Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะฉุกเฉินทางสูติศาสตร์ ภาวะแทรกซ้อนใน ระยะที่ 1-2 ของการคลอด,…
ภาวะฉุกเฉินทางสูติศาสตร์
ภาวะแทรกซ้อนใน
ระยะที่ 1-2 ของการคลอด
มดลูกแตก (uterine rupture)
ชนิดของมดลูกแตก
มดลูกแตกแบบสมบูรณ์ (complete uterine rupture)
มดลูกแตกแบบไม่สมบูรณ์ (incomplete uterine rupture)
สาเหตุ
ก่อนคลอด
มดลูกได้รับการบาดเจ็บจาการกระแทก
มดลูกมีการยืดขยายมาก เช่น ครรภ์แฝด แฝดน้ำ
มดลูกมีการหดรัดตัวแรงตลอดเวลา
ขณะคลอด
ดันยอดมดลูกขณะคลอด
ล้วงรกแบบติดแน่น
การทำคลอดท่าก้น
ความผิดปกติของมดลูกก่อนการตั้งครรภ์
เคยผ่าตัดที ตัวมดลูก
เคยผ่าตัดทางหน้าท้อง แบบ classical C/S
อาการ
อาการและอาการแสดงเตือนว่ามดลูกใกล้จะแตก
ตรวจพบหน้าท้องแบ่งเป็น 2 ลอนสูงเกือบถึงระดับสะดือ (bandl’s ring)
ปวดท้องรุนแรง
มดลูกหดรัดตัวรุนแรงหรือแข็งตลอดเวลา มีอาการเจ็บครรภ์มาก
FHR ไม่สม่ำเสมอ
อาการและอาการแสดงว่ามดลูกแตก
มดลูกคลายตัว
มดลูกแตกบางส่วน เลือดจะออกช้า
ท้องโป่งตึง ปวดท้องอย่างรุนแรง
อาการเจ็บครรภ์หายทันที
ภาวะแทรกซ้อน
มารดา
Peritonitis
ด้านจิตใจ
ช็อกจากการเสียเลือด
เสียชีวิต
ทารก
ทารกขาดออกซิเจนอย่างรุนแรง
ได้รับบาดเจ็บจากการช่วยคลอดอย่างเร่งด่วน
เสียชีวิต
การรักษา
มีอาการแสดงมดลูกใกล้แตก set C/S Emergency
มดลูกแตกแล้ว: แก้ไขภาวะช็อก เตรียมเลือด ให้ออกซิเจน ถ้ามดลูกแตกไม่รุนแรง: เย็บซ่อมมดลูก
ให้ยาปฏิชีวนะ
กิจกรรมการพยาบาล
การป้องกันการเกิดภาวะมดลูกแตก
ประเมินและวินิจฉัยปัจจัยเสี่ยง
สตรีที่ C/S แนะนำคุมกำเนิดและเว้นระยะการมีบุตรอย่างน้อย 2 ปี
แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์หลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนบริเวณมดลูก
ระยะคลอด ควรติดตามความก้าวหน้าของการคลอดอย่างใกล้ชิด
ในผู้คลอดที่ได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
การพยาบาลเมื่อเกิดภาวะมดลูกแตก
ประเมินอาการแสดงของการตกเลือดและอาการแสดงของภาวะช็อก
ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกและเสียงหัวใจของทารกอย่างต่อเนื อง
V/S ทุก 5 - 10 นาที
เตรียมผู้คลอดให้พร้อมสำหรับการผ่าตัดคลอด เตรียมอุปกรณ์
ดูแลให้ได้รับเลือดทดแทนและออกซิเจนอย่างเพียงพอ
ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะ
NPO และ IVF ตามแผนการรักษา
เฝ้าระวัง PPH
ปลอบโยน ให้กำลังใจผู้คลอดและครอบครัว
มดลูกปลิ้น (Uterine inversion)
ชนิด
Complete uterine inversion
Incomplete uterine inversion
สาเหตุและปัจจัยส่งเสริม
การใช้แรงดันยอดมดลูกระหว่างการคลอด
รกเกาะแน่น : placenta accreta, placenta increta
การทำคลอดรกไม่ถูกวิธี
อาการและอาการแสดง
เลือดออกมากหลังจากรกคลอดทันที
เจ็บปวดมาก โดยเฉพาะบริเวณท้องน้อย
คลำหน้าท้องได้ร่องบุ๋ม ไม่พบมดลูก
