Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การวินิจฉัยแยกโรคและการรักษาโรคเบื้องต้นด้านปัจจุบันพยาบาล:…
การวินิจฉัยแยกโรคและการรักษาโรคเบื้องต้นด้านปัจจุบันพยาบาล: ภาวะฉุกเฉินและอุบัติเหตุ
1 กลุ่มผู้มีภาวะเสียโลหิตช็อกหมดสติหยุดหายใจ
ประเภท
Hypovolemic shock
สาเหตุ
external blood loss หรือ internal blood loss ,Water and electrolyte loss ,Burn
อาการและอาการแสดง
ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการเสียเลือด
การรักษา
เสียเลือดให้เลือด เสียน้ำให้น้ำ และการรักษาตามอาการและประคับประคอง
Neurogenic shock
อาการและอาการแสดง
อาการเป็นลม ซึ่งเกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ ผู้ป่วยจะมีมือเท้าอุ่น และผิวหนังแดงจากผลของหลอดเลือดขยายตัว
การรักษา
เรื่องของออกซิเจน ในผู้ป่วยที่ช็อคจาก high spinal/epidural anesthesia หรือ spinal cord injury ควรให้สารน้ำให้เพียงพอ
รักษาตามอาการและประคับประคอง
สาเหตุ
จากจิตใจ เช่น ความเจ็บปวดหรือความกลัว, ความตกใจ เช่น เห็นเลือด, ได้ข่าวร้าย
สาเหตุอื่น ๆ เช่น อวัยวะภายในโดนดึงรั้ง เช่น acute gastric dilatation, spinal cord injury
Anaphylactic shock
อาการและอาการแสดง
แน่นหน้าอกหายใจไม่ออก, คลื่นไส้, อาเจียน, ผิวหนังเป็นผื่นคัน, ความดันโลหิตต่ำ, หัวใจเต้นเร็ว, ผิวหนังอุ่น ถ้าแก้ไขไม่ทันอาจหมดสติและตายในที่สุด
การรักษา
นอนราบหัวต่ำ ดูแลเรื่องการหายใจ ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
ฉีด adrenaline 1 : 1000 1 มล.
สาเหตุ
จากการแพ้ยา สาร ต่างๆ
Endocrine shock
อาการและอาการแสดง
ความดันเลือดต่ำจนถึงช็อค โดยไม่สัมพันธ์กับการเสียเลือดระหว่างและหลังผ่าตัด
อาเจียน ท้องเสีย และอุณหภูมิกายลดต่ำร่วมด้วย
การรักษา
ให้ corticosteroid ก่อน ระหว่างและหลังผ่าตัด
ให้ hydrocortisone 100 มก. IV ตามด้วย 300 มก. ในเวลา 24 hr IV rate 10 มก./ชั่วโมง
สาเหตุ
ไม่สามารถผลิต cortisol ออกมาในปริมาณมากพอกับความต้องการ
ภาวะที่ร่างกายมีภาวะ ติดเชื้อ ผ่าตัดหรืออุบัติเหตุ หรือในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วย prednisolone มาเป็นเวลานาน
Septic shock
การรักษา
ยาฆ่าเชื้อ การรักษาประคับประคอง
อาการและอาการแสดง
มีไข้ ผิวหนังอุ่น สีชมพู จากผลของหลอดเลือดขยายตัว conscious และ urine output จะดี
สาเหตุ
สารพิษของเชื้อโรค (endotoxin) เชื้อแบคทีเรียกรัมลบ
Cardiogenic shock
