Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภูมิศาสตร์และความหลากหลายของไบโอม - Coggle Diagram
ภูมิศาสตร์และความหลากหลายของไบโอม
ความสัมพันธ์ของสภาพทางภูมิศาสตร์บนโลกกับความหลากหลายของไบโอมขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศ ของแต่พื้นที่
ไบโอมหรือชีวนิเวศ (Biomes) ของแต่ละที่
ขึ้นอยูกับลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศ ของแต่ละพื้นที่
ประเภทของไบโอม
ไบโอมน้ำ
ไบโอมน้ำเค็ม
โดยทั่วไปประกอบด้วยแหล่งน้ำเค็ม ซึ่งได้แก่ ทะเลและมหาสมุทร ซึ่งพบได้ในปริมาณมากถึงร้อยละ 71 ของพื้นที่ผิวโลก และมีความลึกมากโดยเฉลี่ยถึง 3,750 เมตร ไบโอมแหล่งน้ำเค็มจะแตกต่างจากน้ำจืดตรงที่มีน้ำขึ้นน้ำลงเป็นปัจจัยกายภาพสำคัญ นอกจากนี้ยังพบช่วงรอยต่อของแหล่งน้ำจืดกับน้ำเค็มที่มาบรรจบกัน และเกิดเป็นแหล่งน้ำกร่อยซึ่งมักพบบริเวณปากแม่น้ำ
ไบโอมน้ำจืด
โดยทั่วไปประกอบด้วยแหล่งน้ำนิ่งซึ่งได้แก่ ทะเลสาบ สระ หนอง หรือบึง กับแหล่งน้ำไหล ได้แก่ ธารน้ำไหลและแม่น้ำ เป็นต้น
ไบโอมบก
เขตร้อน
1.ป่าดิบชื้น หรือป่าฝนเขตร้อน(Tropical rain forest )
ป็นป่าไม้สูง อากาศร้อนและชื้น มีฝนตกชุกตลอดปี น้ำฝนเฉลี่ย 200-400 เซนติเมตรต่อปี เป็นป่าไม่ผลัดใบเนื่องจากปริมาณน้ำฝนค่อนข้างมากทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องผลัดใบเพื่อลดการคายน้ำ พื้นดินมืดและชื้น มีอินทรียสารสมบูรณ์มาก ป่าตั้งอยู่ในเขตร้อน จึงได้รับแสงเยอะทำให้ต้นไม้โต และเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ มีไม้สูงพวกยาง-ตะเคียน ไม้กลางพวกปาล์ม และไม้พุ่ม ไม้ล้มลุก ส่วนสัตว์ก็มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม(ส่วนใหญ่ตัวเล็ก) มีนกและสัตว์เลื้อยคลานหลายชนิด แมลงที่พบจะเป็นพวกที่มีการเป็นตัวด้วง แหล่งน้ำส่วนใหญ่มีปลาน้ำจืด มีมากจนไม่สามารถระบุชนิดได้
2.สะวันนา (Savanna)
เป็นทุ่งหญ้าที่พบได้ในทวีปแอฟริกา ทวีปอเมริกาใต้ ทวีปออสเตรเลีย และพบบ้างทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปเอเชียเป็นทุ่งหญ้าเขตร้อน เป็นป่ากึ่งผลัดใบ มีต้นไม้ขึ้นห่างกันเป็ยระยะ ๆ ปริมาณน้ำฝน 100-150 เซนติเมตรต่อปี ดินแห้งผาก แข็ง และฝุ่นเยอะ มีไฟป่าเกิดขึ้นในฤดูร้อน หรือไม่ใช่ฤดูร้อนก็มีเกิดขึ้นบ่อย พืชต้องปรับตัวได้ดีและสามารถเก็วน้ำได้ เช่น หญ้าจะเติบโตในฤดูฝนแล้วกลับไปเป็นหญ้าแห้งในฤดูร้อน และยังมีพุ่มไม้หนามแหลม สัตว์ส่วนใหญ่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่หลายสายพันธุ์ มีทั้งพวกกินพืชและกินเนื้อ
3.ทะเลทราย ( desert )
พบได้ทั่วไปในโลก เป็นบริเวณแห้งแล้ง ฝนน้อยกว่า 250 มิลลิเมตรต่อปี อัตราการระเหยของน้ำสูงกว่าที่ได้รับ 5-7 เท่า บางแห่งอุณหภูมิสูงถึง 60 องศาเซลเซียส แต่บางวันของบางแห่งมีอากาศหนาวเย็น และในฤดูหนาวอุณหภูมิอาจต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง พืชเป็นไม้ทนแล้ง อวบน้ำ ลดการเสียน้ำโดยเปลี่ยนจากใบเป็นหนาม เช่นกระบองเพชร หรือพืชบางชนิดมีการหยั่งรากลึกลงไปในดินเพื่อดูดน้ำ สัตว์จะได้รับน้ำจากพืช(น้ำหวานและยาง)หรือโอเอซิส* โดยเฉพาะพวกแมลง ซึ่งเป็นตัวล่อพวกสัตว์เลื้อยคลานเข้ามา สัตว์ในทะเลทราบมักมีสีอ่อนกว่าสัตว์ทั่วไปเพื่อไม่ให้ดูดรังสีแสงอาทิตย์และเป็นการอำพรางตัว ซึ่งสัตว์ส่วนใหญ่จะออกหากินในเวลากลางคืนเพราะอากาศไม่ร้อน
