Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การใช้อาหารในการบำบัดโรค และการให้โภชนาศึกษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง - Coggle…
การใช้อาหารในการบำบัดโรค และการให้โภชนาศึกษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
กระบวนการทางโภชนบำบัด
1.วิเคราะห์ภาวะโภชนาการของผู้ป่วย
1.1 การซักประวัติ
1.2 การวัดขราดร่างกายของผู้ป่วย
1.3 การตรวจร่างกาย
1.4 การตรวจทางชีวเคมี
2.การวางแผนการใช้โภชนบำบัด
2.1 เป้าประสงค์
คือ ผลลลัพท์ที่พึงปรารถนาสำหรับผู้ป่วยอย่างกว้างๆ
2.2 วัตถุประสงค์
ผลระยะสั้นแต่ละขั้นตอนที่่บรรลุเป้าประสงค์
2.3 ชนิดของอาหารเพื่อโภชนบำบัด
ต้องพิจารณาอาหารที่จะให้แก่ผู้ป่วย จะใช้อาหารชนิดใด จัดอย่างไร
3.ขั้นตอนการดำเนินการโภชนบำบัด
เป็นขั้นที่นำแผนโภชนบำบัดมาดำเนินการให้ผู้ป่วยได้รับอาหารที่ตต้องการรวมทั้งให้คำปรึกษา
4. ขั้นตอนการประเมินผลโภชนบำบัด
ประเมินเพื่อดูความก้าวหน้าของการรักษาผู้ป่วย
บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการให้โภชนบำบัด
1. แพทย์
เป็นผู้สั่งอาหารให้ผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภทใด ผู้สั่งจะลงในในคำสั่งการรักษาของผู้ป่วย พร้อมมีลายเซ็นและวันที่กำกับ
2. พยาบาล
เป็นบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยมากที่สุด ทำหน้าที่่่ประสานงานระหว่างแพทย์ นักกำหนดอาหารและผู้ป่วย
เป็นผู้คัดลอกคำสั่งจากแพทย์ ลงในสั่งอาหารเพื่อส่งไปยังหน่วยบริการอาหารใบสั่งอาหาร
หาผู้ป่วยมานอนป่วย โดยที่แพทย์ยังไม่ได้สั่งอาหารทางฝ่ายพยาบาลไม่สามารถติดต่อแพทย์ให้สั่งอาหารได้ พยาบาลสามารถสั่งอาหารอ่อนหรืออาหารน้ำให้แก่ผู้ป่วยก่อนได้
ค่อยช่วยเหลือดูแลคนไข้ระหว่างรับประทานอาหาร คอยสังเกตการรับประทานอาหารของคนไข้
3. นักกำหนดอาหาร
มีบทบาทสำคัญดังนี้
1.คิดคำนวณคุณค่าอาหารสำหรับผู้ป่วยตามที่แพทย์สั่ง จัดอาหารเป็นรายๆไป
กำหนดอาหารและดัดแปรงอาหาร ให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย และความพึงพอใจของผู้ป่วย
3.ควบคุมการจัดและการปรุงของอาหารเฉพาะโรค
4.เยี่ยมผู้ป่วย เพื่อจะได้ทราบผลการรับประทานอาหารของผู้ป่วย ถ้ามีปัญหาจะได้แก้ไขได้อย่างถูกต้อง
5.ทำงานร่วมกับแพทย์ พยาบาล ในการให้คำปรึกษาแนะนำด้านอาหาารกับผู้ป่วย
โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-communicable Diseases)
โรคเบาหวาน
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
1.เรียนรู้และบับคาร์บกับอาหารแลกเปลี่ยน
การนับคาร์บ หมายถึง การนับปริมาณสารอาหารคาร์โบไฮเดรตที่กินเข้าไปทำให้มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด
2.เลือกกินเนื้อสัตว์อย่างฉลาด
กินโปรตีน 0.8 กรัม/น้ำหนักตัว เพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อ กินเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ มีแคลเซียมสูง เช่น ปลา หลีกเลี่ยงสัตว์ที่มีไขมันสูง เช่น หมูสามชั้น ไส้กรอก หมูยอ กุนเชียง
3.รู้จักเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์
3.1 เลือกคาร์โบไฮเดรตชนิดดีกิน
เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ วุ้นเส้น ธัญพืช
3.2 เลือกกินไขมันที่ช่วยลดคอเรสเตอรอลที่ไม่ดี
เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมะกอก น้ำมันคาโนลา
3.3 กินอาหารที่มีแอนตี้้ออกซิเดนซ์
เช่น ผักผลไม้ 5 สี
3.4 กินอาหารที่มีจุลินทรีย์สุขภาพ
เช่น โยเกิร์ตสูตรไขมันต่ำ น้ำตาลน้อย
4.รู้จักเลือก รู้จักลด และงดอาหารที่เสี่ยงต่อสุขภาพ
งดและลดคาร์โบไฮเดรตชนิดไม่ดี ลดและงดไขมันจากสัตว์และไขมันทรานซ์ ลดอาหารหมักดองและอาหารเค็ม
5.กินโดยควบคุมปริมาณอาหารจากพลังงานที่ต้องการในแต่ละวัน
โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ
เกิดจากหลอดเลือดตีบตัน หรือ หลอดเลือดแข็งตัว เกิดจากสะสมของ ไขมัน โปรตีน และ แร่ธาตุในผนังหลอดเลือดตีบตันและแคบ ทำให้มีความ ต้านทานการไหลของเลือด
อาหารที่ทำให้ระดับไขมันตัวร้ายในเลือดสูง
คือ อาหารที่มีกรดไขมันอิ่มตัว อาหารที่มีไขมันทรานส์ อาหารที่มีคอเลสเตอรอล
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ
1.
