การกระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการเด็ก
ความหมาย
การกระตุ้นพัฒนาการเด็ก :
การกระทำ หรือจัดกิจกรรมที่กระตุ้น ความสามารถและทักษะในการทำหน้าที่ตามพัฒนาการของเด็กที่มีพัฒนาการช้า หรืออยู่ที่ รพ.นานๆ
เพื่อฟื้นฟูความสามารถและทักษะในการทำหน้าที่ให้ใกล้เคียงเด็กปกติที่อยู่ในวัยเดียวกันพึงกระทำได้
การส่งเสริมพัฒนาการเด็ก :
การกระทำ หรือการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมทักษะ และความสามารถในการทำหน้าที่ตามพัฒนาการของเด็กที่มีพัฒนาการปกติ
เพื่อให้เด็กสามารถบรรลุข้ั้นพัฒนาการได้โดยง่าย หรือได้เร็วขึ้น
แนวคิดในการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก
การส่งเสริมการกระตุ้นพัฒนาการเด็ก
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการกระตุ้นพัฒนาการเด็ก
พันธุกรรม เป็นตัวกำหนดศักยภาพของร่างกายและสติปัญญา
สิ่ิงแวดล้อม เป็นตัวพัฒนาเสริมแต่งหรือบั่นทอนศักยภาพที่ได้มา
- ตัวเด็ก : เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน(ต้องคำนึงถึงความพร้อม สุขภาพเด็ก) ความสัมพันธ์ของบุคคลอื่น
- ผู้ดูแลเด็ก
- จำนวนครั้งที่ได้รับการกระตุ้น
- ระยะเวลาในการกระตุ้น
- สภาพแวดล้อม
ขั้นตอนของการกระตุ้นพัฒนาการเด็ก
- ประเมินพัฒนาการ
- วิเคราะห์ปัญหา
- วางแผนการจัดโปรแกรมการกระตุ้นพัฒนาการเด็ก
- การกระตุ้นพัฒนาการเด็กตามแผนที่วางไว้อย่างสม่ำเสมอ
- การประเมินผล(ความก้วหน้า ความสำเร็จ)
4 ช่วง
1) แรกเกิด - 6 เดือน
2) 6 - 12 เดือน
3) 1 - 2 ปี
4) 2 - 4 ปี
2) 6 - 12 เดือน
- ด้านการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ : นั่งเอง ยืนเกาะเก้าอี้ เกาะเดิน ยืนตั้งไข่
- ยื่นนิ้วให้เด็กจับเพื่อพยุงตัวเดิน
- ของเล่นที่ลากได้
- ด้านการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก : จับลูกบาศก์ 2 ก้อนมาโขกกันได ้หยิบด้วยนิ้วหัวแม่มือและนิ้วอื่น
- หัดจับช้อน ป้อนอาหาร และถือถ้วยน้ำดื่ม
- ให้หัดหยิบจับ เคาะ เขย่า จิ้ม
- ด้านความเข้าใจและการใช้ภาษา : เรียกพ่อแม่ได้ เลียนเสียงพูดเป็นคำๆ
- ใช้คำพูดและท่าทางประกอบ
- พูดคุยกับเด็กในขณะที่ทำกิจวัตรประจำวัน
- ด้านการช่วยเหลือตนเอง-สังคม : ชี้บอกเมื่อต้องการของ เล่นจ๊ะเอ๋,ตบมือ
- เล่นเกมส์ง่ายๆ และร้องเพลงกล่อมเด็ก
- หัดให้โบกมือลา ไหว้ทักทาย
1) แรกเกิด - 6 เดือน
- ด้านการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ : ยกศีรษะ นอนคว่ำ เหนี่ยวไหล่
- อุุ้มชูให้บ่อยคร้ั้ง
- เปลี่ยนท่าให้บ่อยๆ ขณะที่เด็กตื่นอยู่
- ด้านการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก : มองตามวัตถุ คว้าจับ
- แขวนของเล่นเบาๆที่เคลื่อนไหวหรือหมุนได ้
- เขย่าของเล่นที่มีเสียงให้หัดจับทิศทางของเสียง
- ด้านความเข้าใจและการใช้ภาษา : หัวเราะ หันตามเสียง
- ใช้ของเล่นที่มีเสียงเมื่อเคาะ
- ร้องเพลงกล่อมเด็ก
- ด้านการช่วยเหลือตนเอง-สังคม : มองหน้าผู้ที่อยู่ใกล้ชิด ยิ้มตอบ