อาการและอาการแสดง
ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตตก ปัสสาวะออกน้อย หายใจเหนื่อยหอบ
การรักษา
ให้ยา antiarrhythmic ในรายที่หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ให้ diuretic ในราย fluid/blood overload
ให้ยา coronary vasodilator ในรายที่กล้ามเนื้อหัวใจตาย
สาเหตุ
จากหัวใจเองเช่น ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน โรคของลิ้นหัวใจ ผนังหัวใจarrhythmia หรือสาเหตุนอกหัวใจ เช่นcardiac tamponade pulmonary embolism,
2 กลุ่มผู้ที่ได้รับสารพิษ
แอสไพริน
ระคายต่อเยื่อบุผนังลำไส้
ช่วงแรก ภายใน12 hr pH จะเป็นแบบ respiratory alkalosis เริ่มมีอาการกระวนกระวายสับสน หัวใจเต้นเร็ว จากนั้น pH ในเลือดจะเป็น metabolic acidosis
หลังจาก 24 ชั่วโมง ผู้ป่วยจะมีอาการซึม ชัก และ coma ถึงตายได้
การรักษาแบบประคับประคอง
1 แก้ปัญหา Dehydration โดยให้สารน้ำให้เพียงพอ
คอยระวัง alkalemia และ acidemia เป็นระยะๆ
Respiratory support ในรายที่มีอาการทางสมอง
แก้ปัญหา Hypokalemia จะต้องให้ potassium ให้เพียงพอ
น้ำมันก๊าด เบนซิน ทินเนอร์
ชัก ถ้าสำลักเข้าไปในปอดทำให้ปอดอักเสบ
ปวดศีรษะ ซึม ตามัว มือเย็นและชา อ่อนเพลีย ความจำเสื่อม ใจสั่น ความคิดสับสน ซีด เจ็บในปาก
อาเจียน ปอดบวมน้ำ วิงเวียน ชีพจรเบา และเต้นไม่สม่ำเสมอ
การช่วยเหลือเบื้องต้น
ห้ามให้ผู้ป่วยอาเจียนโดยเด็ดขาด
ยานอนหลับกลุ่มบาร์บิทูเรต
กินเกินขนาดมากๆ จะทำให้ซึม พูดลิ้นพันและ nystagmus หรือ ataxia
ได้รับยามากจะมีอาการ coma ไม่ค่อยรู้ตัว หายใจตื้นและช้า เหงื่อออก ตัวเย็น ตัวเขียว รูม่านตาขยายโต และไม่หดเมื่อถูกแสง
การรักษา
การรักษาโดยการประคับประคองผู้ป่วย โดย ให้การช่วยหายใจโดย respirator และรักษาอาการ shock ดี
ยาฆ่าแมลงประเภทออร์แกโนฟอสเฟต
การแก้พิษเบื้องต้น
1.หากหายใจขัดให้ใช้เครื่องช่วยหายใจทันที
2.หากเข้าปาก รีบทำให้อาเจียน
3.หากสัมผัสผิวหนัง รีบล้างออกด้วยสบู่ และน้ำจำนวนมากๆ ถ้าเข้าตาต้องล้างด้วยน้ำมากๆ หากเปื้อนเสื้อผ้า รีบเปลี่ยนใหม่ทันที
รีบนำผู้ป่วยส่งแพทย์ทันที พร้อมภาชนะบรรจุและฉลากวัตถุมีพิษนั้น
ปวดศีรษะ เหงื่อออก น้ำลายฟูมปาก น้ำตาไหล อาเจียน ท้องเดิน กล้ามเนื้อกระตุก ชัก หอบ ตาลาย รูม่านตาหดเล็ก
การรักษา
Atropine sulfate ครั้งแรก 2-4 mg IM หรือIV และให้อีก 2 mg ทุกๆ 30-60 นาที จนกว่าคนไข้มีอาการดีขึ้น
2-PAM ควบคู่ไปกับ Atropine sulfate โดยให้ 1 กรัม
