Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลโรคหัวใจและหลอดเลือด ในสตรีตั้งครรภ์, นางสาวอมรรัตน์ ฟ้าแลบ…
การพยาบาลโรคหัวใจและหลอดเลือด
ในสตรีตั้งครรภ์
Physiological changes of pregnancy
Heart rate เพิ่มขึ้นขณะตั้งครรภ์ประมาณ 10-20 ครั้งต่อนาที
Stroke volume เพิ่มขึ้นมากที่สุดคือประมาณร้อยละ 30
Cardiac output: เพิ่มขึ้น 30-50%
แรงต้านทานในเส้นเลือดทั่วไปลดลงถึงต่าสุดในไตรมาสที่สอง
Blood volume: เพิ่มขึ้น 40-50% (~1,500 ml)
เลือดแข็งตัวมากกว่าปกติ (hypercoagulability)
การใช้ออกซิเจนเพิ่มขึ้น 15% เมื่ออายุครรภ์ 16-40 wks
ผลของการตั้งครรภ์ต่อโรคหัวใจ
การวินิจฉัยยากขึ้น: อาการและอาการแสดงหลายอย่างของการตั้งครรภ์คล้ายโรคหัวใจ เช่นรู้สึกเหนื่อยง่าย ฟังได้ murmur จากการตั้งครรภ์
โรคหัวใจรุนแรงขึ้นขณะตั้งครรภ์ : ระดับความรุนแรงมากขึ้น หัวใจล้มเหลวบ่อยขึ้น
ไข้รูห์มาติคมีแนวโน้มเป็นกลับซ้าบ่อยขึ้นในขณะตั้งครรภ์
โรคลิ้นหัวใจมีโอกาสเกิด bacterial endocarditis ขณะคลอด หรือหัตถการช่วยคลอด
การตั้งครรภ์ทาให้เกิด cardiomyopathy ในระยะหลังคลอดได้แม้อุบัติการน้อย
ผลของโรคทางระบบหัวใจและหลอดเลือดต่อการตั้งครรภ์
มารดา
เมื่อมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นมารดามีโอกาสเสียชีวิตได้ สูงถึงร้อยละ 25-50 ในกรณีของ rheumatic heart disease
มารดาอายุยังน้อยมีโอกาสเกิด recurrent rheumatic fever ได้ขณะตั้งครรภ์
ในกรณีของ valvular heart disease มีโอกาสเกิด bacterial endocarditis ได้ขณะคลอด
ทารก
โรคหัวใจชนิดที่มีภาวะ hypoxia เช่น cyanotic heart disease, pulmonary hypertension
มีโอกาสทำให้เกิดการแท้ง
การคลอดก่อนกาหนด
เพิ่มอัตราภาวะโตช้าในครรภ์ และทารกตายปริกำเนิด
มีโอกาสที่จะเป็นcongenital heart disease สูงกว่าปกติโดยเฉพาะในกรณีที่มารดาเป็นโรคหัวใจมาก่อน
อาการและอาการแสดงของภาวะหัวใจล้มเหลว
ไอบ่อย ไอมาก ไอเป็นเลือด
มีอาการหอบ เหนื่อยมาก
นอนราบไม่ได้- บวมที่ขา เท้า หรือบวมทั่วตัว หน้า แขน
คลำบริเวณหัวใจพบว่ามีหัวใจสั่น
อ่อนเพลียมาก หรือเป็นลมหมดสติ
การประเมินความรุนแรงของโรคหัวใจ
ประเมินครั้งแรกอายุครรภ์ 12-14 สัปดาห์
ประเมินอีกครั้งเมื่ออายุครรภ์ 28-32 สัปดาห์ เพราะเป็นช่วงที่ CO สูงสุด
สตรีที่เป็นโรคหัวใจเมื่อตั้งครรภ์ อาการจะรุนแรงขึ้นอีก 1 class
สตรีที่เป็นโรคหัวใจเมื่อตั้งครรภ์ class I และ class II สามารถตั้งครรภ์จนครบกำหนดได้
สตรีที่เป็นโรคหัวใจเมื่อตั้งครรภ์ class III ต้องนอนพักตลอดระยะการตั้งครรภ์
สตรีที่เป็นโรคหัวใจเมื่อตั้งครรภ์ class IV ไม่ควรตั้งครรภ์
ความรุนแรงของโรคหัวใจขณะตั้งครรภ์
Class I Uncompromised ไม่แสดงอาการ ผู้ป่วยปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้
Class II Slightly compromised มีอาการเล็กน้อย อยู่เฉยๆรู้สึกสบายดี แต่การทำงานปกติทำให้รู้สึกเหนื่อย
Class III Markedly compromised ต้องจำกัดกิจกรรม
