Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การป้องกันและช่วยเหลือเด็กที่ได้รับอุบัติเหตุ, นางสาวรติมา มณีคำ เลขที่ 17…
การป้องกันและช่วยเหลือเด็กที่ได้รับอุบัติเหตุ
การจมน้ำ
ชนิดน้ำ
จมน้ำจืด(Freshwater-Drowning)
ทำให้เกิด
น้ำจืดจะเข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือดในปอดอย่างรวดเร็ว
ระดับเกลือแร่ในเลือดลดลง→hypovolemia
หัวใจเต้นผิดจังหวะ →หัวใจวาย
อาจเกิด hemolysis
จมน้ำเค็ม( Salt-water Drowning)
ทำให้เกิด
ระดับเกลือแร่ในร่างกายสูงขึ้น
หัวใจเต้นผิดปกติ → หัวใจวาย →ช็อก
ปริมาตรน้ำในร่างกายลดลง →hypovolemia
pulmonary edema
แบ่งได้
Drowning=ตายจากการจมน้ำ
Near-Drowning=จมน้ำแต่ไม่ได้ตายทันที บางรายอาจจะตายในเวลาต่อมา
การปฐมพยาบาลที่ผิด :red_cross:
อุ้มเด็กพาดบ่าแล้วกระทุ้งบริเวณท้อง น้ำที่ออกมาจะไม่ใช่ในปอดแต่เป็นน้ำในกระเพาะ แล้วยังทำให้เกิดการช้ำอีกด้วย
การปฐมพยาบาลที่ดีที่สุด :check:
นำเด็กขึ้นฝั่ง
กรณีที่รู้สึกตัว
เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าทำให้อบอุ่น
จัดท่านอนตะแคงกึ่งคว่ำ
แล้วรีบส่งรพ ให้เร็วที่สุด
กรณีที่ไม่รู้สึกตัว
เช็คว่าหายใจไหม หัวใจเต้นหรือเปล่า ถ้าไม่ให้รีบโทรหารถรพ หรือหน่วยกู้ภัย
แล้วช่วยชีวิตเบื้องต้นด้วยการ CPR
ภาวะสำลักสิ่งแปลกปลอมในทางเดินหายใจ
ปัญหาที่ตามมา
เกิดการอุดกั้นหลอดลมส่วนปลาย อาจทำให้ปอดแฟบ หอบหืดได้
เกิดการอุดกั้นการระบายเสมหะที่ทางเดินหายใจ→ เกิดการอักเสบติดเชื้อตามมา
เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบน ต้องระวังในเด็กเล็กเพราะทางเดินหายใจเล็กอยู่แล้ว อาจทำใก้ถึงตายได้
วิธีช่วยเหลือ
กรณีเด็กอายุ > 1ปี
กดซ้ำจนกว่าสิ่งแปลกปลอมจะหลุดออก
ถ้าเด็กหมดสติให้ประเมินการหายใจ ชีพจร และช่วยโดยการหายใจสลับกับเคาะหลังและกดหน้าอก
ถ้าเด็กพูดไม่ได้ หรือมีอาการหนักเช่น หายใจลำบาก ซีด เขียว ให้กดท้องโดยให้ไปยืนข้างหลังเด็ก อ้อมแขนมาข้างหน้าแล้วใช้กำปั้นด้านหัวแม่มืออยู่กลางท้องเหนือสะดือเด็ก กดโดยให้แรงมีทิศทางเข้าด้านในและเฉียงขึ้นบน
การกดท้องในเด็กหมดสติ ให้เด็กนอนราบคร่อมบนตัวเด็ก วางสันมือเหนือสะดือเด็กกดทิศทางเข้าด้านในและเฉียงขึ้นกด 5 ครั้งแล้วเปิดปากดูว่าสิ่งแปลกปลอมออกมาหรือยัง
กระตุ้นให้เด็กไอเอง
กรณีเด็กอายุ< 1ปี
แล้วพลิกเด็กให้หงายที่แขนอีกข้างแล้ววางบนตักกดหน้าอกด้วย2นิ้วบริเณที่ใช้CPR