ล้างทางเดินอาหารด้วย Manital 20 % จำนวน 200 มิลลิลิตร
สารเคมีกำจัดแมลงประเภทคาร์บาเมท
การแก้พิษเช่นเดียวกับในผู้ป่วยที่ได้รับสารเคมีกำจัดแมลงที่มีฟอสฟอรัส
การรักษา
ให้ Atropine sulfate 1-4 mg IMหรือ IV ให้อีกทุกๆ 15-60 นาที
ห้ามให้ 2-แพม ในรายที่ไดัรับ carbamates
สารเคมีกำจัดแมลงที่มีคลอรีนเป็นองค์ประกอบ
การแก้พิษเช่นเดียวกับในผู้ป่วยที่ได้รับสารเคมีกำจัดแมลงที่มีฟอสฟอรัส
การรักษา
กิน Activated charcoal แล้วให้ยาถ่ายพวก Saline cathartic (ห้ามให้ Fat หรือ Oil)
ล้างทางเดินอาหารด้วยแมนนิทอล 20 % จำนวน 200 มิลลิลิตร
3 กลุ่มผู้ที่จมน้ำ ไฟไหม้ น้ำร้อนลวกและไฟฟ้า
ประเภทของแผลไหม้
Electrical injury
Chemical injury
Thermal injury
ความร้อนแห้ง เช่นแผลที่เกิดจากเปลวไฟ
ความร้อนเปียก เช่นแผลที่เกิดจากน้ำร้อน
Radiation injury
การประเมินความลึกของแผลไหม้
First degree burn
Second degree burn
Third degree burn
การประเมินความกว้างและขนาดของแผล
คำนวณเป็นเปอร์เซนต์ของพื้นที่ผิวกาย (% TBSA : percent of total body surface area)
การให้การพยาบาลผู้ป่วยแผลไหม้
ระยะฉุกเฉิน
ปัญหาที่พบในระยะ 24-72 ชั่วโมงแรก โดยเฉพาะใน 48 ชั่วโมงแรก ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อชีวิต
ระยะวิกฤต
ปัญหาที่พบ ได้แก่ การติดเชื้อของแผล ภาวะทุโภชนาการ ความเจ็บปวด ปัญหาทางด้านจิตใจ รวมไปจนถึงภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
ระยะฟื้นฟู
แผลหายจะกลับบ้านส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ของส่วนต่างๆของร่างกายที่ไม่เหมือนเดิม อาจเกิดจากการหดรั้งของแผล
4 กลุ่มผู้มีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา หู คอ จมูก
Eye emergency
blunt trauma
เปลือกตาฉีก
ประคบด้วยน้าเย็น แล้วส่งต่อ
มีเลือดออกใน anterior chamber
Absolute bed rest ศีรษะสูง 30 -40 องศา
ปิดตาทั้ง 2 ข้าง
ให้ยาแก้ปวด ** ส่งต่อ
ตาบวม เขียวช้า มีเลือดออก อาจมี fracture ร่วมด้วย
ทำแผล *ส่งต่อ
สิ่งแปลกปลอมเข้าตา
โลหะติดแน่น เคือง ตา ปวดตา และ น้ำตาไหล
-หยอดยาชา(ถ้าสามารถทาได้)
-ให้ยาแก้ปวด
**ส่งต่อทันที
สารเคมีเข้าตา อาจเป็นกรด หรือ ด่าง
ล้างตาด้วย NSS นานประมาณ ½ ชั่วโมง ใช้ NSS อย่างน้อย 2 ลิตร
**ส่งต่อ
ตาแดงรอบๆ กระจกตา
ปิดตา
**ส่งต่อทันที
เยื่อบุตาฉีกขาด
ยอดยาปฏิชีวนะ หรือ ป้ายยาปฏิชีวนะแล้วส่งต่อ
แก้วตาทะลุ
ห้ามหยอดตา ห้ามป้ายตา ห้ามปิดตา
งดอาหารและน้า -ใช้ที่ครอบตา หรือแว่นตา
