Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่12 การพยาบาลทารกแรกเกิดที่มีภาวะแทรกซ้อน - Coggle Diagram
บทที่12
การพยาบาลทารกแรกเกิดที่มีภาวะแทรกซ้อน
Birth asphyxia
ภาวะขาดออกซิเจนของทารกแรกเกิด
APGAR Score ในนาทีที่ 1 หรือนาทีที่ 5 หลังคลอด มีคะแนนรวมตำ่กว่า 7
ภาวะ Birth asphyxia
Mild Birth Asphyxia (Apgar Score 6-7)
Moderate Birth Asphyxia (Apgar Score 4-5)
Severe Birth Asphyxia (Apgar Score 0-3)
ปัจจัย
ปัจจัยขณะตั้งครรภ์
โรคทางอายุรกรรม
อายุก่อนกำหนดหรือเกินกำหนด
ติดยาเสพติดหรือสุรา
ตั้งครรภ์แฝด
ทารกในครรภ์ดิ้นน้อยลง
ปัจจัยขณะคลอด
การติดเชื้อ
สายสะดือย้อย
ส่วนนำผิดปกติ
FHS ผิดปกติ
อาการ
ระยะแรก
หายใจเร็วขึ้นชั่วขณะแล้วจึงหยุดหายใจ อาการเขียว
หัวใจเต้นช้า และความดันโลหิตต่ำ
ระยะหลัง
ระบบไหลเวียนโลหิต: ความดันโลหิตต่ำ
ระบบประสาท: ทารกจะซึม ม่านตาขยายกว้างไม่ตอบสนองต่อแสง กล้ามเนื้อไม่มีแรง
ระบบทางเดินอาหาร: ท้องอืด NEC
ระบบทางเดินปัสสาวะ: ปัสสาวะน้อยลง หรือไม่ถ่ายปัสสาวะ Renal failure
ระบบการไหลเวียนโลหิต: หัวใจเต้นเร็ว ซีด gasping Metabolic acidosis และอุณหภูมิของร่างกายต่ำ
ระบบทางเดินหายใจ: หายใจหอบ เขียว
การเปลี่ยนแปลงทาง Metabolic: hypoglycemia, hypocalcemia และ hyperkalemia
การพยาบาล
ระดับเล็กน้อย
เช็ดตัวให้แห้ง ดูดเมือกจากปากจมูก และpharynx
กระตุ้นการหายใจด้วยการใช้นิ้วมือตีหรือดีดฝ่าเท้าทารก ใช้ผ้าเช็ดหน้าอกทารก
ผูกและตัดสายสะดือ
ให้ออกซิเจน Mask 4-5 ลิตร/นาที ที่ผ่านความชื้นและอุ่น
ประเมิน Apgar score ที่ 5 นาที จะเท่ากับ 8 ถ้าไม่ดีขึ้น FHS< 100 ครั้ง/นาที ตอบสนองช้า ต้องให้การช่วยเหลือแบบ moderate Asphyxia
Neonatal Resuscitation
ให้ความอบอุ่น คำนึงถึงการจัดท่าและดูดเสมหะ กระตุ้นทารกให้หายใจ
ประเมิน Apgar score
(Moderate Birth Asphyxia
1) Position the head และ Clear the airway
2) Stimulate breathing
3) ประเมินการหายใจ
หายใจปกติ : สังเกตการหายใจต่อไป ตกแต่ง cordและส่งเสริม Breast Feeding
หายใจไม่ปกติ : bag and mask (PPV)
4)ประเมินทารกขณะช่วยหายใจ
หายใจปกติ: หยุดการช่วยหายใจ ให้สังเกตต่อไป
หายใจไม่ปกติ : bag and mask (PPV) ต่ออีก 1 นาที
5) หลังจากช่วยหายใจ (PPV) ไป
1 นาที ทารกยังไม่หายใจ
ให้ประเมิน Heart rate
HR ≥ 100 ครั้ง/นาที PPV ต่อไปจนทารกหายใจเองได้ดี แล้วค่อยๆลดการบีบ bag ให้ช้าลง
HR > 100 ครั้ง/นาที ทารกหายใจเองได้ดีให้หยุดช่วยหายใจ
HR < 100 ครั้ง/นาที ใส่ท่อช่วยหายใจและให้ O2 หรือกดหน้าอก และให้ยา
(Severe Asphyxia)
2) พิจารณาใส่ Endotracheal tube โดยแพทย์ และเตรียมอุปกรณ์
3) ถ้า HR < 60/นาที ให้ทำchest compression สลับกับ PPV ในอัตรา
3:1
1) ประเมินการหายใจ HR และ สีผิว
4) Chest compression
