Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การเปลี่ยนแปลงของสตรตั้งครรภ์, สมาชิกในกลุ่มที่ 5, 1.อาการแสดงที่คาดว่าจะต…

- - - - ไตรมาส 3 รูปร่างมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นมดลูกขยายใหญ่ขึ้นรู้สึกอึดอัดและอับอายในรูปร่างของตนเอง ทำให้มีความรู้สึกทางเพศลดลง
- - - - เพิ่มขึ้นร้อยละ 30-50 เพิ่มสูงสุดในช่วงอายุครรภ์ 20-24 สัปดาห์ และจะกลับมาสู่ระดับปกติไตรมาสที่ 3 หรือตอนอายุครรภ์ 36 สัปดาห์
    - - ความต้านทานของหลอดเลือด จะลดลงในไตรมาสแรก และจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเมื่อครรภ์ครบกำหนดตอนช่วงคลอดจะลดต่ำ ลงมาได้ถึง ร้อยละ 40
    - - ปริมาตรเลือดจะเพิ่มขึ้น 45% จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในไตรมาสที่สองและค่อย ๆ คงที่ในไตรมาสสุดท้าย
    - - plasma จะเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 50
    - - (Hb,Hct) อาจลดลงเล็กน้อยจนเกิดภาวะ Physiologic anemia หรือ pseudoanemia ของการตั้งครรภ์ ไม่ใช่ภาวะโลหิตจางที่แท้จริง
    - - มีการผลิตมากถึง14000-16000 cell/ml ระยะคลอดถึงหลังคลอดพบสูงขึ้นถึง25,000
    - - จะลดลงเล็กน้อย หรือในบางรายอาจไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง
    - - ปัจจัยการแข็งตัวของเลือดจะเพิ่มขึ้นเล้กน้อย โดย Factor I หรือ fibrinogen จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 50
    - - เพิ่มขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ ประมาณ 15 bpm/min ทั้งนี้อาจสูงขึ้นอีกถ้ามีปัจจัยกระตุ้นอื่น เช่น ออกกำลังกาย เครียด การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ หรือยา เป็นต้น
    - - จะลดลงในระหว่างการตั้งครรภ์ ตั้งแต่อายุครรภ์ 8 สัปดาห์ จนต่ำสุดในช่วง 24-28 สัปดาห์ ซึ่ง diastolic จะลดลงมากกว่า systolic ลดลงถึง 10 mmHgความดันโลหิตต่ำลงทันทีเมื่อนอนหงาย เรียกว่า supine hypotension สาเหตุเกิดมาจากเมื่อนอนหงาย มดลูกจะกดทับเส้นเลือดใหญ่ ทำให้มี arterial hypotension
  - - - diastolic murmur
      - continuous murmur
      - systolic murmur
- - - - ถ้าหญิงตั้งครรภ์เกิดอาการท้องผูกเป็นประจำอาจทำให้เกิดริดสีดวงทวารตามมา
- - - - น้ำ
        
        ความต้องการน้ำที่เพิ่มขึ้นนี้ร่างกายนำไปสร้างเป็นน้ำคร่ำ และใช้ผลิตน้ำนมเพื่อเลี้ยงทารก ส่วนทารกเองก็ใช้น้ำเพื่อการเจริญเติบโตตลอดระยะเวลาที่อยู่ในครรภ์
        
        ร่างกายของหญิงมีครรภ์และแม่ที่กำลังให้นมบุตรมีความต้องการมากกว่าก่อนตั้งครรภ์ประมาณ 750 ซีซี หรือ1 ลิตร ต่อวัน
        
        โดยเฉลี่ประมาณ0.5 kg ต่อสัปดาห์ ในระยะหลังของการตั้งครรภ์แต่ถ้าเพิ่มน้อยกว่า 1 kg ต่อ เดือน หรือเพิ่มมากกว่า 3 kg ต่อเดือน จะต้องค้นหาสาเหตุ เพราะอาจเกิดจากภาวะปัญหา สุขภาพของสตรีตั้งครรภ์ ละทารกในครรภ์ได้
        
        ตารางการเพิ่มของน้ำหนักตัวในระหว่างการตั้งครรภ์
- - - - หากตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะมากขึ้น
      - น้ำนมจะถูกขับออกทางปัสสาวะอาจตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะ ไม่ถึง 1+
- - - - ข้อต่อ Sacroiliac และ Sacrococcygeal joint เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้น
      - กระดูก Symphysis pubis จะแยกออกได้ประมาณ 3-4 มิลลิเมตร
        
