Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่10 การเขียนโครงร่างและรายงานการวิจัย - Coggle Diagram
บทที่10 การเขียนโครงร่างและรายงานการวิจัย
การเขียนรายงานการวิจัย
หลักการเขียนรายงานการวิจัย
ความเหมาะสมด้านภาษา อาจใช้ภาษาไทยหรือภาษาต่างประเทศก็ได้
ให้ใช้สำนวนการเขียนและถ้อยคำที่สละสลวย กระชับและอ่านเข้าใจง่าย
เรียบเรียงประโยคได้ถูกต้องตามหลักภาษา
ความถูกต้องตามคำสะกด การเขียนรายงานการวิจัย
ต้องเขียนตามคำสะกดให้ถูกต้อง
ความถูกต้องของรูปแบบ ต้องเขียนให้ถูกต้อง
ตามรูปแบบที่กำหนด
ความเรียบร้อยของรายงาน รายงานการวิจัยต้อง
พิมพ์ขนาดตัวอักษรที่ตรงตามข้อกำหนด
ความมีจรรยาบรรณของนักวิจัย
ความซื่อสัตย์และความมีคุณธรรมทางวิชาการ
ผลการวิจัยที่ค้นพบไม่บิดเบือนข้อมูลหรือข้อค้นพบทางวิชาการ
ไม่นำผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน ไม่ลอกเลียนผลงานวิจัยของผู้อื่น
คารพศักดิ์ศรีและสิทธิของกลุ่มตัวอย่าง
ผู้วิจัยต้องปกปิดชื่อผู้ให้ข้อมูล
ไม่เปิดเผยชื่อผู้ให้ข้อมูลในรายงานการวิจัย
นำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ในทางที่เหมาะสมและถูกต้อง
ต้องไม่ขยายผลการวิจัยหรือข้อค้นพบทางวิชาการที่
เกินความเป็นจริง ไม่รายงานผลการวิจัยในลักษณะ
ที่เป็นการจงใจบิดเบือนข้อมูลหรือผลการวิจัย
เนื้อหาในรายงานการวิจัยต้องมีความทันสมัย
ถูกต้องตามหลักวิชาการตรงตามข้อเท็จจริง เชื่อถือได้
มีความสอดคล้องกับชื่อเรื่อง เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
รูปแบบของรายงานการวิจัย
(Research Report Format)
ส่วนเนื้อเรื่องหรือเนื้อหารายงาน
(Body of the report)
บทที่ 1 บทนำ
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหา
เนื้อหาย่อหน้าแรก ควรเขียนให้ทราบถึง
สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
เนื้อหาย่อหน้าที่สี่ เขียนถึงความจำเป็นที่ต้อง
ศึกษาจากประชากรกลุ่มที่ผู้วิจัยสนใจศึกษา
เนื้อหาย่อหน้าที่สาม เขียนอธิบายแนวคิด
หรือทฤษฏีของตัวแปรตามที่นำมาศึกษา
เนื้อหาย่อหน้าที่สอง สาระควรสะท้อนให้
เห็นผลกระทบของปัญหาที่เกิดขึ้น
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
(Research Objectives)
เขียนในรูปประโยคบอกเล่า เขียนด้วย
สำนวนถ้อยคำที่กระชับและชัดเจน
สมมติฐานของการวิจัย
(research hypothesis)
จำเป็นต้องมีทฤษฏีและผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
สนับสนุนการระบุสมมติฐาน
ขอบเขตของการวิจัย
(scope of the study)
นิยามศัพท์ที่ใช้ในการวิจัย
(Definition of Terms)
ต้องเขียนในลักษณะคำนิยามเชิงปฏิบัติการ
(หลักการเขียนเหมือนการเขียนในโครงร่างวิจัย)
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
(Expected Benefits)
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
(Literature reviews)
เกี่ยวข้องกับปัญหาการวิจัย แนวคิดและทฤษฏีทั้งในประเทศ
และต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ศึกษา โดยนำเอกสาร
และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องที่ได้รวบรวมมาวิเคราะห์และสรุป
บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย
(Research methodology)
การออกแบบการวิจัย (Research design)
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยและการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ
การพิทักษ์สิทธิ์กลุ่มตัวอย่างวิจัย
การดำเนินการทดลอง
การรวบรวมข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
เป็นการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล โดยนำเสนอในรูปตาราง
หรือแผนภูมิตาราง หรือกราฟ ตามความเหมาะสมของสาระที่นำเสนอ