ทำซ้ำจนกว่าสิ่งแปลกปลอมจะออกมา
เคาะหลังแถวๆกลางๆระหว่างสะบัก 5 ที
ถ้าเด็กหมดสติให้ประเมินการหายใจ ชีพจร และช่วยโดยการหายใจสลับกับเคาะหลังและกดหน้าอก
วางเด็กบนแขน แล้ววางแขนไว้ที่ตัก ให้หัวเด็กอยู่ต่ำ
ความแตกต่าง chest compression ในแต่ละช่วงอายุ
Child
100-120 ครั้ง/นาที
กึ่งกลางท่อนล่างของกระดูกหน้าอก
ลึก 5 ซม. :star:
ใช้มือเดียวกด อีกข้างเปิดทางเดินหายใจ :star:
Infant
100-120 ครั้ง/นาที
กึ่งกลางท่อนล่างของกระดูกหน้าอก
ลึก 4 ซม. :star:
ใช้2นิ้วกด อีกข้างใช้เปิดทางเดินหายใจ :star:
Adult
100-120 ครั้ง/นาที
กึ่งกลางท่อนล่างของกระดูกหน้าอก
ลึก 5-6 ซม :star:
ใช้2มือกด :star:
คำแนะนำป้องกันการสำลักสิ่งแปลกปลอม
เลือกชนิด ขนาดของอาหารที่เหมาะสมและไม่ควรป้อนตอนเด็กวิ่งเล่น
เลือกชนิด รูปร่างและขนาดของเล่นใก้เหมาะสมกับวัย และควรเก็บสิ่งของที่อาจเป็นอันตราย
กระดูกหัก(bone fracture)
แบ่งตามบาดแผล
ไม่มีแผล
หักอย่างเดียวโดยที่ไม่มีแผลที่ผิวหนัง
กระดูกไม่โผล่ออกมานอกผิว
แผลเปิด
กระดูกหักอาจทิ่มทะลุออกมานอกเนื้อ
ชนิดนี้ร้ายแรงอาจเสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย
แบ่งตามรอยหักของกระดูก
หักยุบเข้าหากัน
กระดูกแตกทั้ง 2 ด้าน
กระดูกเดาะ
แตกด้านเดียว อีกด้านโก่งไปตามแรงปะทะ
มักเกิดขึ้นกับเด็กมากกว่าผู้ใหญ่
กระดูกหักทั่วไป
หักแตกออกเป็น 2 ชิ้น
การปฐมพยาบาล
ถ้าเลือดออกให้ห้ามเลือดก่อนไม่ว่าจะหักหรือไม่
หาสายมารัดเหนือแผลและคลายทุกๆ15 นาทีและคลายนานครั้งละ 30-60 วินาที
ดามกระดูกที่หัก
หาอะไรแข็งๆเป็นมาวางแนบกับบริเวณที่หักเพื่อทำเป็นเฝือกชั่วคราว แล้วควรมีความยาวเหนือและใต้ข้อที่หัก หาอะไรนุ่มๆรองผิวด้วย และก็รัดทั้งหมดเข้าด้วยกัน
ทำ CPR
ประคบน้ำแข็งตรงแผล
ใช้ผ้ารองน้ำแข็งเพื่อไม่ให้น้ำแข็งกัด ประคบเย็นจะช่วยลดปวด ลดบวม + ยกขาสูง ประคบจนกว่าจะชาค่อยเอาออก
ประเมินบริเวณที่เจ็บ
:red_cross: อย่าจัดกระดูก หรือดัดกระดูกให้เข้าที่ด้วยตนเอง
:check: ถ้าส่วนที่หักเป็นปลายแขนหรือมือให้ใช้ผ้าคล้องคอ
ถ้าหักที่นิ้วให้ใช้ไม้ไอติมดามนิ้ว
:red_cross: ถ้ากระดูกหักออกนอกเนื้อห้ามดึงหรือดันกระดูก เพราะจะทำให้ติดเชื้อ :check:ให้ใช้ผ้าสะอาดปิดปากแผลไว้
Pt ที่กระดูกหักตรงขาส่วนบน กระดูกสันหลัง คอ สะโพก ไม่ควรเคลื่อนไหวเพราะจะทำให้เจ็บมากกว่าเดิม