รู้สึกตุงในช่องคลอด
ภาวะแทรกซ้อนต่อมารดา
Hypovolemic shock อาจเสียชีวิตได้
Pain shock
ติดเชื้อ
ภาวะโลหิตจาง
ตัดมดลูก ส่งผลให้ไม่สามารถมีบุตรได้อีก
การวินิจฉัย
ตรวจหน้าท้อง คลำไม่ได้ยอดมดลูก / มีรอยบุ๋ม
ตรวจภายใน คลำได้ก้อนเนื้อที ปากมดลูก/ในช่องคลอด/นอกช่องคลอด ถ้ารกไม่หลุดจะเห็นรกติดมา
อาการ และอาการแสดง มีอาการตกเลือด ปวดท้องน้อยรุนแรง ช็อก
การรักษา
IVF ตามแผนการรักษา
ใช้ผ้าชุบน้้าเกลือคลุมและกดผนังมดลูกที ปลิ้นออกมา
ดันมดลูกกลับภายใต้การวางยาสลบ
กรณีรกยังไม่ลอกตัว แยกรกจากผนังมดลูกที่ปลิ้นออกมา ใช้ฝ่ามือส่วนปลาย หงายนิ้วขึ้นและดันมดลูกกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมตามแนวหนทางคลอด
เมื่อมดลูกกลับสู่ต้าแหน่งเดิม ให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
ในรายที่ช็อกให้แก้ไขภาวะช็อกก่อนดันมดลูกกลับ
กิจกรรมการพยาบาล
การป้องกันภาวะมดลูกปลิ้น
ประเมินและวินิจฉัยปัจจัยเสี่ยง
ทำคลอดรกหรือช่วยคลอดรกอย่างถูกวิธี
การพยาบาลเมื่อเกิดภาวะมดลูกปลิ้น
ใช้ผ้าชุบน้ำเกลืออุ่นๆคลุมและกดผนังมดลูกไว้
ประเมินปริมาณและลักษณะเลือดที่ออกทางช่องคลอด
ประเมินสัญญาณชีพทุก 5 นาทีและประเมินอาการแสดงของภาวะช็อก
ดูแลให้ได้รับยาต่างๆตามแผนการรักษา
ดูแลให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ เลือดทดแทน และออกซิเจน
แนะนำเทคนิคการบรรเทาความเจ็บปวดโดยไม่ใช้ยา
อธิบายให้ผู้คลอดและครอบครัวทราบเกี่ยวกับภาวะที่เกิดขึ้น
ภายหลังการดันมดลูกกลับเข้าที่เดิม
เตรียมผู้คลอดให้พร้อมสำหรับการผ่าตัด
ภาวะน้ำคร่ำอุดกั้นหลอดเลือดในปอด (amniotic fluid embolism)
สาเหตุและปัจจัยส่งเสริม
การหดรัดตัวของมดลูกถี และรุนแรง
ถุงน้ำคร่ำแตก
ทารกตายในครรภ์เป็นเวลานาน
รกลอกตัวก่อนกำหนด
อาการและอาการแสดง
กระสับกระสาย หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก
หายใจล้มเหลว
มีอาการเขียวทั่วร่างกาย (cyanosis)
เกิดภาวะน้ำท่วมปอด
ความดันโลหิตต่ำเฉียบพลัน
ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์
มารดา
ตกเลือด ช็อก
เสียชีวิต
การหายใจล้มเหลว
DIC
ทารก
ขาดออกซิเจนและเสียชีวิต (ถ้ายังไม่คลอด)
การวินิจฉัย
อาการและอาการแสดง
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การรักษา
ให้สารละลายทางหลอดเลือด เพิ่มปริมาตรเลือด
ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก
ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง ให้ออกซิเจน on ET tube
ถ้าทารกยังไม่คลอด ประเมินทารกและรีบให้การผ่าตัดคลอดอย่างเร่งด่วน
เตรียมยาในการช่วยชีวิตผู้คลอดถ้ามีความดันโลหิตต่ำ
เจาะเลือดประเมินความเข้มข้นเลือด การแข็งตัวของเลือด
ประเมินการเสียเลือดทางช่องคลอด
กิจกรรมการพยาบาล
การป้องกันภาวะน้ำคร่ำอุดกั้นหลอดเลือดในปอด
ประเมินและวินิจฉัยปัจจัยเสี่ยง
ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกอย่างใกล้ชิด
ประเมินสัญญาณชีพและอาการแสดง
หลีกเลี่ยงการตรวจทางช่องคลอด
การพยาบาลเมื่อเกิดภาวะน้ำคร่ำอุดกั้นหลอดเลือดในปอด
ประเมินและบันทึกปริมาณสารน้ำที่เข้าและออกจากร่างกาย
ติดตามภาวะการแข็งตัวของเลือด ภาวะเลือดออกง่าย
ดูแลให้ผู้คลอดได้รัยยา เลือด หรือสารประกอบของเลือดตามแผนการรักษา
เตรียมผู้คลอดให้พร้อมสำหรับการช่วยคลอด
ประเมินและบันทึกการหดรัดตัวของมดลูกและเสียงหัวใจทารกตลอดเวลา
เตรียมอุปกรณ์ช่วยฟื้นคืนชีพ
ประเมินและบันทึกสัญญาณชีพ หรือ CVP
ระยะหลังคลอด เฝ้าระวังภาวะตกเลือด
NPO / IVF และให้ออกซิเจนตามแผนการรักษา
อธิบายให้ผู้คลอดและครอบครัวทราบเกี่ยวกับภาวะที่เกิดขึ้น
จัดให้ผู้คลอดนอนท่าศีรษะสูง
สายสะดือย้อย/ พลัดต่ำ (prolapsed of umbilical cord)
ชนิด
Forelying cord/cord presentation/ funic presentation
Overt prolapsed cord / complete prolapsed cord
Occult prolapsed cord
ปัจจัยส่งเสริม
การเจาะถุงน้้า ในรายที่ส่วนน้ายังสูงอยู่
สายสะดือยาวกว่า 75 เซนติเมตร
ถุงน้้าคร่ำแตกก่อนที่ส่วนน้าจะลงช่องเชิงกราน
ท่าผิดปกติ
การวินิจฉัย
ตรวจร่างกาย
ตรวจทางช่องคลอด คลำพบสายสะดือ หรือคลำได้ชีพจรของเส้นเลือดแดงของสายสะดือ
ซักประวัติการดิ้นของทารก การแตกของถุงน้้าคร่ำ
ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์
มารดา
อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการใช้สูติศาสตร์
ผลกระทบด้านจิตใจในกรณีที่ทารกเกิดภาวะ fetal distress หรือทารกในครรภ์เสียชีวิต
ทารก
เสียชีวิต ถ้าได้รับการช่วยเหลือไม่ทัน
อาจได้รับบาดเจ็บจากการใช้สูติศาสตร์หัตถการช่วยคลอด
ทารกขาดออกซิเจน
กิจกรรมการพยาบาล
การป้องกันภาวะสายสะดือพลัดต่ำ
ประเมินเสียงหัวใจของทารกทันทีภายหลังถุงน้้าคร่ำแตก
ดูแลให้ผู้คลอดนอนพักบนเตียงหลังถุงน้้าคร่ำแตก
แนะน้ามาโรงพยาบาลทันทีเมื่อมีการแตกของถุงน้้าคร่ำ
ในรายที่แพทย์ทำการเจาะถุงน้ำ ควรช่วยเหลือแพทย์ในการเจาะถุงน้้าคร่ำอย่างถูกวิธี
การพยาบาลเมื่อเกิดภาวะสายสะดือพลัดต่ำ
ประเมินและบันทึกเสียงหัวใจทารกทุก 5 นาที และ EFM
NPO IVF ตามแผนการรักษา
ดูแลให้ผู้คลอดได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
เตรียมผู้คลอดและอุปกรณ์ให้พร้อมสำหรับการทำให้กระเพาะปัสสาวะโป่งตึง
ลดการกดสายสะดือจากส่วนนำ โดยสอดมือเข้าในช่องคลอดแล้วดันส่วนน้าของทารกไว้ขณะมดลูกคลายตัว
ดูแลให้ได้รับยาคลายตัวมดลูก (tocolytic drug) ตามแผนการรักษา
ใช้ผ้าชุบน้้าอุ่นคลุมไว้และไม่ควรใช้มือดันกลับเข้าไป เพราะอาจทำให้เกิด umbilical artery spasm
เตรียมอุปกรณ์ทำคลอด อุปกรณ์สำหรับการช่วยคลอด
ดูแลให้ผู้คลอดนอนในท่าที่ช่วยป้องกันส่วนนำของทารกลงมากดสายสะดือ
เตรียมผู้คลอดให้พร้อมสำหรับการช่วยคลอดด้วยสูติศาสตร์หัตถการหรือการผ่าตัดคลอด
