Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การป้องกันและช่วนเหลือเด็กที่ได้รับอุบัติเหตุ, น.ส.ธวัลรัตน์ นุชเครือ…

- - - - น้ำเค็ม(Hypertonic solution)เกิดภาวะpulmonary edema
      - เกิดภาวะhypovolemiaระดับเกลือแร่สูง หัวใจเต้นผิดจังหวะ ช็อก
    - - น้ำจืด(Hypotonic solution)ซึมเข้าโลหิตปอดลดลง
      - เกิดhypervolemicเกลือแร่ หัวใจเต้นผิดจังหวะ
        เม็ดเลือดแดงแตกhemolysis
  - - - อุ้มเด็กพาดบ่าแล้วเขย่ากระทุ้งบริเวณหน้าท้อง
      - ไม่ควรทำเพราะน้ำที่ออกมาเป็นน้ำในกระเพาะ
        และเด็กอาจช้ำจากแรงกระแทก
    - - กรณีเด็กรู้สึกตัว
        
        รีบเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า ใช้ผ้าคลุมตัวให้อุ่น
        
        จัดท่านอนตะแคงกึ่งคว่ำแล้วส่งโรงพยาบาลโดยดร็ว
      - กรณีเด็กที่หมดสติ
        
        เช็คมีลมหายใจอยู่ไหม หัวใจเต้นหรือเปล่า
        ถ้าไม่โทรเรียกหน่วยรถพยาบาล
        
        ช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานโดยนวดหัวใจสลับกับการช่วยหายใจ
- - - - พลิกเด็กนอนหงายบนแขนข้างหนึ่งวางบนหน้าตักศีรษะต่ำกดหน้าอกใช้2นิ้วกดบนกระดูกหน้าอกที่กว่าเส้นลากระหว่างหัวนมลงมาหนึ่งความกว้างนิ้วมือ
      - ทำซ้ำจนกว่าสิ่งแปลกปลอมหลุดออกมา
      - เคาะหลัง5ครั้งติดเคาะแถวกึ่งกลางระหว่างกระดูกสะบัก
      - เด็กหมดสติให้ประเมินการหายใจ ชีพจรช่วยเหลือการหายใจสลับเคาะหลังและกดหน้าอก
      - วางเด็กคว่ำบนแขนและวางแขนลงหน้าตักให้ศีรษะเด็กอยู่ต่ำ
    - - เด็กพูดไม่ได้หรือมีอาการหนัก
        เช่น หายใจลำบาก ซีด เขียว ให้กดหน้าท้อง
        
        กำมือเป็นกำปั้นวางด้านข้างบนกึ่งกลางหน้าท้องเหนือสะดือ
        
        กดให้แรงมีทิศเข้าด้านในเฉียงขึ้นบน
        
        ผู้ช่วยยืนด้านหลังอ้อมแขนด้านหน้า
      - กดซ้ำจนสิ่งแปลกปลอมหลุดออกมา
      - กระตุ้นเด็กไอเอง
      - เด็กหมดสติให้ประเมินการหายใจ ชีพจรช่วยเหลือการหายใจสลับและกดท้อง
      - กดท้องเด็กหมดสติ
        