4.1) Thumb finger technique
4.2) Two-finger technique
การเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์
สำหรับการช่วยฟื้นคืนชีพทารกแรกเกิด
เตรียมเครื่องมือ
Air way : Open Air way หมายถึง ท าให้ทางเดินหายใจโล่ง
เตรียมลูกยางแดง
เตรียมสาย Suction
Laryngoscope ต่อเข้ากับ Blades NO. 0 ตรวจสอบไฟ
กรณีที่ใช้ Wall Suction ไม่ควรใช้แรงดันเกิน 100 mmHg
เตรียม Endotracheal tube ตามน้ำหนักตัวทารก
Breathing : Initiate breathing หมายถึง การกระตุ้นให้ทารกหายใจ
เเตรียม Stetoscope ในสภาพที่สะดวกในการใช้งาน
เตรียมเครื่องวัดความอิ่มตัวของออกซิเจน (Pulse oxymeter)
เตรียม Ambubag ต่อกับ Reservoir และ Mask ไว้ให้แน่น
Circulation C: Maintain circulation การรักษาความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ
Chest compression
Medications
Adrenaline 1: 1000 ต่อ 1 cc ต่อหลอด
ให้ทางหลอดเลือดดำ หรือ Endotracheal Tube โดยเร็ว
ขนาดที่ใช้0.1 – 0.3 cc
1.เตรียมผ้าปราศจากเชื้อ 2 ผืน ปูบน(Radian warmer) เปิดเครื่องและเตรียมผ้าห่อเด็กอีก 2 ผืน ปูไว้บริเวณภายใต้เครื่อง Warmer
Meconium aspiration syndrome
ดูแลให้ทารกได้รับออกซิเจนตามแผนการรักษา
6.ติดตามประเมิน O2 saturation = 88% - 95%
หลีกเลี่ยงการจัดท่าศีรษะต่ำกว่าลำตัว->เกิดความดันกะโหลดศีรษะสูง
ดูแลให้ความอบอุ่นแก่ทารก ป้องกันภาวะ Cold stress
3.ดูดเสมหะเมื่อมีเสมหะ หลีกเลี่ยงRoutine suction เพราะอาจเกิดภาวะพร่องO2
ให้ทารกได้พัก หลีกเลี่ยงการจับต้องที่เกินความจ าเป็น (Over handling)
2.ประเมินภาวะหายใจลำบาก : ปีกจมูกบาน หยุดหายใจ
จัดทารกนอนหงาย คอแหงนเล็กน้อย ระวัง Hyperextension
Birth injuries
ชนิดของการบาดเจ็บจากการคลอด
การบาดเจ็บที่ศีรษะ (Cranial injury)
1.1 Caput succedaneum
การคั่งของน้ำ มีการบวมบริเวณ เนื้อเยื่อของหนังศีรษะ
หายภายใน 36 ชั่วโมง
สาเหตุ -> คลอดโดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศ Vacuum Extraction
การพยาบาล : อธิบายให้พ่อแม่เข้าใจว่าอาการนี้จะค่อยๆหายไปได้เองภายใน 2-3 วันแรก
1.2 Cephalhematoma
มีเลือดออกใต้ชั้นเยื่อหุ้มกระดูกกะโหลกศีรษะ
สาเหตุจากศีรษะทารกถูกกด
คลำได้เป็นก้อนชัดเจนค่อนข้างตึง โดยก้อนจะค่อยโตขึ้นช้าๆ
การพยาบาล
1.อธิบายให้มารดาทราบถึงลักษณะการเกิด ยไม่ต้องรับการรักษาเป็นพิเศษ จะค่อยๆหายไปเองได้ภายใน 3 เดือน
ให้มารดาดูแลทารกในการป้องกันภาวะตัวเหลือง ผิดปกติให้รียมาพบแพทย์
สังเกตอาการซีด เจาะ hematocrit
4.หากมีรอยถลอกให้ดูแลอาการและรักษาความสะอาด
ให้ทารกนอนตะแคงด้านตรงข้ามกับก้อนโน
เลือดออกในกะโหลกศีรษะ (Intra cranial hemorrhage)
อาการอาจปรากฏทันทีหรือค่อยเป็นค่อยไป
พบอาการภายใน 2-3ชั่วโมงหลังคลอด จนถึง 2-3 วันหลังคลอด