:forbidden: ห้ามให้ผู้ป่วยดื่มน้ำจนกว่าพบแพทย์เพราะผู้ป่วยอาจต้องได้รับการผ่าตัด
หลังใส่เฝือกแล้วมีอาการดังนี้ให้ไปพบแพทย์ :warning:
ปวด คับเฝือกมาก ทำไงก็ไม่หาย
นิ้วมือหรือนิ้วเท้าข้างที่ใส่เขียวคล้ำ หรือซีดขาวบวมมากขึ้น ชาๆ
ปวดแสบปวดร้อน
มีเลือดหรือหนองไหลออกจากเฝือก
ขยับนิ้วข้างที่ใส่เฝือกไม่ได้
ได้รับสารพิษ
สารพิษมีสภาพเป็นทั้งก๊าซ ของแข็ง ของเหลว ที่สามารถเข้าไปในร่างกายได้ทั้งกิน ฉีด หรือหายใจที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย
สารพิษแยกตามการออกฤทธิ์
ชนิดทำให้ระคายเคือง(Irritants )
ทำให้ปวดแสบ ปวดร้อน
Ex : ฟอสฟอรัส สารหนู อาหารเป็นพิษ ซัลเฟอร ์ไดออกไซด์
ชนิดกดระบบประสาท(Narcotics)
ทำให้หมดสติ หลับลึก ม่านตาหดเล็ก
Ex : ฝิ่น มอร์ฟีน พิษจากงูบางชนิด
ชนิดกัดเนื้อ(Corrosive)
ทำให้เนื้อเยื่อร่างกายไหม้หรือพอง
Ex : สารละลายกรดด่าง น้ำยาฟอกขาว
ชนิดกระตุ้นระบบประสาท(Dililants)
ทำให้เพ้อคลั่ง หน้าและผิวหนังแดง ชีพจรเต้นเร็ว รูม่านตาขยาย
Ex : ยาอะโทรปีน
การประเมิน
เพ้อ ชัก หมดสติ รูม่านตาผิดปกติ
หายใจขัด/ลำบาก มีเสมหะมาก ปลายมือ/เท้าเขียว ลมหายใจมีกลิ่นเคมี
คลื่นไส้ อ้วก น้ำลายฟูมปาก รอยไหม้ที่ริมฝีปาก ได้กลิ่นสารเคมีจากปาก
ตัวเย็น เหงื่อออกเยอะ มีผื่นหรือจุดเลือดออกตามตัว
การปฐมพยาบาล
รับสารพิษทางปาก
ทำให้อ้วกออกมา :forbidden: แต่ถ้าหมดสติหรือกินสารพิษกัดเนื้อที่เป็นกรดด่าง และสารพิษพวกน้ำมันปิโตเลียม ห้ามให้อ้วก
นำส่งรพ ไปล้างกระเพาะ
ต้องทำให้สารพิษเจือจาง
ลดการดูดซึมสารพิษเข้าร่างกายโดยให้เอาผงถ่านผสมกับน้ำ ถ้าหาไม่ได้ให้ใช้ไข่ขาวตีให้เข้ากัน
ได้รับสารกัดเนื้อ
ถ้ารู้สึกตัวดีให้กินนม
อย่าทำให้อ้วก
รีบส่งรพ
ได้รับสารพวกน้ำมันปิโตเลียม
รีบส่งรพ
ห้ามทำให้อ้วก
ระหว่างนำส่งรพ ถ้าผู้ป่วยอ้วกให้จัดหัวต่ำ ป้องกันสำลักน้ำมันเข้าปอด
ได้รับยาแก้ปวด ลดไข้
ทำให้อ้วก
ให้สารดูดซับสารพิษ
ทำให้สารพิษเจือจาง
ได้รับสารพิษทางการหายใจ
น้ำผู้ป่วยออกจากที่เกิดเหตุไปยังที่มีอากาศบริสุทธิ์
ประเมินการหายใจ ชีพจร ถ้าไม่มีให้CPR
กลั้นหายใจ รีบเปิดหน้าต่าง แล้วรีบปิดท่อก๊าซหรือต้นเหตุของสารพิษ
สารเคมีถูกผิวหนังหรือเข้าตา
อย่าใช้ยาแก้พิษทางเคมีเพราะจะยิ่งทำให้เกิดปฏิกิริยามากขึ้น
ปิดแผลแล้วรีบส่งโรงพยาบาล
ล้างด้วยน้ำสะอาดอย่างน้อย 15 นาที
ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