        รู้สึกเดินลำบาก
        
        การทรงตัวไม่ค่อยดี
      - Pelvic cartilages อ่อนนุ่ม
    - - จะดึงรั้ง Round ligament ที่ยึดมดลูกกับช่องเชิงกราน ทำให้รู้สึกเจ็บ แปล๊บเมื่อขยับตัวรวดเร็ว
      - จะกดเบียดเส้นประสาทและเส้นเลือดทำให้สตรีตั้งครรภ์รู้สึกปวดถ่วง ปวดชาและตะคริว
  - - - จากการสร้างเม็ดสีผิวเพิ่มมากขึ้น
      - บริเวณลานนม หัวนม รักแร้ อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก และเส้นแนวกลางหน้า บางรายอาจมีฝ้า
      - สีผิวและฝ้าจะจางลงภายหลังคลอด
    - - ซึ่งเกิดจากการยืดขยายของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (connective tissues) และการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมน cortisol
      - ลักษณะเป็นแนวเส้นสีแดง เป็นริ้วๆ สีชมพูแดง
      - บริเวณท้อง เต้านม ก้นและต้นขา
      - การขยายของเส้นเลือดดำบริเวณขาร่วมกับเส้นเลือด inferior vena cava ถูกกด ทำให้เกิด เส้นเลือดขอด และ ริดสีดวงทวารได้ง่าย สิว จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีต่อมเหงื่อและต่อมไขมันบริเวณใบหน้าเพิ่มขึ้น
  - - - จุดศูนย์ถ่วงเลื่อนมาข้างหน้าเพื่อรักษาสมดุลของการทรงตัว
      - สันหลังมีการโค้งแอ่น
      - ศีรษะยื่นมาข้างหน้า
      - ก้นโค้งงอนมากขึ้น
      - เคลื่อนไหวไม่สะดวก อาจเดินเซหรือหกล้มได้ง่าย
      - มีการปวดหลัง บริเวณคอและไหล่
- - - - เอสโตรเจน (estrogen) จะส่งสัญญาณย้อนกลับ (negative feedback) ไปยับยั้งการสร้าง FSH จากต่อมใต้สมองไม่ให้มากระตุ้นการสร้างฟองไข่และการตกไข่อีกในระหว่างการตั้งครรภ์ เมื่อตัวอ่อนฝังตัวที่เยื่อบุโพรงมดลูกดีแล้วและรกเริ่มทำงานแล้วรังไข่ก็จะลดบทบาทลง
- - - - 4.อาการเหนื่อยล้ามาก (fatigue)
      - 5.ความรู้สึกว่าเด็กดิ้นครั้งแรก (quickening)
      - 3.อาการถ่ายปัสสาวะบ่อย (frequent urination or disturbance in urination)
      - 6.การเปลี่ยนแปลงของเต้านม (changes in the breast)
      - 2.อาการคลื่นไส้ (nausea with or without vomiting)
      - การเปลี่ยนแปลงของสีผิวและการเกิดรอยแตกของผิวหนัง (increased skin pigmentation and appearance of abdominal striae)
      - 1.การขาดประจำเดือน (cessation of menstruation or Amenorrhea)
      - การเปลี่ยนสีของเยื่อบุช่องคลอด (discoloration of the vaginal mucosa)
  - - - 3.การเปลี่ยนแปลงของมดลูกและปากมดลูก (changes in the uterus and the cervix) ได้แก่ Goodell 's sign Hegar' s sign และ McDonald 's sign
      - 4.การขยับคลอนทารก (ballottement)
      - 2.การหดรัดตัวของมดลูก (Braxton Hicks contractions)
      - 5.คลำขอบเขตตัวทารกได้ (palpation of fetal outline)
      - 1.หน้าท้องโตขึ้น (enlargement of the abdomen)
      - 6.ได้ยินเสียงของหลอดเลือดมดลูก (uterine souffle)
      - 7.การตรวจพบฮอร์โมน human chorionic gonadotropin (hCG)
  - - - เห็นการเคลื่อนไหวและคลำส่วนต่างๆของทารกได้ fetal movement and fetal parts)
      - เห็นทารกผ่านทางคลื่นเสียงความถี่สูง visualization of the fetus by ultrasound)
      - 1.ได้ยินเสียงหัวใจทารก (fetal heart sound)
      - 4.การใช้รังสีเอกซเรย์ (radiological demonstration)