Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
18 classify virus (slide แดง) - Coggle Diagram
18 classify virus (slide แดง)
อนุภาคที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับไวรัส
Viriods
มี Envelop
-มี Capsid
-มีสารพันธุกรรมเป็น
RNA แบบวงกลม
เล็กกว่า virus 10 เท่า
multiple in host
Virusoids
satellites คล้าย viroid
มี Envelop
มี Capsid
มีสารพันธุกรรมเป็น
RNA แบบวงกลม ใหญ่กว่าไวรอยด์
RNA non-coding
จะ pack ตัวใน capsid เป็ฯ passanger
Virus
มี Envelop
-มี Capsid
multiple in host
RNA จำลองตัวเองเป็ฯแม่แบบของสารพัธกรรมไวรัสตัวใหม่
Prions
-
ไม่มี
สารพันธุกรรมเป็น
มีเฉพาะโปรตีน ก่อโรคได้
คือ โรควัวบ้า (bovine spongiform encephalopathy; BSE),
โรค Creutzfeldt-Jabob (Human-Kuru) ในคนได้
โครงสร้างของ ไวรัส = สารพันธุกรรม + ส่วนห่อหุ้ม
ส่วนแกนกลาง
Capsid(Protein)
ป้องกันสารพันธุกรรมของไวรัสซึ่งจะเป็นส่วนที่
เกิดปฏิกิริยากับส่วนจับเฉพาะ (receptor) บนผิวเซลล์
การติดเชื้อมาก/น้อย = ลักษณะ: ขนาด cap
Nucleocapsid = Capsid + nucleic acid
รูปแบบลูกบาศก์ (cubic = icosahedral)
หรือสมมาตรกัน (helical symmetry)…
20 ด้าน เรียงแบบ 5:3:2
ถ้า simple ico มี 60 units
Complex virus (ผสม Ico กับจาน) มีการสร้างเปลือกหุ้มเพิ่มเติม(lipoprotein)
Helical symmetry แบบทั่วไปพบมาก '
เช่น Tobacco mosaic virus (TMV)
20 ด้าน 20 มุม
สายพันธุกรรม(nucleic acid)
DNA สายคู่ or RNA สายเดี่ยว
(อย่างใดอย่างหนึ่ง)
ส่วนห่อหุ้ม
envelope (lipid bilayer) อาจมีหรือไม่มี
Spike (gp)
การจัดจำแนกไวรัส (Classification of viruses)
การจัดจำแนกระบบ Hierarchical (Hierarchical Virus Classification System)
ระบบ phylum – class – order – family – subfamily – genus – species – strain/type ตามลำดับ
ลักษณะพื้นฐานที่สำคัญ
สารพันธุกรรมที่ประกอบอยู่ในไวรัส อันได้แก่ RNA หรือ DNA
ลักษณะความสมดุลของ capsid
การมี หรือไม่มีเปลือกหุ้ม (envelope)
ขนาดของ virion และ capsid
การจัดจำแนกตามระบบ Baltimore (Baltimore Classification System) 7 กลุ่ม
คำนึงถึงขบวนการเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรมและการเพิ่มจำนวนไวรัสที่แตกต่างกัน ละกำหนดสายันธุกรรมตามทิ่ + genome
1) Double-stranded DNA 2 กลุ่มย่อย
เพิ่มจำนวนใน
นิวเคลียส
(Adenoviruses , Herpesviruses;
อาศัย protein ของเซลล์ )
เพิ่มจำนวนในไซโตพลาสซึม (Poxviruses ด้วยการใช้เอมไซม์ polymerase ของตัวเอง สร้าง RNA
2) Single-stranded (+) sense DNA
Rep ในนิวเคลียส โดยกระตุ้นให้เกิดการจับตัวสร้าง sense (-) strand ซึ่งจะใช้ สาย sense strand เป็นต้นแบบในการสร้าง DNA
Parvoviruses
3) Double-stranded RNA
ไวรัสมีGenome เป็น Segment แต่ละสายจะมีการลอกรหัสพันธุกรรม(transcribed) แยกจากกัน และผลิตเป็น monocistronic mRNA
Reoviruses, Birnaviruses
4) Single-stranded (+) sense RNA 2 กลุ่มย่อย
สารพันธุกรรมเป็น Polycistronic mRNA ) จะถอดรหัสจาก mRNA ได้เป็น Polyprotein หรือเป็นโ
ปรตีนที่ยังไม่สมบูรณ์
ซึ่งจำเป็นต้อง
ใช้เอมไซม์ตัด(Cleavage)
ให้ได้ชิ้นส่วนของโปรตีน ที่สามารถเกิดปฏิกิริยาต่อไปได้ (ไม่มี Virion
Picornaviruses; Hepatitis A,
Coronavirus
2.Complex transcription ถอดรหัสออกจาก RNA ของไวรัสเอง แปรเป็นโปรตีน(tranlation)หลายชนิด และถูกตัดย่อยออกเป็นโปรตีนที่สำคัญ
Togaviruses
5) Single-stranded (-) sense RNA 2 กลุ่ม
สารพันธุกรรมแบ่งเป็นท่อนๆ ในขั้นต้นของการเพิ่มจำนวนสารพันธุกรรม จะเกิดการลอกรหัส(Transcrip)ของ antisense (-) ของ RNA โดยใช้เอมไซม์ RNA polymerase ในการผลิต monocistronic mRNA
Orthomyxovirise
2.Non-segment , Replicate เหมือน1
Rhabdoviruses
6) Single-stranded (+) sense RNA with DNA intermediate in life-cycle
Genome เป็นสาย sense หรือ sense (+) RNA
แบบสายเดี่ยว 2 สาย
(diploid=unique) และไม่มีการจำลองเป็นสาย mRNA จะมีการใช้สาย RNA sense เป็นต้นแบบในการสร้าง DNA by
reverse transcriptase
Retroviruses
7) Double-stranded DNA with RNA intermediate
lใช้เอมไซม์ reverse transcriptase ซึ่งไม่เหมือนกับไวรัสในกลุ่ม Retroviruses แต่จะเกิดการสร้าง virus particle on ในช่วงการเจริญเติบโตของเซลล์ที่มีการติดเชื้อ ไวรัสจะrepair สารพันธุกรรม(gapped genome) และหลังจากนั้นเกิดขบวนการลอกรหัส(transcription)
Hepadnaviruses