อาการ
moro reflex น้อยหรือไม่มีเลย (Absent moro reflex) ร่างกายอ่อนปวกเปียก เซื่องซึม
ร้องเสียงแหลม หายใจผิดปกติ กระหม่อมโป่งตึง ชัก
ดูดกลืนไม่ดี อุณหภูมิร่างกายต่ า อาการที่แสดงว่ามีเลือดออกเพิ่มมากขึ้น คือ ซีด ตัวเย็น ชีพจรเบา
การพยาบาล
ดูแลทารกให้หายใจสะดวก และได้รับออกซิเจนเพียงพอ
ดูแลให้ได้รับสารน้ำและอาหารเพียงพอ ตามความเหมาะสม
ดูแลให้ได้รับการพักผ่อนเพียงพอ
ป้องกันอันตรายที่เกิดจากการชัก โดยดูแลให้ได้รับยาระงับชัก
ป้องกันการติดเชื้อ โดยให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
ดูแลทารกด้านจิตใจ โดยสัมผัสอย่างนุ่มนวล
7.อธิบายให้บิดาและมารดาทราบอาการที่แท้จริง
คลอดก่อนกำหนด trauma, ภาวะขาดออกซิเจนนาน CPD
การบาดเจ็บบริเวณสันหลัง (Spine and spinal cord injury)
ศีรษะเป็นส่วนนำ ส่วนใหญ่จะเกิดการบาดเจ็บบริเวณกระดูกสันหลังระดับคออันที่ 4
อาการ
ไม่เคลื่อนไหว (immobility)
กล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียก (flaccidity)
การหายใจถูกกด ช็อก และhypothermia
เกิดการบาดเจ็บที่บริเวณกระดูกสันหลัง ต่ำกว่าคอ เหนือทรวงอก
การพยาบาล
ห้ามขยับหรือเคลื่อนย้ายทารก
ผ่าตัด และเข้าเฝือก ในรายที่มีความหวัง
มักเกิดกับทารกที่คลอดท่าก้นแล้วติดศีรษะ ดึงหมุนตัวทารกรุนแรงเกินไป
การบาดเจ็บของเส้นประสาท (Nerve injury)
4.3 Erb – Duchene paralysis): เกิดจากการยืดส่วนบนของBrachial Plexus (Upper roots)
4.4 Facial nerve palsy นการบาดเจ็บของเส้นประสาทที่เลี้ยงใบหน้า (Facial nerve) ส่วนใหญ่หายเองใน 2-3วัน
4.2 Brachial Plexus injury: เกิดจากการยืดของเส้นประสาทไขสันหลังระดับคอ
การรักษาพยาบาล
พยายามให้ทารกไม่เคลื่อนไหวเป็นพักๆ 80% ดีขึ้นภายใน 3-6 เดือน ส่วนใหญ่หายเองใน12เดือน
รายที่เส้นประสาทขาดต้องได้รับการทำศัลยกรรมซ่อมประสาท (Neuroplasty)
4.1 Spinal injury เกิดจากการยืดของไขสันหลัง
การบาดเจ็บต่อกระดูก (Fracture)
5.1 กระดูกไหปลาร้าหัก
ทารกจะปวดและร้องกวนมาก
เกิดจากการคลอดติดไหล่ หรือคลอดท่าก้น
5.2 กระดูกต้นแขนหัก
การหักของกระดูกกลุ่ม Long bone
พบในการคลอดแขนทารกที่คลอดท่าก้น
5.3 กระดูกต้นขา Femoral Fracture พบในการคลอดท่าก้น
การพยาบาล
หากกระดูกหักแยกออกจากกันต้องเข้าเฝือกชั่วคราว
รัดไม่ให้แขนมีการเคลื่อนไหวด้วย Bandageประมาณ 10 วัน
หากกระดูกไม่แยกจากกันไม่จำเป็นต้องทำอะไร เชื่อมต่อเองได้ตามปกติภายใน 4-6 สัปดาห์
กระดูกต้นแขนหัก ให้ตรึงแขนที่หักแนบกับลำตัว
เพื่อไม่ให้แขนเคลื่อนไหว ประมาณ 1-2 สัปดาห
กระดูกต้นขาต้องเข้าเฝือกนาน 3-4 สัปดาห
สาเหตุ
CPD, การคลอดยาก,ทารกคลอดเร็ว
ใช้สูติศาสตร์หัตถการ เช่น forceps extraction
การคลอดท่าก้น (Breech presentation)
ทารกตัวโต (Macrosomia)
ภาวการณ์บาดเจ็บจากการคลอด