(Burns)
สาเหตุ
ความร้อน
โดนไฟ น้ำร้อนลวก โดนวัตถุที่ร้อนๆ น้ำมันร้อนๆ กระแสไฟฟ้า
สารเคมี
กรด ด่าง
รังสี
แสงแดด รังสีเรเดียม รังสีนิวเคลียร์ระเบิดปรมาณู
อาการ
ขนาดความกว้างของบาดแผล
คือ พื้นที่ของบาดแผล ยิ่งมีความกว้างมากอาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ โปรตีน และเกลือแร่เยอะขึ้น อาจทำให้ช็อกได้
คิดแบบง่ายๆคือแผลขนาด 1 ฝ่ามือ= 1 %
Burn area
ปล.ผู้ใหญ่ (เด็ก)
ใบหน้าศีรษะทั่วบริเวณ รวมถึงลำคอทั้งด้านหน้าและด้านหลังคิดเป็น 9% (18%)
แขนและมือข้างละ 9% (9%)
แผ่นหน้าอกและท้องด้านหน้าคิดเป็น 18% (18%)
ขาและเท้าข้างละ18% (13.5%)
แผ่นหลังทั้งหมดรวมส่วนก้นสองข้างคิดเป็น 18% (18%)
perineum 1% (1%)
ตำแหน่งของบาดแผล
ถ้าเป็นบริเวณนิ้ว หรือตามข้อพับต่างๆจะมีแผลดึงรั้ง ถ้าเป็นที่ก็จะทำให้เป็นแผลเป็น
ความลึกของบาดแผล
ระดับที่ 2(Second degree burn) รุนแรงปานกลาง ผิวหนังเป็นสีแดง ผิวหนังพองมีน้ำใสๆ อยู่ข้างใน ปวดแสบร้อนมาก ถ้าตุ่มพองไม่ใหญ่แผลจะหายและแห้ง หลุดล่อนไปเองภายใน 3-7 วัน
ระดับที่ 3 (Third degree burn) รุนแรงมาก หนังกำพร้าหลุดไปจนเห็นเนื้อซีดขาว ถ้าอาการุนแรง แผลอาจลึกถึงกล้ามเนื้อและกระดูก ผู้บาดเจ็บจะเจ็บปวดมาก ร่างกายอาจเสียน้ำและเกลือแร่จำนวนมาก กระหายน้ำ หมดสติ และเสียชีวิตในที่สุด
ระดับที่ 1(First degree burn) ระดับตื้น รุนแรงน้อย ผิวหนังเป็นสีแดง ปวดแสบร้อนเล็กน้อย
ระดับที่ 2 ถ้ามีแผลมากกว่า 30 % มีโอกาสติเชื้อสูง
ระดับที่ 3 ถ้ามีแผลมากกว่า 10 % มีโอกาสติเชื้อสูง
การพยาบาล
แผลที่เป็นตุ่มใสไม่ควรใช้เข็มบ่งออกเพราะอาจจะทำให้ติดเชื้อบาดทะยักได้
แผลที่กว้างเกิน 10-15% อาจทำให้ช็อกได้ หรือเป็นบริเวณหน้าปากจมูกทำให้หายใจไม่ออกรีบนำส่งรพ
ล้างหรือแช่ด้วยน้ำสะอาด และใช้ก๊อซหรือผ้าแห้งสะอาดปิดไว้
การรักษา
ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่ ่ (Topical antibiotic)
แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุด คือ 1% Silver sulfadiazine
ภาวะแทรกซ้อนใน 2-3 วันแรก คือ ภาวะขาดน้ำและช็อก โดยแพทย์จะให้สารน้ำที่เรียกว่า Ringer's lactate
ส่วนแผลที่ใช้เวลาหายมากกว่า 3 อาทิตย์หรือแผลที่หายหลังจากทำ Skin graft แนะนำให้ใส่ผ้ายืด เพื่อไม่ให้เกิดแผลเป็นนูนหนา
นางสาวรติมา มณีคำ เลขที่ 17 รุ่น 36/2 รหัสนักศึกษา 612001097