บทที่ 5 สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ
สรุปย่อสาระสำคัญต่างๆ ซึ่งครอบคลุม วัตถุประสงค์การวิจัย
วิธีดำเนินการวิจัย ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือการวิจัย
การรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้และผลการวิเคราะห์ข้อมูล
สรุปผลการวิจัย โดยระบุผลการวิจัยที่พบเป็นลำดับขั้นตอน
และครอบคลุมวัตถุประสงค์ของการวิจัย
อภิปรายผลการวิจัย ในอภิปรายผลการวิจัย ผู้วิจัยจะต้องนำ
แนวคิดทฤษฏีและผลการวิจัยมาสนับสนุนการอภิปราย
ข้อเสนอแนะ เป็นการเขียนเสนอแนะว่า
ควรนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์กับกลุ่มใดและใช้ประโยชน์อย่างไร
เสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป เป็นการเขียนเสนอแนะว่
าผลการวิจัยที่พบในงานวิจัยนี้ควรนำไป
ใช้ประโยชน์ในการศึกษาวิจัยประเด็นใดบ้าง
ส่วนต้น
(Preliminary Section or Front Matter)
ปกหน้า
สารบัญ
บทคัดย่อ
บัญชีตาราง
หน้าประกาศคุณูปการ
หรือกิตติกรรมประกาศ
บัญชีภาพประกอบ
ส่วนท้าย หรือส่วนอ้างอิง
ภาคผนวก ประกอบด้วย รายนามผู้ทรงคุณวุฒิ
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เอกสารยินยอมเข้าร่วมการวิจัย
ประวัติผู้วิจัย การเขียนประวัติผู้วิจัย ประกอบด้วย
ชื่อ นามสกุล คำนำหน้า กรณีมีตำแหน่งทางวิชาการ ยศฐานันดรศักดิ์
รายการอ้างอิง หรือบรรณานุกรม
วัตถุประสงค์ของรายงานการวิจัย
เพื่อพัฒนาความคิด ด้านการคิดริเริ่ม การวิเคราะห์
และการประมวลความคิดอย่างมีระบบ
เพื่อส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม ในการรวบรวมข้อมูล
ประกอบการอ้างอิงอันเป็นวิธีการหาความรู้ด้วยตนเอง
เพื่อเสนอข้อเท็จจริง หรือความรู้ที่เกิดจาก
การศึกษาค้นคว้าอย่างเป็นระบบ
ความหมาย
เอกสารที่รายงานการดำเนินการวิจัยในแต่ละขั้นตอน และสรุปผลการวิจัย
ที่ค้นพบ ซึ่งเรื่องที่นำมาเขียนต้องเป็นข้อเท็จจริง หรือความรู้อันเกิดจาก
การรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าอย่างเป็นระบบ
และมีลักษณะเป็นวิทยาศาสตร์
การเขียนโครงร่างการวิจัย
(Research proposal)
วัตถุประสงค์ของการเขียนโครงร่างการวิจัย
เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆ
เพื่อนำเสนอต่อหน่วยงาน องค์กร สถาบัน บุคคล เพื่อขอรับทุนสนับสนุน
หรือขออนุมัติ หรือขออนุญาต
นำเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิ หรือเพื่อนนักวิจัย
เพื่อให้ข้อเสนอแนะ ช่วยเหลือปรับปรุง
เพื่อใช้เป็นแนวทางระหว่างผู้วิจัยและผู้ร่วมวิจัยให้เข้าใจ
และดำเนินการวิจัยไปในทิศทางเดียวกัน
หลักการเขียนโครงร่างวิจัย
คำถามของการวิจัย
(Research Question (s)
เขียนด้วยสำนวน ถ้อยคำที่กระชับชัดเจน และเหมาะสม
หรือเกี่ยวข้อง กับเรื่องที่จะศึกษา
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
(Background and Significance of the Problem)
ผลกระทบของปัญหาที่เกิดขึ้น
อธิบายแนวคิดหรือทฤษฏีของตัวแปรตามที่นำมาศึกษา
สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
ความจำเป็นที่ต้องศึกษาในประชากรกลุ่มที่ผู้วิจัยสนใจ
รวมทั้งเหตุผลที่ต้องศึกษาประชากร
จากแหล่งนั้นๆ
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
(Research Objectives)
วัตถุประสงค์ทั่วไป (General Objective) จะกล่าวถึงสิ่งที่คาดหวัง
วัตถุประสงค์เฉพาะ (Specific Objective)
จะพรรณนาถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริงในงานวิจัยนี้
ชื่อเรื่องวิจัย
(Research Topic or The Title)
ควรตั้งชื่อเรื่องให้น่าสนใจ
ทันต่อเหตุการณ์
ใช้คำสำคัญของเรื่องที่จะทำวิจัย มาประกอบกันเป็นชื่อเรื่อง