        เด็กอยู่ท่านอนราบผู้ช่วยนั่งคร่อมเด็ก
        
        วางสันมือบนท้องสูงกว่าสะดือกดในทิศเข้าด้านในเฉียงขึ้นกด5ครั้ง
        
        เปิดปากสำรวจดูสิ่งแปลกปลอมหลุดออกมาหรือไม่กลางท้อง
  - - - 100-120ครั้ง/นาที
      - กึ่งกลางท่อนล่างกระดูกอก
      - ลึก5-6ซม(2.0-2.4นิ้ว)
      - กดใช้สองมือ
    - - 100-120ครั้ง/นาที
      - กึ่งกลางท่อนล่างกระดูกหน้าอก
      - ลึก5ซม(1/3ความหนาของทรวงอก)
      - กดใช้มือเดียว อีกข้างเปิดทางเดินหายใจ
    - - 100-120ครั้ง/นาที
      - กึ่งกลางท่อนล่างกระดูกหน้าอก
      - ลึก4ซม(1.5นิ้วหรือ1/3ความหนาทรวงอก)
      - ใช้นิ้วมือสองนิ้วอีกข้างเปิดทางเดินหายใจ
  - - - กดหน้าผู้ใหญ่เด็กโตทารกอัตราส่วนการกดหน้าอกและการช่วยหายใจ 30:2
      - ตำแหน่งกดและอัตราเร็วเท่ากัน
      - ความลึกและลักษณะการใช้มือในการกดต่างกัน
    - - อัตราส่วนการกดหน้าอกและการช่วยหายใจสำหรับเด็ก 15:2
- - - - บริเวณพื้นที่ของแผล แผลใหญ่ทำให้ร่างกาย
        เสียน้ำ โปรตีน เกลือแร่ ภาวะช็อก โอกาสติดเชื้อ
      - แผลขนาด1ฝ่ามือเท่ากับ1%ของผิวหนังทั่วร่างกาย
      - พื้นที่ของร่างกาย
        
        ผู้ใหญ่ หัว9% หลัง18% หน้าอก18%
        แขนข้างละ9% เพริเนี่ยม1% ขาข้างละ18%
        
        เด็ก หัว18% หลัง18% หน้าอก18% แขนข้างละ9%
        เพริเนี่ยม1% ขาข้างละ13.5 %
    - - เกิดที่มือหรือข้อพับอาจทำให้มีแผลดึงรั้งเหยียดไม่ได้
      - เกิดใบหน้าอาจเป็นแผลเป็น
  - - - แผลที่ทำลายเซลล์หนังกำพร้าชั้นผิวนอก
      - แผลหายเร็วและสนิท ไม่เกิดแผลเป็น ยกว้นติดเชื้ออักเสบ
    - - ชนิดตื้น(Superficial partial
        -thickness burn)
        
        แผลที่ทำลายหนังกำพร้าชั้นผิวนอกและในสุดและหนังแท้ส่วนตื้น
        
        หายภายใน2-3สัปดาห์ไม่เกิดแผลเป็น(ยกเว้นรายติดเชื้อ)
        
        พุพองเป็นตุ่มน้ำใสเล็กใหญ่ ผิวหนังหลุดปวดแสบปวดร้อน
      - ชนิดลึก(Deep partial-
        thickness burns)
        