- เล่นจั๊กจี้แล้วยิ้มด้วย
- พาไปเดินเล่นนอกบ้าน ให้คุ้นเคยกับคนแปลกหน้า
3) 1 - 2 ปี
- ด้านการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ : เดินได้ดี เดินถอยหลังได้ เตะ ขว้างลูกบอล ขึ้นบันได
- ลากของเล่น
- ปีนป่าย
- ด้านการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก : ขีดเขียน ล้วงลูกเกดในขวด
- ของเล่นที่มีรูหรือหลุม
- ดินสอ สี
- ด้านความเข้าใจและการใช้ภาษา : พูดคำติดต่อกัน 2 คำ ทำตามคำสั่งง่ายๆ
- หัดนับเลข
- สอนเรียกชื่อ
- ด้านการช่วยเหลือตนเอง-สังคม : ใช้ช้อนรับประทานอาหาร ช่วยงานบ้านง่ายๆ
- กระตุ้นให้เด็กป้อนข้าวตัวเองด้วยช้อน
- ยกย่องชมเชยเมื่อลูกทำได้
4) 2 - 4 ปี
- ด้านการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ : กระโดด 2 ขา กระโดดขาเดียว ยืนขาข้างเดียว 5s
- เล่นเกมที่มีการกระโดด วิ่ง
- เต้นรำ ขยับโยกตัวไปมาตามจังหวะ
- ด้านการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก : ลอกแบบวงกลม วาดรูปคนมีส่วนต่างๆของร่างกาย 3 ส่วน
- ระบายสีและวาดรูป
- ป้ันดินน้ำมัน ปั้นแป้ง
- ด้านความเข้าใจและการใช้ภาษา : บอกชื่อเล่นและชื่อของตน เข้าใจความหมายของหนาว เหนื่อย หิว รู้จักสีอย่างน้อย 3 สี
- ตั้งใจฟังเด็กพูด
- เล่านิทานสั้นที่มีรูปประกอบ
- ด้านการช่วยเหลือตนเอง-สังคม : เล่นเกมที่มีปฏิสัมพันธ์กัน เช่น วิ่งไล่จับ ติดกระดุมเสื้อ แต่งตัว
- ให้เล่นเกมที่มีกฎเกณฑ์ง่ายๆ
- พาไปสวนสัตว์ สวนสาธารณะ
การกระตุ้นทารก
การกระตุ้นประสาทการได้ยิน
การกระตุ้นประสาทการได้กลิ่น
การกระตุ้นประสาทการมองเห็น
การกระตุ้นประสาทการรับรส
การกระตุ้นประสาทสัมผัสทางกาย
การกระตุ้นการเคลื่อนไหวแขนขาและข้อต่อ
การนวดและสัมผัสทารก
วัตถุประสงค์
✅ เพื่อกระตุ้นการทำงานของกล้ามเน้ื้อและอวัยวะ
✅ เพื่อกระตุ้นพัฒนาการด้านต่างๆ
✅ เป็นการเชื่อมโยงสายใยความรัก
✅ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
⚠ ข้อควรระวัง
- ไม่ควรทำหลังจากเด็กอิ่มใหม่ๆ
- ถ้าเด็กไม่ร่วมมือควรหยุดก่อน
ท่าที่ 1 ท่าที่คาดผม
นวดบริเวณศีรษะ และหน้า : เป็นท่าที่ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของกลา้มเนื้อบริผเวณใบหน้า
ท่าที่ 2 ท่ายิ้มแฉ่ง
นวดบริเวณศีรษะ และหน้า : ช่วยกระตุ้นการกิน การดูดกลืนของทารก และยังช่วยบรรเทาความเจ็บปวดในช่วงที่ฟันกำลังเริ่มขึ้น
ท่าที่ 3 ท่าเปิดหนังสือ
นวดอก : ช่วยเสริมจังหวะการทำงานของปอดและหัวใจให้ดีข้ึน ช่วยให้เด็กหายใจได้อย่างปลอดโปร่ง
ท่าที่ 4 ท่ารถเมล์จอดป้าย
ท่าที่ 5 ท่าวนไปรอบๆ
นวดแขน : ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดต่างๆ บริเวณกล้าเนื้อแขนและมือ และกระตุ้นระบบการไหลเวียนโลหิตจากปลายแขนกลับสู่หัวใจ นวดแขนทีละข้าง
ท่าที่ 6 ท่า I
ท่าที่ 7 ท่า LOVE
ท่าที่ 8 ท่า YOU
นวดท้อง : นวดท้อง(ท่า I Love You) เป็นท่านวดกระตุุ้นระบบทางเดินอาหาร เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของกล้ามเนื้อระบบทางเดินอาหาร