โดยเขียนในรูปประโยคบอกเล่า กระชับ และสื่อความหมาย
ครอบคลุมความสำคัญของเรื่องที่จะศึกษาทั้งหมด
ไม่ควรยาวเกิน 2 บรรทัด
สมมติฐานของการวิจัย
(Hypothesis)
มักเขียนในลักษณะการแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง
ตัวแปรอิสระและตัวแปรตาม
บางวิจัยอาจไม่จำเป็น เช่น การวิจัยเชิงคุณภาพ การสำรวจ
การบรรยายทั่วๆไป
ขอบเขตการวิจัย
(Scope of the study)
ขอบเขตการวิจัยควรเขียนระบุให้ครอบคลุมประเด็นที่ศึกษา
ได้แก่ ประชากร กลุ่มตัวอย่าง และตัวแปรที่ศึกษา
คำนิยามศัพท์เฉพาะหรือคำจำกัดความที่ใช้ในการวิจัย
(Operational Definitions)
ต้องเขียนในลักษณะนิยามเชิงปฏิบัติการ เป็นพฤติกรรม หรือ
การแสดง หรือการปฏิบัติที่สามารถสังเกตได้ รับรู้หรือประเมินได้
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
(Expected Benefits)
ต้องเขียนให้เห็นว่าผลที่ค้นพบนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง
เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มใด หรือกับหน่วยงานใด
กรอบแนวความคิดหรือทฤษฏีในการวิจัย
(Conceptual or theoretical Framework)
จากการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง
วิธีดำเนินการวิจัย
(Research Methodology)
ประชากร (Population) และกลุ่มตัวอย่าง (Sample)
ประชากรของงานวิจัยเป็นกลุ่มใด จำนวนเท่าไร
กลุ่มตัวอย่างให้ระบุขนาด วิธีการคำนวณขนาดตัวอย่าง
การพิทักษ์สิทธิ์กลุ่มตัวอย่างวิจัย
ต้องคำนึงถึงสิทธิของประชากร หรือกลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา
การปกปิดเป็นความลับ และการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
การออกแบบการวิจัย/ รูปแบบการวิจัย
ต้องมีรายละเอียดว่าเป็นการวิจัยแบบใด มีลักษณะอย่างไร
ระบุเหตุผลความจำเป็นที่ต้องใช้แบบการวิจัยนี้
ระบุวิธีการป้องกันความผิดพลาดเชิงระบบ
เครื่องมือวิจัย (Research instrument)
ให้ระบุว่าเครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วยอะไรบ้าง เครื่องมือแต่ละชุดใคร
เป็นผู้พัฒนาเครื่องมือ หรือผู้วิจัยเป็นผู้สร้างเอง มีวิธีการสร้างอย่างไร
การรวบรวมข้อมูล (Data collection)
โดยให้รายละเอียดว่าจะเก็บข้อมูลอะไร จากแหล่งไหนเก็บอย่างไร
ใครเป็นผู้เก็บ ใครเป็นผู้บันทึกข้อมูลที่เก็บได้ บันทึกลงที่ไหน อย่างไร
การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis)
งานวิจัยเชิงปริมาณให้ระบุสถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล
ควรเขียนระบุเป็นข้อๆ โดยเรียงให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การวิจัย
งานวิจัยเชิงคุณภาพให้ระบุวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลด้วย
รายการอ้างอิง หรือบรรณานุกรม
(Reference and Bibliography)
รายชื่อหนังสือ วารสาร เอกสาร สิ่งพิมพ์ทุกประเภท
รวมถึงคำสัมภาษณ์ที่นำมาใช้ประกอบการทำวิจัย
งบประมาณ (Budget)
แผนการดำเนินการวิจัย (Research Plan)
เขียนระบุระยะเวลาการดำเนินการในแต่ละขั้นตอน
ความหมาย
แบบแปลนหรือแผนงานที่เขียนขึ้นในการแสวงหาความรู้ โดยแสดงให้เห็น
ความสำคัญ และความเป็นไปได้ในการดำเนินการวิจัยให้บรรลุตาม
จุดมุ่งหมายได้ และใช้เป็นแนวทางในการดำเนิน การวิจัย
ความแตกต่างระหว่างโครงร่างวิจัยและรายงานวิจัย
โครงร่างวิจัย
บอกว่าจะทำอะไรตามที่เขียนไว้ในโครงร่างวิจัย
สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความคิดเห็น
ของคณะกรรมการและเจ้าของทุน
เขียนบทที่1-3
มีตารางบริหารงานและงบประมาณ
รายงานวิจีัย
บอกว่าจะทำอะไรตามที่เขียนไว้ในโครงร่างวิจัย
ว่าผลเป็นอย่างไรและสรุปผลการวิจัย
ทำรูปเล่มฉบับสมบูรณ์
เขียนบทที่1-5
ตีพิมพ์เผยแพร่