Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
AHD hqdefault1, นางสาวสุปรียา บุญเพ็ง เลขที่20 รหัส61122230023 - Coggle…
AHD
Rheumatic heart disease
สาเหตุ
โรคหัวใจรูห์มาติคเป็นผลหรือภาวะแทรกซ้อนของไข้รูห์มาติค เนื่องจากร่างกายได้รับเชื้อ B-hemolytic streptococcus group A ประมาณ 1 – 5 สัปดาห์ แล้วไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องหรือทันท่วงที จึงทำให้เกิดหัวใจอักเสบ และจะมีการทำลายลิ้นหัวใจด้วย
พยาธิสรีรภาพ
ภายหลังที่เด็กเป็นไข้รูห์มาติคแล้ว จะมีการอักเสบของหัวใจทุกชั้น รวมถึงลิ้นหัวใจด้วย ซึ่งประกอบด้วยแผ่นลิ้น (cusp) เนื้อเยื่อเอ็นยึดลิ้น (chordae tendinae) และกล้ามเนื้อ papillary ในรายที่เป็นไข้รูห์มาติคซ้ำหลายๆ ครั้งจะส่งผลทำให้ลิ้นหัวใจถูกทำลายมากขึ้น โดยมีการหดตัวหรือแข็งตัว ทำให้เกิดมีความผิดปกติของลิ้นหัวใจขึ้นอาจเป็นการรั่วหรือการตีบ จึงเรียกว่าโรคหัวใจรูห์มาติค
-
-
Rheumatic Fever
ความหมาย
โรคที่มรการอักเสบของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้มีผลต่อเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน Connective tissue เช่น หัวใจ ข้อ ผิวหนัง หลอดเลือดของระบบประสาทสวนกลาง
-
พยาธิสรีรภาพ
เมื่อเกิดการติดเชื้อ B-hemolytic streptococcus group A ในร่างกาย เช่น การติดเชื้อที่หู การติดเชื้อที่ต่อมทอมซิล โดยเฉพาะการติดเชื้อที่ลำคอ ซึ่งมักพบได้บ่อย ประมาณ 1 – 5 สัปดาห์ ผู้ป่วยจึงแสดงอาการ สำหรับกลไกการเกิดโรคเชื่อว่า เมื่อเชื้อโรคเข้าไปสู่ร่างกาย ร่างกายจะมีปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรค (antigen-antibody reaction) โดยจะสร้างแอนติบอดี้จำเพาะต่อเชื้อโรค แต่เนื่องจากส่วนต่างๆ ของเชื้อโรคมีความคล้ายคลึงกันทางระบบภูมิคุ้มกันกับเนื้อเยื่อของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย แอนติบอดี้จำเพาะต่อเชื้อโรคดังกล่าวก็จะมีปฏิกิริยากับเนื้อเยื่อของอวัยวะต่างๆ ด้วย จึงทำให้เนื้อเยื่อเหล่านี้ถูกทำลาย
-
-
-
Infective Endocarditis
การติดเชื้อที่เยื่อบุผนังหัวใจในเด็กที่เป็นโรคหัวใจ เป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อย แต่เมื่อเป็นโรคนี้ก็จะเป็นสาเหตุที่สำคัญให้ผู้ป่วยเด็กเสียชีวิต ส่วนมากผู้เป็นโรคนี้มักจะ มีโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดอยู่ก่อนแล้ว (ประมาณ 70%)
สาเหตุ
ในโรคที่มีรูรั่วของผนังกั้นหัวใจ หรือมีลิ้นหัวใจผิดปกติ การไหลเวียนเลือดในบริเวณดังกล่าวจะแรงขึ้นกว่าเดิมมาก (turbulence flow) และเมื่อเลือดที่มีความแรงเพิ่มขึ้นกระทบกับเนื้อเยื่อของหัวใจ ก็จะทำให้เกิดแผลถลอกในผนังหัวใจขึ้น (เปรียบเหมือนฉีดน้ำแรงๆลงบนดิน) หากโชคร้ายมีเชื้อโรคหลุดรอดเข้าไปอยู่ในกระแสเลือด เข้าไปรวมตัวกับเกร็ดเลือดในบริเวณที่เกิดรอยถลอก ก็จะเกิดก้อนเชื้อโรค หรือที่เรียกว่า vegetation ทำให้เกิดการติดเชื้อที่เยื่อบุผนังหัวใจในที่สุด
ลักษณะอาการทางคลินิค
- มีอาการและอาการแสดงของการติดเชื้อในร่างกาย ผู้ป่วยจะมีไข้อยู่เป็นเวลานานหลายวัน บางรายหนาวสั่น,เบื่ออาหาร,น้ำหนักลด,ปวดเมื่อยตามตัว,อ่อนเพลีย ตรวจเลือดมักจะพบภาวะซีด และมีปริมาณเม็ดเลือดขาวสูงผิดปกติ
- อาจพบจุดเลือดออกตามปลายมือปลายเท้า หรือบริเวณเยื่อบุตา
- ได้ยินเสียงหัวใจผิดปกติไปจากเดิมที่เคยมี