วัตถุประสงค์
✅ เพื่อกระตุ้นการมองเห็น
✅ เพื่อส่งเสริมให้เด็กกระตือรือร้น
✅ เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการทางสมอง
วิธีการกระตุ้น
- ติดภาพขาวดำที่มีลักษณะคล้ายแถบหมากรุกใกล้ที่นอนเด็ก
- หาของเล่นที่เป็นรูปทรงเลขาคณิต มีแถบขาวดำให้เอื้อมจับ
- แขวนโมบายที่เป็นสีขาวดำ
- อายุ 6 เดือนขึ้นไปควรหาของเล่นที่มีสีสันตัดกันมาให้เล่น
- หมั่นพูดคุยกับเด็ก
- เปิดเพลงที่มีดนตรีเบาๆให้ฟังบ้างเป็นบางครั้งเมื่อเด็กจะนอน
- หาดอกไม้ที่มีสีสันสดใสและมีกลิ่นต่างๆมาให้เด็กฝึกแยกกลิ่นต่างๆ
- หากลิ่นที่แตกต่างกัน มาให้เด็กแยกแยะกลิ่น
- ควรจัดสภาพแวดล้อมของเด็กให้ปราศจากกลิ่น โดยเฉพาะเด็กป่วยที่
ช่วยเหลือตนเองได้น้อย
- หยดน้ำเจือน้ำตาลลงบนลิ้นเด็ก
- ใช้นิ้วเปียกแตะเกลือ วางบนลิ้นเด็ก
- หยดน้ำมะนาว 1 - 2 หยด บนลิ้นเด็ก
- หยดน้ำต้มมะระ 1 – 2 หยด บนลิ้นเด็ก
วัตถุประสงค์
✅ เพื่อป้องกันข้อติดยึด
✅ เพื่อคงไว้ซึ่งการเคลื่อนไหวตามปกติ
วิธีการกระตุ้น
- Abduction
- Adduction
- Flexion
- Circonduction
- Rotation
- Internal rotation
- External rotation
- Extension
การปรับพฤติกรรม
หลักการ
เทคนิคการปรับพฤติกรรมในเด็ก
หลักการเสริมแรง
หลักการลงโทษ
- ก่อนจะใช้วิธีลงโทษ ควรประเมินว่าอาการไม่พึงประสงค์มีผลต่อการกระทำชนิดใด และอยู่ในสถานการณ์ใด
- ควรเลือกใช้เทคนิคที่มีความรุนแรงน้อยที่สุด
- ควรใช้การลงโทษควบคู่กับการเสริมแรงพฤติกรรมที่เหมาะสม จะช่วยให้การลงโทษมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- การลงโทษ ต้องให้ทันทีและทุกครั้งที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
- ต้องบอกให้ทราบถึงเงื่อนไข พฤติกรรม และวิธีการลงโทษที่ชัดเจน
- ควรมีการบันทึกพฤติกรรมก่อนการลงโทษและหลังการลงโทษ เพื่อเป็นแนวทางให้ทราบว่าการลงโทษนั้นๆมีประสิทธิภาพหรือไม่
- กำหนดเงื่อนไขว่าจะให้แรงเสริมชนิดใดกับพฤติกรรมอะไร
- ให้เสริมแรงสม่ำเสมอทันทีเมื่อต้องการสร้าง หรือเพิ่มพฤติกรรม เช่น เมื่อเด็กทำดีให้ชมทุกครั้ง
- ให้ปริมาณการเสริมแรงที่พอเหมาะ
- เลือกตัวเสริมแรงที่เหมาะสมกับความต้องการของเด็กและมีความหลากหลาย
- จัดสถานการณ์ที่เอื้ออำนวยที่ทำให้เด็กได้รับการเสริมแรงสูง เช่น การชี้แนะ หรือการเลียนแบบ
- สิ่งสำคัญ คือ บิดามารดา หรือ ผู้ดูแล ไม่ควรคาดหวังเด็กมากเกินไป บรรยากาศไม่ควรเคร่งเครียด
1. เพิ่มพฤติกรรม
: การช่วยให้พฤติกรรมที่เด็กมีอยู่แล้วแต่ยังมีน้อยมากให้ความถี่ของพฤติกรรมสูงขึ้น เพิ่มให้เด็กใช้เวลาอ่านหนังสือเรียนเป็นวันละ 1 ชม.ทุกวัน
2. สร้างพฤติกรรม
: การสอนให้เด็กทำพฤติกรรมที่ไม่เคยทำมาก่อน หรือทำได้แต่ไมสมบูรณ์ ให้ทำพฤติกรรมนั้นได้อย่างสมบูรณ์ เช่น สอนให้ใส่เสื้อผ้าเอง
3. ลดพฤติกรรม
: การลดหรือขจัดพฤติกรรมที่เป็นปัญหา เช่น ลดพฤติกรรมก้าวร้าว รังแกผู้อื่น
น.ส.ปาจารีย์ วิเศษศักดิ์
UDA6280124