        แผลที่ทำลายหนังแท้ส่วนลึก ไม่มีตุ่มพอง แผลเหลืองขาวแห้งไม่ปวด
        
        โอกาสเป็นแผลเป็น ไม่มีติดเชื้อซ้ำ หายใน3-6สัปดาห์
        
        ใช้ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่ช่วยแผลไม่ติดเชื้อ
    - - แผลที่ทำลายหนังกำพร้าและหนังแท้ รวมทั้งต่อมเหงื่อ ขุมขน เซลล์ประสาท อาจถึงกล้ามเนื้อหรือกระดูก
      - ไม่เจ็บปวดผิวหนังแท้ที่ถูกทำลาย(Hypertrophic scar or keloid)
      - โอกาสเกิดแผลหดรั้งทำให้ข้อยึดติดตามมาสูง
  - - - นิยมใช้1%ซิลเวอร์ซัลฟาไดอาซีน มีฤทธิ์กว้าง-ภาวะแทรกซ้อน2-3วันแรก
      - แผลกว้าง แพทย์ให้สารน้ำริงเกอร์แลกเตท
    - - บาดแผลระดับที่2 ขนาดมากกว่า 30%
      - บาดแผลระดับที่3 ขนาดมากกว่า 10% เป็นแผลรุนแรง
      - แผลหายช้ากว่า3อาทิตย์หรือหายหลังทำผ่าตัดปลูกถ่ายผิวหนังให้ใส่ผ้ายืดป้องกันแผลเป็นนูนหนาตามข้อพับอาจเกิดแผลดึงรั้ง
- - - - กระดูกหักไม่มีบาดแผลที่ผิวหนัง กระดูกไม่โผล่ออกนอกผิวหนัง
    - - แผลลึกถึงกระดูกหรือกระดูกหักแทงออกนอกเนื้อ
      - อาจตกเลือดรุนแรง เส้นประสาทถูกทำลาย
        ติดเชื้อง่าย อาจสูญเสียแขนขาได้
  - - - กระดูกแตกออกเป็น2ชิ้น
    - - กระดูกทั้ง2ด้านได้รับแรงกด แตกทั้ง2ด้าน
      - เด็กเล็กกระดูกมักหักฝังที่แขน
    - - กระดูกแตกด้านเดียว อีกด้านโก่งตามแรงกด
      - เด็กเล็กมักเป็น เพราะกระดูกยืดหยุ่นมากกว่าผู้ใหญ่
  - - - แผลใหญ่หรือเลือดไหลไม่หยุดให้หาสายรัด
        (เชือก สายไฟ เน็คไท ผ้าพันคอ)
      - ผูกผ้ารัดเหนือบาดแผลแน่นๆ(คลายสายรัดทุก15นาที
        คลายครั้งละ30-60วินาที)
      - เลือดไม่หยุดให้รัดกระชับเข้าใหม่
    - - ดามชั่วคราวใช้แผ่นไม้ พลาสติกแข็ง ไม้บรรทัด วางแนบส่วนที่หัก
      - ปลาย2ข้างคลุมข้อเหนือใต้ส่วนหัก
      - มีสิ่งนุ่มๆรองรับผิวหนังของอวัยวะส่วนนั้น รัดทั้งหมดเข้าด้วยกัน
    - - ดามส่วนที่หักแล้วให้หาถุงน้ำแข็งประคบทันทีระหว่างรอรถพยาบาล
      - ใช้ผ้าบางพันรอบของที่เย็นก่อนเลี่ยงโดนน้ำแข็งกัด
      - ช่วยลดอาการปวด บวมอักเสบ ลดการไหลของเลือด
      - ประคบนาน20นาทีจนชาแล้วเอาออก ยกช่วงกระดูกที่หักสูงขึ้น
    - - อย่าดึงข้อหรือจัดกระดูกด้วยตนเอง บริเวณที่ดามอยู่ท่าที่สบาย
      - ส่วนที่หักเป็นปลายแขนหรือมือใช้ผ้าคลองคอ
      - ส่วนหักเป็นนิ้วมือใช้ไม้ไอกรีมดาม
      - กระดูกหักโผล่นอกเนื้อห้ามดึงกระดูกเข้าที่
        สิ่งสกปรกเข้าแผล ควรใช้ผ้าสะอาดปิดปากแผล
      - กระดูหักตรงขาส่วนบน สันหลังศีรษะ คอ
        อุ้งเชิงกรานสะโพก ไม่เคลื่อนไหวร่างกาย
      - งดดื่มน้ำหรืออาหารเนื่องจากอาจต้องผ่าตัด
- - - - เนื้อเยื่อไหม้พอง ได้แก่ สารละลายพวก
        กรดด่างเข้มข้น น้ำยาฟอกขาว
    - - อาการปวดแสบปวดร้อนและอักเสบต่อมา ได้แก่
        ฟอสฟอรัส สารหนู อาหารเป็นพิษ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์
    - - หมดสติหลับลึก ปลุกไม่ตื่น ม่านตาหดเล็ก
        ได้แก่ ฝิ่น มอร์ฟีน พิษจากงูบางชนิด
    - - อาการเพ้อคลั่ง ใบหน้าและผิวหนังเเดง ตื่นเต้นชีพจรเต้นเร็ว ช่องม่านตาขยาย ได้แก่ ยาอะโทรปีน ลำโพง
  - - - ทำให้สารพิษเจือจางด้วยนม
      - ส่งโรงพยาบาลเพื่อล้างท้องเอาสารพิษออกจากกระเพาะ
      - อาเจียนเพื่อเอาสารพิษออกจากกระเพาะอาหาร
      - ข้อห้ามในการทำให้ผู้ป่วยอาเจียน ได้แก้ หมดสติ
        พิษชนิดกัดเนื้อ รับประทานสารพิษน้ำมันปิโตรเลียม
        
        ให้สารดูดซับพิษ ลดการดูดซึมพิษเข้าร่างกาย
        
        สารที่ผลดีคือ Activated charcoal เป็นผงถ่านสีดำ ใช้1ช้อนโต๊ะละลายน้้ำ1แก้ว อาจใช้ไข่ขาว3-4ฟองตีให้เข้ากัน
    - - อาการและ
        อาการแสดง
        
