังไม่รู้เรื่อง (incoherent)
คุณหมอใครหมูไปไก่ขันมาส่งน้ำ
ออฟโพรเลนกุมมีบัสสึโคว๊ท
พฤติกรรมการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติหรือยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ
(Grossly disorganized or abnormal motor behavior)
อาการสามารถแสดงออกได้ในหลายรูปแบบ อาจจะเป็นพฤติกรรมที่เอาแต่ใจเหมือนเด็ก ซึ่งไม่เหมาะสมกับอายุอย่างมาก หรืออาจแสดงออกเป็นพฤติกรรมกระวนกระวาย หรือบางครั้งอาจแสดงออกเป็นพฤติกรรม catatonia
โดยรวมแล้วการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติหรือยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบเหล่านี้มักจะทำให้ผู้ป่วยดูแปลกในสายตาคนทั่วไป และอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านต่างๆ ได้
พฤติกรรมนั้นรบกวนผู้อื่นหรืออาการ catatonia นั้นมาก
จนทำให้ผู้ป่วยนั่งเฉยๆ ไม่สามารถทำงานได้
อาการด้านลบ (Negative symptoms)
การแสดงอารมณ์ที่ลดลง (Decreased emotional expression) ซึ่งสังเกตจากการแสดงออกทางสีหน้า สำเนียงขึ้นลงของเสียง การใช้ภาษากายในการสื่อสาร
แรงกระตุ้นภายในที่ลดลง (Avolition/Amotivation) ซึ่งส่งผลให้
ผู้ป่วยอาจนั่งเฉยๆ อยู่เป็นระยะเวลานาน ไม่แสดงความสนใจ
ที่จะเข้าร่วมกิจกรรมใดๆ และไม่สนใจที่จะทำสิ่งที่ก่อให้เกิด
ประโยชน์หรือผลงานใดๆ
ปริมาณการพูดที่ลดลง (Alogia)
การมีความสุขจากกิจกรรมต่างๆ ที่เคยชอบหรือสนใจลดลง(Anhedonia)
การเข้าสังคมที่ลดลง (Asociality)
ระบาดวิทยา
ร้อยละ 0.5-1.2 ของประชากรทั้งหมด
ไม่มีความแตกต่างของความชุกระหว่างประเทศ
ที่พัฒนาแล้วกับประเทศที่กำลังพัฒนา
เพศชายมักจะมีอาการเริ่มต้นเร็วกว่าเพศหญิง โดยเพศชายจะมีอายุเฉลี่ยที่เริ่มมีอาการคือ
18 ปี
เพศหญิงจะมีอายุเฉลี่ยที่เริ่มมีอาการคือ 25 ปี
ผู้ป่วยโรคจิตส่วนมาก (ประมาณร้อยละ 80) จะเริ่มมีอาการหลังจากอายุ 10 ปี และก่อนอายุ 45 ปี
โรคจิตเภทเป็นความเจ็บป่วยทางจิตเวชที่รุนแรง มีผลกระทบต่อประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วโลกประมาณ 1 ใน 1,000 คน
(World Health Organization, 2014)
การเจ็บป่วยด้วยโรคจิตเภทมักจะแสดง
อาการครั้งแรกระหว่างอายุ 18 - 25 ปี
(Kring & Smith, 2013)
สำหรับอัตราความชุกของโรคมีสูงขึ้น เนื่องจาก
ความเรื้อรังของโรคประมาณร้อยละ 1 ทั่วโลก
(Herzog, 2014; Nationa Institute of Mental Health, 2014)
ส่วนใหญ่มักจะพบในเพศชายที่มัก จะแสดงอาการเริ่มเร็วกว่าเพศหญิง สำหรับอาการแสดงเริ่มต้นของโรคจิตเภทส่วนมากมักจะแสดง
อาการก่อนอายุ 45 ปี (National Institute of Mental Health, 2014)
โรคจิตเภทสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยวิธีการบำบัดที่มีประสิทธิภาพ
ที่ประกอบไปด้วยการรักษาด้วยเภสัชบำบัดและจิตสังคมบำบัด
ถึงแม้โรคจิตเภทจะเป็นโรคที่รักษาให้หายขาดได้ แต่ก็ยังพบปัญหาหลัก
คือผู้ป่วยโรคจิตเภทไม่ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้
การดำเนินโรคมีความเรื้อรัง (World Health Organization, 2014)
ผู้ป่วยโรคจิตเภทมากกว่าร้อยละ 50 ไม่ได้รับการรักษาพยาบาล และในจำนวนดังกล่าว ร้อยละ 90 เป็นผู้ป่วยที่อยู่ในประเทศ
กำลังพัฒนา (จิราภรณ์ สรรพวีรวงศ์ และ ปลดา เหมโลหะ (2559))
หากผู้ป่วยมีอาการโรคจิต ซึ่งเข้าเกณฑ์ของโรคจิตเภท
ครั้งแรกหลังจากที่อายุมากกว่า 45-50 ปี แพทย์ควร
วินิจฉัยแยกออกจากสาเหตุทางกายอื่นๆ เช่น โรคของ
ประสาทพุทธิปัญญา (neurocognitive disorders) เป็นต้น
สาเหตุของโรคจิตเภท
ความผิดปกติระดับโครงสร้างของสมอง
ความผิดปกติระดับจุลภาคและระดับ
การทำงานของสารสื่อประสาท
ปัจจัยทางพันธุกรรมก็มีส่วนในการทำให้เกิดโรค
ปัจจัยที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ (perinatal factors)
ปัจจัยกระตุ้น (ความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ดี เช่น ความสัมพันธ์ในรูปแบบพูดอย่างแต่ให้ทำอย่าง
(double-bind) และความสัมพันธ์ที่ใช้อารมณ์รุนแรง (expressed emotion)
ความบกพร่องของประสาทพุทธิปัญญา (neurocognitive impairment)
เกณฑ์การวินิจฉัย
Brief psychotic disorder
Schizophreniform disorder
Schizophrenia
Schizoaffective disorder
Delusional disorder
การรักษาผู้ป่วยโรคจิตเภท
การรักษากลุ่มโรคจิตเภทนั้นใช้การรักษา
ด้วยยาต้านโรคจิต (Antipsychotics) เป็นหลัก
จิตบำบัดด้วยวิธี Cognitive Behavior Therapy
Supportive Psychotherapy
Psychosocial treatment
อาชีวบำบัด (occupational therapy)
การสอนทักษะทางสังคม (social skill training)
หลักการและแนวทางการบำบัดรักษาผู้ป่วยโรคจิตเภท
การให้ความช่วยเหลือและรีบรักษาในระยะแรกเริ่ม
เน้นการสืบค้นการเจ็บป่วยในระยะแรกเริ่ม และส่งต่อผู้ป่วย
ไปยังผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตในเขตพื้นที่ใกล้บ้าน
เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างครอบคลุมทั้งด้านเภสัชบำบัด
จิตสังคมบำบัด อาชีวะบำบัด และสุขภาพจิตศึกษา
การรักษาในระยะเฉียบพลัน เน้นการอยู่ในโรงพยาบาลระยะสั้น
สนับสนุนดูแลและแก้ปัญหาให้ผู้ป่วย เมื่อมีอาการวิกฤตทางจิตเวช
รวมทั้งการดูแลช่วยเหลือเมื่อกลับไปอยู่ที่บ้านและในชุมชน
การส่งเสริมการฟื้นฟูสภาพ
การพัฒนาระบบคุณภาพการดูแลผู้ป่วยจิตเภททุกระยะ
นายธนวัฒน์ คำมุงคุณ เลขที่ 15 ห้อง A