ให้ยาป้องกันบาดทะยัก (ตามแนวทางมาตรฐาน)
*
ส่งต่อ
Ear emergency
มีบาดแผลฉีกขาดที่ใบหู
•ทาแผล
•ให้ยาแก้ปวด
•ส่งต่อ เพื่อเย็บแผล
มีเลือดหรือ CSF ไหล ออกจากหู
•Absolute bed rest
*ส่งต่อ
สิ่งแปลกปลอมเข้าหู
วัตถุต่างๆ เข้าหู ปวดหูมาก
•ตรวจดูถ้ามองเห็นอยู่ตื้นๆ คีบออกด้วย ear forceps ได้
•ถ้าคีบไม่ออกหรือมองไม่เห็นให้ส่งต่อ
แมลงเข้าหู
•จะปวดหูมาก ถ้าแมลงยังไม่ตายจะมีเสียงผิดปกติในหู
•ให้ส่องไฟฉาย แมลงมีชีวิตอาจคลานออกมาเอง
•ถ้าแมลงตายอยู่ตื้น ให้คีบออก
•แมลงยังมีชีวิตอยู่ และไม่เห็นตัว และเยื่อแก้วหูไม่ทะลุให้หยอดหูด้วยน้ามันหรือแอลกอฮอล์ 70 % หรือ glycerine borax
•เมื่อแมลงตายแต่ไม่ออก ควรส่งต่อเพื่อล้างหู
หูอื้อ ปวดหู จากการเปลี่ยนแปลงของแรงดันบรรยากาศ
•แนะนาให้กลืนหรือทา valsalva
•ให้ยาแก้ปวดและยา decongestant (เช่น pseudoephedrine)
•ถ้าอาการไม่ดีขึ้นให้ส่งต่อ
Throat emergency
สิ่งแปลกปลอมขนาดเล็ก
ก้างปลา กระดูกสัตว์ ลวดเย็บผ้า
•มีอาการเจ็บเวลากลืนทุกครั้ง (ถ้าเจ็บเป็นบางครั้ง อาจจะหลุดไปแล้ว)
• ถ้ามองเห็นและอยู่ตื้น ให้คีบออกโดยใช้ laryngeal mirror เพื่อช่วย ให้มองเห็นชัด
•ถ้าอยู่ลึกหรือมองไม่เห็นส่งต่อแพทย์
สิ่งแปลกปลอมขนาดใหญ่
•หายใจลาบาก
•สาลัก เขียว และหยุดหายใจ
ทำ Heimlich maneuver หรือ abdominal thrust ทันทีในที่เกิดเหตุ โดยโอบหลังเอามือประสานกัน กดลงที่ท้องส่วนบน
สิ่งแปลกปลอมที่กลืนลงท้องไปแล้วอาจเป็นอันตราย
ต้องการวินิจฉัยเพิ่มเติม
การติดเชื้อที่กล่องเสียงมักเป็นในเด็ก
•ให้ออกซิเจน
•ส่งต่อ
Nasal emergency
เลือดกาเดาไหลร่วมกับมีประวัติโรคประจำตัว
•ให้ผู้ป่วยนั่งก้มศีรษะมาด้านหน้าเล็กน้อย
•บีบจมูกแน่นๆ ประมาณ 5-8 นาที โดยให้หายใจทางปากแทน
•ประคบบริเวณจมูกด้วยน้าเย็น
•ส่งต่อไปสถานบริการที่มีความพร้อม
สิ่งแปลกปลอมเข้าจมูกส่วนใหญ่มักพบในเด็ก
•ถ้ามองเห็นให้คีบออก โดยใช้ nasal forceps
•ถ้ามองไม่เห็นและเด็กดิ้นมาก ให้ส่งต่อ
5 กลุ่มผู้ที่ถูกสัตว์มีพิษและไม่มีพิษกัดต่อย
Human bite
สำหรับบาดแผลเหวอะหวะ
ให้การดูแลบาดแผล
ให้ยาป้องกันบาดทะยัก
ประเมินสัญญาณชีพ ซักถามประวัติ
ส่งต่อไปสถานบริการที่มีความพร้อม
สำหรับบาดแผลเล็กน้อย
นัดตรวจติดตามการรักษา
กรณีแผลติดเชื้อรุนแรง หรือมีไข้ให้พิจารณาส่งต่อ
ให้ยาป้องกันบาดทะยัก
ให้ยาปฏิชีวนะ
ไม่ควรเย็บทันที ยกเว้นบาดแผลที่ใบหน้า
ให้การดูแลบาดแผล ล้างด้วย NSS
Snake bite
งูไม่มีพิษ