        ไหม้พอง ร้อนริมฝีปาก ลำคอ ท้อง คลื่นไส้อาเจียน กระหายน้ำ ช็อคได้แก่ ชีพจรเบา ผิวหนังเย็นชื้น
      - กรดด่าง สารเคมีที่พบในชีวิตประจำวัน กรดซัลฟริก กรดไฮโดรคลอริก โซเดียมคาร์บอเนต
      - การปฐมพยาบาล
        
        รู้สึกตัวดีให้ดื่มนม
        
        อย่าให้อาเจียน
        
        รีบนำส่งโรงพยาบาล
    - - น้ำมันก๊าด เบนซิน ยาฆ่าแมลงชนิดน้ำมัน
      - อาการและ
        อาการแสดง
        
        แสบร้อนบริเวณปาก คลื่นไส้อาเจียน อาจสำลักเข้าปอดทำให้หายใจมีกลิ่นน้ำมัน
        
        อัตราการหายใจและชีพจรเพิ่ม อาจขาดออกซิเจน หรือเขียวปลายมือปลายเท้า(Cyanosis)
      - การปฐมพยาบาล
        
        รีบส่งโรงพยาบาล
        
        ห้ามทำให้อาเจียน
        
        ระหว่างส่งโรงพยาบาล ผู้ป่วยอาเจียนให้จัดศีรษะต่ำป้องกันการสำลักเข้าปอด
    - - อาการและอาการแสดง
        
        ยาแอสไพริน
        
        หูอื้อ เหมือนเสียงกระดิ่งในหู ได้ยินลดลง เหงื่อออกมาก
        
        ปลายมือปลายเท้าแดง ชีพจรเร็ว คลื่นไส้อาเจียน หายใจเร็ว ใจสั่น
        
        ยาพาราเซตามอล
        
        คลื่นไส้อาเจียน ง่วงซึม เหงื่ออกมาก ความดันโลหิตต่ำ สับสน เบื่ออาหาร
      - การปฐมพยาบาล
        
        ทำให้สารเจือจาง
        
        ทำให้อาเจียน
        
        ให้สารดูดซับสารพิษที่อาจเหลือในทางเดินอาหาร
    - - ก๊าซที่ทำให้ร่างกาย
        ขาดออกซิเจน
        
        เป็นลมหมดสติถึงแก่ความตาย เช่น คาร์บอนมอนนอกไซด์ ไฮโดรเจน ไนโตรเจน
      - ก๊าซที่ทำให้เกิดการระคาย
        เคืองต่อระบบทางเดินหายใจ
        
        รับปริมาณมากอาจทำให้ตาย เช่น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์
      - ก๊าซที่ทำให้อันตรายทั่วร่างกาย
        
        ก๊าซอาร์ซีน ไม่มีกลิ่นคล้ายกระเทียม พบในโรงงานใช้ทำแบตเตอรี่
        
        ทำให้เม็ดเลือดแดงแตก ปัสสาวะเป็นเลือด ดีซ่าน ตาเหลือง ตัวเหลือง
      - การปฐมพยาบาล
        
        กลั้นหายใจและรีบเปิดประตูหน้าต่าง ปิดท่อก๊าซหรือขจัดต้นเหตุพิษ
        
        นำผู้ป่วยออกจากที่เกิดเหตุ
        
        ประเมินการหายใจ การเต้นของหัวใจ ไม่มีให้ผายปอดและนวดหัวใจ ส่งโรงพยาบาล
    - - บรรเทาอาการปวด รักษาช็อค
      - ปิดแผล ส่งโรงพยาบาล
      - อย่าใช้แก้พิษ เพราะความร้อนอาจทำให้เกิดอันตราย
      - ล้างด้วยน้ำสะอาดนานๆอย่างน้อย15นาที
    - - อย่าใช้แก้พิษ เพราะความร้อนอาจทำให้เกิดอันตราย
      - บรรเทาอาการปวดรักษาช็อค
      - ล้างตาด้วยน้ำนาน15นาทีโดยการเปิดน้ำก๊อกไหลรินค่อยๆ
      - ปิดตา ส่งโรงพยาบาล