อธิบายให้ผู้คลอดและครอบครัวทราบ
รกค้าง (Retained placenta)
สาเหตุ
Umbilical cord compression
Uteroplacental insufficiency
1) Uterine hyperactivity
2) Maternal hypotension
3) Placenta dysfunction
อาการ
ทารกมีภาวะเลือดเป็นกรด
ทารกดิ้นน้อยลง
มีขี้เทาในน้้าคร่ำ (meconium stained of amniotic fluid)
อัตราการเต้นของหัวใจทารกผิดปกติ (abnormal FHR pattern)
ผลกระทบต่อภาวะสุขภาพ
มารดา
เกิดความกลัวหรือวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะสุขภาพทารกในครรภ์
ทารก
เกิดภาวะทุพลภาพอย่างถาวรหรือรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต
การประเมินและวินิจฉัย
ตรวจร่างกาย
การตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษ
3.1 Normal FHR pattern คือ FHR 110-160 bpm มี minimal (<5 bpm) to moderate (6-25bpm) variability และมี/ไม่มี acceleration
3.2 Fetal stress FHR ที บ่งชี้ว่าผิดปกติแต่ยังไม่ถือว่ารุนแรงจนเกิด fetal distress จะพบ tachycardia (FHR > 160 bpm), moderate to severe variable deceleration หรือ late deceleration และมี minimal to moderate variability หรือมี sinusoidal FHR pattern
3.3 Fetal distress คือ มี moderate to severe variable deceleration หรือ late deceleration และไม่มี variability หรือพบ bradycardia (FHR < 110 bpm)
3.4 Reassuring variable deceleration คือ พบ FHR deceleration แต่สามารถกลับเข้าสู่ baseline ได้อย่างรวดเร็ว และ baseline ของ FHR ไม่เพิ่มขึ้น baseline FHR variability ไม่ลดลง
3.5 Non-reassuring variable deceleration คือ มีภาวะ fetal stress ร่วมกับ fetal distress จะพบ tachycardia หรือ bradycardia, variable deceleration หรือ late deceleration ลดลงหรือหายไป
ซักประวัติการดิ้นของทารก การแตกของถุงน้้าคร่ำ ลักษณะ สี ปริมาณของน้้าคร่ำ
การแบ่งกลุ่ม NICHD และ ACOG
Category II
1) Baseline
2) Baseline FHR variability
3) Accelerations
4) Periodic or episodic decelerations
Category III
1) Absent baseline FHR variability and any of the following
Recurrent variable decelerations
Bradycardia
Recurrent late decelerations
2) Sinusoidal pattern
Category I
Baseline FHR variability: moderate
Late or variable deceleration: absent
Baseline rate: 110-160 bpm
Early deceleration: present or absent
Acceleration: present or absent
กิจกรรมการพยาบาล
การป้องกันทารกในครรภ์อยู่ในภาวะคับขัน
แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์มาตรวจตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
ระยะคลอด ดูแลให้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ และจัดท่านอนศีรษะสูง
แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์สังเกตอาการผิดปกติที่ต้องพบแพทย์ทันที
ดูแลให้ได้รับ IVFตามแผนการรักษา
แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์สังเกตและนับการดิ้นของทารก
ประเมินและบันทึกการหดรัดตัวของมดลูกและเสียงหัวใจทารกในครรภ์ตามระยะของการคลอด
ดูแลการได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกตามแผนการรักษา
ประเมินและวินิจฉัยความเสี่ยง
รายทีjมีการแตกของถุงน้้าคร่ำ ควรประเมินลักษณะน้้าคร่ำ ตรวจภายใน และประเมินเสียงหัวใจทันที
ดูแลให้การคลอดดำเนินไปตามปกติ
การพยาบาลเมื่อทารกในครรภ์อยู่ในภาวะคับขัน
หยุดยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
เตรียมผู้คลอดสำหรับการทำ amnioinfusion และช่วยเหลือแพทย์ในการทำหัตถการ
ดูแลให้ออกซิเจนและสารละลายทางหลอดเลือดดำ
เตรียมผู้คลอดสำหรับการช่วยคลอดด้วยสูติศาสตร์หัตถการหรือการผ่าตัดคลอด
ประเมินและบันทึกเสียงหัวใจทารกอย่างต่อเนื่องด้วย EFM
อธิบายให้ผู้คลอดและครอบครัวทราบถึงภาวะที่เกิดขึ้น
จัดให้นอนตะแคงซ้าย
รายงานกุมารแพทย์ และเตรียมอุปกรณ์ช่วยฟื้นคืนชีพทารกให้พร้อมใช้
ทารกในครรภ์อยู่ในภาวะคับขัน (fetal distress)
ชนิดของรกเกาะลึก
Placenta increta
Placenta percreta
Placenta accreta
สาเหตุ
ขาดกลไกการลอกตัวของรก
ขาดกลไกการขับดัน ทำให้รกไม่อออกมาภายนอก
สาเหตุส่งเสริม
3.1 ทำคลอดรกก่อนรกลอกตัว
3.2 เคยมีประวัติรกค้าง
3.3 เคยทeหัตถการทีjส่งเสริมให้รกค้าง
3.4 มดลูกผิดปกติ
อาการและอาการแสดง
มีเลือดออกทางช่องคลอดมากหลังคลอดรก
มีบางส่วนของรก/ membrane หายไป
มดลูกหดรัดตัวไม่ดีหลังคลอด
มารดากระสับกระส่าย ชีพจรเบาเร็ว ตัวเย็นซีด เหงื่อออก ความดันต่ำ ระดับความรู้สึกตัวลดลง ช็อก
ไม่มีการลอกตัวของรก หรือมีน้อย ระยะหลังคลอดรกนาน 15-30 นาที
ผลต่อมารดา
เสี่ยงติดเชื้อจากการรกค้างหรือการล้วงรก
เสี่ยงตัดมดลูกจากรกฝังตัวแน่น
ตกเลือดหลังคลอด จากรกไม่ลอกตัว มดลูกไม่หดรัดตัว
การรักษา
ให้ยาเพื่อให้ปากมดลูกคลายตัว
ถ้าให้ยาแล้วรกไม่ลอกตัว พิจารณาล้วงรก
ให้ยาช่วยกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
กิจกรรมการพยาบาล
ช่วยเหลือการคลอดรกที่ยังค้างอยู่ภายในโพรงมดลูก
ถ้าตรวจดูแล้ว ปรากฏว่าไม่มีอาการแสดงของรกลอกตัวสมบูรณ์ ห้ามทำ Modified crede’maneuver
4.2 ผู้ทำคลอด ตรวจภายในช่องคลอดประเมินสภาพปากมดลูกหรือกล้ามเนื้อส่วนล่าง
4.3 ลองทำคลอดรกด้วยวิธี controlled cord traction ถ้าดึงแล้วยังติดอยู่ ห้ามดึงต่อ
4.1 ตรวจการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูก
1) สวนปัสสาวะ
2) ใช้ฝ่ามือคลึงเบาๆที ยอดมดลูก
ตรวจดูอาการแสดงต่างๆของรกที่ลอกตัวสมบูรณ์
รายงานแพทย์เตรียมทำหัตการล้วงรก
ช่วยเหลือการคลอดรกที่ลอกแล้วแต่ค้างอยู่ภายในช่องคลอด
นางสาวองุ่น กาศสกุล รหัส 603901044 เลขที่ 43