ทะเลทรายที่รู้จักกันโดยทั่วไปได้แก่ ทะเลทรายซาฮารา (Sahara) ในทวีปแอฟริกา ทะเลทรายโกบี (Gobi) ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนและทะเลทรายโมฮาวี (Mojave) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
เขตอบอุ่น
ทุ่งหญ้าเขตอบอุ่น (Temperate grassland)
รู้จักกันในชื่อของ ทุ่งหญ้าแพรี่ (prairie) ในตอนกลางของทวีปอเมริกาเหนือและทุ่งหญ้าสเตปส์(steppes) ของประเทศรัสเซีย เป็นต้น
เป็นเขตที่มีทุ่งหญ้าปกคลุม มีฝนตกในฤดูร้อนและเเห้งแล้งในฤดูหนาว น้ำฝนเฉลี่ย 25-70 เซนติเมตรต่อปี ดินมีความสมบูรณ์สูง พืชเป็นพวกพุ่มไม้หนาม ไม้ล้มลุก ไม้ทนแล้ง ทนไฟป่า และหญ้า(ความสูงขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝน) มีสัตว์กินพืชเป็นอาหารเยอะ และตามด้วยสัตว์กินเนื้อ
ป่าผลัดใบเขตอบอุ่น(temperate deciduous forest)
พบทั่วไปบริเวณละติจูดกลาง มีอากาศค่อนข้างเย็น ฤดูร้อนอากาศอบอุ่น ฤดูหนาวไม่หนาวมาก มีฝน 60-250 เซนติเมตรต่อปี ซึ่งมีความชื้นเพียงพอจะทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตได้ดี
พืชมีทั้งไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม และไม้ล้มลุก พืชส่วนใหญ่เป็นไม้ใบกว้าง ทิ้งใบเมื่อฤดูแล้งและฤดูหนาว ผลิใบอีกครั้งเมื่อฝนตก พืชจะโตช้าและหยุดเป็นช่วง ๆ (เพราะฤดูกาล) สัตว์บกที่พบมีกวาง(กินพืช)และสุนัขจิ้งจอก(กินเนื้อซึ่งก็คือกวางนั่นแหละ)
เขตหนาว
ป่าสน หรือป่าไทกา
เป็นป่าโปร่งไม่ผลัดใบ อากาศหนาวเย็นและแห้งแล้ง ดินเป็นกรดสูง โดยปกติอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่าจุดเยือกแข็งนาน 6 เดือน ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 25-75 เซนติเมตรต่อปี ส่วนใหญ่ตกช่วงฤดูร้อน
พืชเด่นที่พบ ได้แก่ พืชจำพวกสน เช่น ไพน์ (pine) เฟอ (fir) สพรูซ (spruce) และเฮมลอค (hemlok) เป็นต้น
ทุนดรา (Tundra) หรือแบบอาร์กติก
อากาศหนาวเย็น มีลมพัดเเรงตลอดเวลา และมีหิมะคลุมตลอดทั้งปี แม้แต่ฤดูร้อน 2-3 เดือน อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส ฤดูหนาวอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งนาน 6 เดือน ฝนตกน้อยกว่า 250 มิลลิเมตรต่อปีและส่วนใหญ่ตกฝนรูปหิมะ มีหนองน้ำเป็นแหล่ง ๆ และมักพบที่ราบ ส่วนใหญ่ก็เป็นหนองน้ำที่เกิดจากน้ำแข็งที่ละลายโดยที่พื้นล่างยังคงเป็นน้ำแข็งอยู่ ไม่มีฮิวมัสในดิน เนื่องจากการระเหยต่ำทำให้มีการสลายตัวของจุลินทรีย์เกิดขึ้นอย่าง ๆ ส่งผลให้พืชขาดเเคลนอาหาร
ไบโอมชนิดต่าง ๆ เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน เขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
ไบโอมบก
ไบโอมป่าฝนเขตร้อน
มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นและมีความชื้น พอเหมาะสําหรบั เฟิร์นมีกลุ่มต้นไม้ขึ้นหนาแน่นและเป็นต้นไม้ไม่ผลัดใบ ชุ่มชื้น อุดมสมบูรณ์
มอสมักขึ้นตามโคนไม้และที่ชื้นฉ่ำช่วงแล้งก็พักตัวรอความชื้นก็ฟื้นกลับมา สามารถแพร่พันธุ์ด้วยสปอ
ไบโอมป่าฝนผลัดใบ
ป่าร้อนและป่าหนาว
ไบโอมทุ่งหญ้าเขตอบอุ่น
มีไม้ล้มลุกปะปนกับไม้พุ่มขนาดเล็ก เรียกพงไม้นี้ว่า “ทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์” และมีลักษณะเป็นพื้นที่โล่งมีเพียงหญ้าและต้นไม้เตี้ยๆ
ไบโอมน้ำ
เช่นป่าต้นน้ำ เป็นต้น