- อาจพบปัสสาวะมีสีแดงหรือเป็นฟองผิดปกติ มีม้ามโตผิดปกติ
-
การป้องกันโรค
เด็กควรหมั่นรักษาสุขภาพปากและฟันให้แข็งแรง (เนื่องจากฟันผุ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เชื้อโรคเล็ดรอดเข้าไปในกระแสเลือดได้) หากจำเป็นต้องถอนฟัน หรืออุดฟัน ต้องแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบทุกครั้งว่าเป็นโรคหัวใจ และควรระบุชนิดของโรคด้วยว่าเป็นชนิดใด
Heart failure
พบได้ร้อยละ 90 ของเด็กโรคหัวใจที่มีภาวะหัวใจวายในช่วงขวบปีแรก โดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรก มักมีสาเหตุจากโรคหัวใจแต่กำเนิด
พยาธิสรีรภาพ
เด็กที่มีความผิดปกติในระบบหัวใจและหลอดเลือด จะส่งผลให้ปริมาณเลือดที่ไหลออกไปเลี้ยงร่างกายต่อนาทีลดลง อวัยวะและเนื้อเยื่อของร่างกายไปรับออกซิเจนไม่เพียงพอ ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น จึงมีการปรับตัวในระบบต่างๆ เพื่อคงปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงร่างกายให้เพียงพอ
ลักษณะอาการทางคลินิค
- อาการของหัวใจซีกซ้ายวาย ได้แก่ หายใจเร็ว ปีกจมูกบาน หายใจลำบาก หน้าอกบุ๋ม และมีการหดตัวของกล้ามเนื้อที่ช่วยในการหายใจ นอนราบไม่ได้ มีอาการเหนื่อยหอบในช่วงกลางคืน มีเสมหะเป็นฟองหรือมีเลือดปนและฟังเสียง crepitation เนื่องจากมี pulmonary congestion
- อาการของหัวใจซีกขวาวาย ได้แก่ หลอดเลือดดำที่คอโป่งพอง หน้าบวม ตาบวม ตับโต บางรายอาจมีม้ามโต คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดท้อง แน่นอึดอัดท้อง แขนขาเย็น บวม และมีน้ำในช่องท้อง ในผู้ป่วยเด็กโรคหัวใจ อาการสำคัญที่บ่งชี้ว่ามีภาวะหัวใจวาย (cardinal signs) 4 ประการได้แก่ 1) หัวใจโต 2) หัวใจเต้นเร็ว 3) หายใจเร็ว 4) ตับโต
สาเหตุ
- ความผิดปกติของหัวใจที่ทำให้หัวใจทำงานมากขึ้น เนื่องจากมีปริมาณเลือดในหัวใจเพิ่มขึ้นมากเกิดจากมีการรั่วไหลของเลือด ทำให้มีปริมาณเลือดในเวนตริเคิลมากขึ้น ส่งผลให้เวนตริเคิลต้องบีบเลือดในปริมาณที่สูงขึ้น หรือมีความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจ ทำให้มีปริมาณเลือดไปปอดมากขึ้น ส่งผลทำให้หัวใจต้องทำงานเพิ่มขึ้น เรียกภาวะนี้ว่า preload หรือ volume overload
- ความผิดปกติของหัวใจที่ทำให้หัวใจทำงานมากขึ้นเนื่องจากมีความดันในเวนตริเคิลสูงกว่าปกติ เกิดจากการอุดกั้นของทางออกของเวนตริเคิล ทำให้มีเลือดไหลออกจากเวนตริเคิลได้ยากขึ้น เรียกภาวะนี้ว่า afterload หรือ pressure overload ซึ่งแบ่งได้เป็น
- ความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ (myocardial factor) ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของหัวใจลดลงเนื่องจากการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อหัวใจลดลง
- จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ ส่งผลให้ปริมาณเลือดไหลออกจากหัวใจลดลง
การรักษา
1..ยากลุ่มกลัยโคไซด์ (digitalis glycosides) ในเด็กนิยมให้ยา digoxin (lanoxin) สรรพคุณคือเพิ่มแรงในการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ แต่ทำให้หัวใจเต้นช้าลง
- ยากลุ่ม beta-adrenegic receptor blocking agents) เช่น propranolol (inderal) ทำให้ epinephrine และ norepinephrine ออกฤทธิ์ไม่ได้
- ยาขยายหลอดเลือด (vasodilators) เช่น hydralazine (apresoline) ทำให้ลด afterload / preload และเพิ่ม cardiac output
-
-