Class IV Severely compromised ไม่สามารถทำงานใดๆได้
แนวทางการดูแลรักษาโรคหัวใจระหว่างการตั้งครรภ์
การควบคุมโรคด้วยยาต่าง ๆ
ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือดห้ามใช้ Warfarin(Coumadin)
การให้ beta blockers สัมพันธ์กับการกดการหายใจ อัตราเต้น ของหัวใจช้าลง และภาวะน้ำตาลต่ำในทารกแรกเกิด
Digitalis พิจารณาให้ในรายที่ โรคหัวใจ class III และ class IV
ยาที่ใช้ยับยั้งการหดรัดตัวของมดลูก เช่น ritodrine และ Turbutarine มีความสัมพันธ์กับกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
การทำแท้งเพื่อการรักษา
Heart disease group 3
Hx of heart failure ที่ยังไม่แก้ไขสาเหตุ
Heart disease class III, IV
มี carditis จาก rheumatic fever
การดูแลรักษาทั่วไป
Class I, II รับไว้ในโรงพยาบาล เมื่อมีภาวะแทรกซ้อน มีการเปลี่ยนแปลงของ functional class อายุครรภ์ 28-32 สัปดาห์ ก่อนคลอด 1-2 สัปดาห์
class III แนะนำ Therapeutic abortion ในไตรมาสเเรก หากไม่ต้องการบุตร แนะนำ Therapeutic abortion ในไตรมาสเเรก หากไม่ต้องการบุตร
class IV รักษาแบบโรคหัวใจล้มเหลว
ให้คำปรึกษาก่อนการตั้งครรภ์
ถ้าเป็น class I หรือ class II ที่ไม่เคยหัวใจล้มเหลวมาก่อนอนุญาตให้ตั้งครรภ์ได้ โดยอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
ผู้ป่วย class III และ class IV เป็น class II ที่เคยมีประวัติหัวใจล้มเหลวมาก่อน ไม่ควรแนะนำให้ตั้งครรภ์
การคุมกำเนิด
ทำหมันเมื่อ Cardiac output กลับสู่ปกติ
ห้ามทำหมันโดย laparoscope
ไม่ควรใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด
การใส่ห่วงคุมกำเนิดจะเพิ่มความเสี่ยงต่อ bacterial endocarditis
การดูแลในระยะตั้งครรภ์
จำกัดกิจกรรมด้านร่างกายเพื่อป้องกันCardiac ecompensationอาการเหนื่อย หัวใจเต้นเร็ว หายใจลำบาก หรือเจ็บหน้าอก
ไม่ควรให้น้ำหนักเพิ่มมากเกินไป
ป้องกันภาวะซีด
ป้องกันการติดเชื้อโดยเฉพาะ URI
ควรได้รับการดูแลร่วมกันระหว่างสูติแพทย์ และแพทย์ทางโรคหัวใจ
ลดอาหารเค็ม แต่ไม่จำเป็นต้องจากัดเกลือ
ดูแลให้ได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันภาวะซีด
การดูแลระหว่างเจ็บครรภ์
ควรพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะป้องกัน bacterial endocarditis ลดความเจ็บปวดด้วย epidural anesthesia แต่ถ้าไม่สามารถทำได้การใช้ Morphine หรือ Pethidine ร่วมกับ sedatives
ระวังการเกิด fluid overload
หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ทาให้หัวใจเต้นเร็วเช่น Atropine
Check V/S ทุก 15 นาที เพื่อป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลว
ให้นอนตะแคง ศีรษะสูง ให้ออกซิเจน 10 ลิตร/นาที
ระยะเบ่งคลอด จัดท่า Fowler’s หรือ Semirecumbent
หลังคลอดทันทีป้องกันภาวะช็อก และหัวใจล้มเหลว โดยใช้มือค่อยๆกดบนหน้าท้องส่วนบนเหนือสะดือ เพื่อเพิ่มความดันในช่องท้อง ชะลอการไหลกลับของเลือดเข้าสู่หัวใจ
นางสาวอมรรัตน์ ฟ้าแลบ ชั้นปีที่ 3 เลขที่ 89