อาจมีอาการปวด บวม มีเลือดออกไม่มาก ผู้ป่วยไม่มีอาการผิดปกติอื่นใดที่ชัดเจน
การรักษาเบื้องต้น/ส่งต่อ
ให้ทำความสะอาดบาดแผลด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
ให้การรักษาตามอาการ
ให้ยาป้องกันบาดทะยัก
สังเกตอาการ และนัดตรวจซ้ำเพื่อติดตามการรักษา
งูพิษ
neurotoxin
งูเห่า จงอาง สามเหลี่ยม
มึนงง เวียนศีรษะ หนังตาตก ลืมตาไม่ขึ้น
ขากรรไกรแข็ง อ้าปากไม่ขึ้น อ่อนเพลีย หมดแรง กระวนกระวาย
หายใจลำบาก
หมดสติและ ตาย
hematotoxin
งูแมวเซา งูเขียวหางไหม้ งูกะปะ
ปวดมาก บวมมาก
มีเลือดออกจากแผลเหงือก ไรฟัน ริมฝีปาก
มีจ้ำเลือด
มีปัสสาวะเป็นเลือด
กระสับกระส่าย ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตลดต่ำลง
ปวดท้อง
หมดสติ
myotoxin
งูทะเล
ปวดเมื่อยตามแขนขา ลำตัว เอี้ยวคอลำบาก
กลอกตาไม่ได้
ไม่สามารถเคลื่อนไหวแขน ขา และร่างกายได้
กล้ามเนื้ออักเสบรุนแรง
ระบบปัสสาวะล้มเหลว (ปัสสาวะเป็นสีน้ำโค้ก)
ระบบหายใจล้มเหลว
Animal bite
ถูกกัด ถูกข่วนเป็นแผลเดียว หรือหลายแผล และมีเลือดออก ถูกเลีย หรือมีน้ำลาย
การรักษาเบื้องต้น/ส่งต่อ
ล้างด้วยน้ำสบู่มากๆและรักษาบาดแผล
ส่งต่อไปสถานพยาบาลที่มีความพร้อมในการให้ยาป้องกันพิษสุนัขบ้า
ถูกงับเป็นรอยช้ำที่ผิวหนังไม่มีเลือดออก ถูกข่วนที่ผิวหนัง ไม่มีเลือดออก หรือ ออกเพียงซิบ
การรักษาเบื้องต้น/ส่งต่อ
ล้างด้วยน้ำสบู่มากๆและรักษาบาดแผล
ส่งต่อไปสถานบริการที่มีความพร้อมในการให้ยาป้องกันพิษสุนัขบ้า
ถูกต้องสัตว์ หรือ ป้อนน้ำ ป้อนอาหาร ผิวหนังไม่มีรอยถลอก
ถูกและสัมผัสน้ำลาย หรือเลือดสัตว์ ผิวหนังไม่มีแผลหรือรอยถลอก
การรักษาเบื้องต้น/ส่งต่อ
ล้างบริเวณสัมผัส ด้วยน้ำสบู่มากๆ
ไม่ต้องฉีดวัคซีน
6 การสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน และเซรุ่ม
วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าที่มีจำหน่ายในประเทศไทย
Lyssavac N (Purified Duck Embryo Cell Rabies Vaccine; PDEV) ให้ฉีด IM ปริมาตรรวม 1 ml
SII Rabivax (Human Diploid Cell Rabies Vaccine; HDCV) ให้ฉีดIM ปริมาตรรวม 1 ml
Rabipur (Purified Chick Embryo Cell Rabies Vaccine; PCECVฉีด IM และ ID ปริมาตรรวม 1 ml
Verorab (Purified Vero Cell Rabies Vaccine; PVRV) IM และ ID ปริมาตรรวม 0.5 ml
การนัดฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
แบบIM ฉีด5 ครั้ง ครั้งละ 1 dose ในวันที่ 0, 3, 7, 14 และแบบ ID
นางสาวลูกน้ำ กุมภัณฑ์ รหัสนักศึกษา 604991053