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง
2.
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง เช่น เครื่ิองในสัตว์ ไข่แดง
3.
งดน้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม
4.
หลีกเลี่ยงอาหารทอด และ เบเกอรี่
5.
หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำจากไข่แดง และ ไขมันอิ่มตัว
6.
ใช้น้ำมันในการปรุงอาหารแต่พอควร
7.
หากดื่มนมเป็นประจำควรเลือกดื่มนมประเภท ไขมันต่ำ นมพร่องมันเนย
8.
ลดการกินอาหารเค็ม
9.
กินผัก ผลไม้ เป็นประจำ เพื่อให้ได้รับวิตามินซี
10.
หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา กาแฟ งดสูบบุหรี่
11.
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย
12.
พักผ่อนให้เพียงพอ
ควบคุมไขมันในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ
1.
ควบคุมระดับโคเลสเตอรอลในเลือดให้น้อยกว่า 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
2.
ควบคุมระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดให้ต่ำกว่า 150 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
3.
ลดปริมาณไขมันให้น้อยลง วันนึงไม่ควรเกินร้อยละ 30 ของพลังงานทั้งหมด
4.
ลดปริมาณกรดไขมันอิ่มตัว ควรงดไขมันจากสัตว์
5.
กรดไขมันอิ่มตัว ควรเป็นไขมันจากน้ำมันถั่วเหลือง
โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-communicable Diseases)
โรคมะเร็ง
ปัญหาการกิน
1.กินครั้งละน้อย แต่บ่อยขึ้น เป็น 5-6 มื้อ
2.กินอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ ไก่ ปลา หมู ไข่
3.ไข่กินได้ทั้ง ไข่แดง และไข่ขาว วันละ1-2ฟอง
4.สามารถปรุงรสด้วยมะนาวหรือผักสมุนไพร
5.กินอาหารแช่เย็น เช่น ไอศกรีม หรือ อมน้ำแข็งจะช่วยบรรเทาให้อาการเจ็บแสบลดลง
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
อาหารเผ็ด อาหารที่เพิ่งปรุงรสเสร็จกำลังร้อนจัด อาหารหรือผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวจัด อาหารที่มีลักษณะแข็งที่จะทำให้เจ็บเวลาเคี้ยว
โภชนบำบัดโรคมะเร็ง
ผู้ป่วยมีปัญหาเม็ดเลือดขาวต่ำ
ยาเคมีบำบัด-ฉายแสง อาจทำให้เม็ดเลือดขาวลดลงในช่วงได้รับยา การกินอาหารประเภทโปรตีนจะช่วยให้ผลการรักษาโรคมะเร็งได้ผลดีมากขึ้น
ผู้ป่วยมีอาการท้องผูก
ดื่มน้ำให้เพียงพอ(ประมาณ6-8แก้ว)น้ำช่วยให้อุจาระนิ่มและขับถ่ายง่ายขึ้นควบคู่กับการกินผลไม้ที่อุ้มน้ำ กินธัญพืชที่ขัดสีน้อย เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังมัลติเกรน ผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องการเคี้ยวอาหาร
หรืออ่อนเพลียอาจนำผลไม้ที่ไม่หวานจัด เช่น มะละกอ ฝรั่ง แอปเปิ้ล แบบไม่แยกกาก มาปั่นดื่ม
โภชนศึกษาโรคมะเร็ง
อาหารที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
1.อาหารที่มีไขมันมากและมีคอเลสเตอรอลสูง
หากรับประทานเป็นประจำอาจทำให้เกิดโรคมะเร็ง
2.สารก่อเร็ง
อาหารที่ย่างจนไหม้ ใช้น้ำมันทอดซ้ำ สารตะกั่วในอาหาร เช่น อาหารกระป๋อง อาหารหมักดอง ปลาร้า
3.สารก่อมะเร็งในสิ่งแวดล้อม
มลพิฐในอากาศ เช่น ก๊าซพิษ ควันบุหรี่
4.ยาและเครื่องสำอางบางชนิด
ยาคุมกำเนิดบางชนิด สีที่ผสมในลิปสติก ยาย้อมผม
ไม่รับประทานอาหารที่มีราขึ้น ลดอาหารไขมัน ลดอาหารดองเค็มและอาหาราปิ้งย่าง รมควัน ไม่รับประทานอาหารสุกๆดิบๆ หยุดหรือลดการสูบบุหรี่ หยุดการเคี้ยวหมากและยาสูบ ลดการดื่มแอลกอฮอล์
แนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันโรคมะเร็ง
รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ รับประทานอาหารที่มีไขมันน้อย รับประทานอาหารที่มีโปรตีนเพียงพอ จากเนื้อสัตว์ นม ไข่ รับประทานข้าวกล้อง ถั่วเมล็ดแห้ง รับประทานอาหารสดใหม่ สุก สะอาด หลีกเลี่ยงอาหารสุกๆดิบๆ ควรเปลี่ยนหมุนเวียนวิธีประกอบอาหาร เป็น ต้ม ตุ๋น นึ่ง ดื่มน้ำสะอาดวันละ 8-10แก้ว