Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ยาสมุนไพร - Coggle Diagram
ยาสมุนไพร
ยาเม็ดฟ้าทะลายโจร
-
-
กลไกการออกฤทธิ์ :
สารสกัดฟ้าทะลายโจร ซึ่งมีสารส้าคัญ คือ andrographolide และอนุพันธ์ต่างๆ มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ และมีผลควบคุมการท้างานของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ส่งผลในการลดการอักเสบและเพิ่มภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ลดการบีบตัวของล้าไส้ ต้านเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของอาการท้องเสียอีกด้วย
ข้อบ่งใช้
- ช่วยรักษาอาการไอ เจ็บคอ ป้องกันและบรรเทาหวัด
-
-
ข้อควรระวัง
-ผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บคอ เนื่องจากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย เกิดอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มหนองในคอ มีไข้สูง หนาวสั่น และห้ามใช้ในผู้ที่มีการแพ้ฟ้าทะลายโจร
-หากมีอาการแพ้ฟ้าทะลายโจร เช่น เกิดผื่น ลมพิษ หน้าบวม ริมฝีปากบวม ให้หยุดใช้ยาทันที และห้ามใช้ฟ้าทะลายโจรอีกต่อไป
-
คำแนะนำ
•ในต้นฟ้าทะลายโจรมีสารแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ซึ่งละลายได้ดีในแอลกอฮอล์ แต่ละลายน้ำได้น้อย
•ฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรที่เหมาะสำหรับใช้รักษา "หวัดร้อนไม่เหมาะกับการนำมาใช้รักษาผู้ที่มีอาการ หวัดเย็น
ข้อควรระวัง
-ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ อาจจะทำให้เกิดอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ หรือมีอาการมึนงง วิธีการแก้ก็คือให้หยุดใช้ทันที หลังจากนั้น 3-4 ชั่วโมงอาการก็จะดีขึ้นเอง เพราะตัวยาสามารถถูกขับออกไปได้และไม่ตกค้างในร่างกาย
คำแนะนำ
-บางรายที่อาจเกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย มีอาการปวดเอว หรือมีอาการวิงเวียนศีรษะ แสดงว่าคุณแพ้สมุนไพรชนิดนี้
•การใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรในการรักษาอาการต่าง ๆ หากใช้ติดต่อกัน 3 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการรุนแรงมากขึ้น คุณควรหยุดใช้และให้ไปพบแพทย์ทันที
-
ชื่อทางการค้า
ยาเม็ดฟ้าทะลายโจร, ยาแคปซูลฟ้าทะลายโจร
ขมิ้นชันแคปซูล
-
คำแนะนำ
- ควรใช้เมื่อมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ เนื่องจากมีกรดในกระเพาะอาหาร และมีอาการแสบท้องร่วมด้วย
- การรักษาแผลในกระเพาะอาหารควรใช้คู่กับฟ้าทะลายโจรจึงจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
-
ข้อควรระวัง
-
-
-
•ควรระวังการใช้ร่วมกับสารกันเลือดเป็นลิ่ม (Anticoagulants) และยาต้านการจับตัวของเกล็ดเลือด(Antiplatelets)
-
•ควรระวังการใช้ร่วมกับยารักษาโรคมะเร็งบางชนิด เช่น doxorubicin, chlormethine, cyclophosphamide และ camptothecin เนื่องจาก curcumin อาจมีผลต้านฤทธิ์ยาดังกล่าว
กลไกการออกฤทธิ์
-มีฤทธิ์ขับลม ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหารและล้าไส้ สมานแผลในกระเพาะอาหาร กระตุ้นการหลั่งสารเมือกมาเคลือบ
-มีฤทธิ์สมานแผลในกระเพาะอาหารโดยเร่งการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อบริเวณที่เป็นแผล กระตุ้นการหลั่ง mucin มาเคลือบกระเพาะอาหารและยับยั้งการหลั่งน้้าย่อยต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลจาก turmerone และ curcumin แต่มีฤทธิ์ขับน้้าดี
-
-
-
-
ชื่อทางการค้า
KHAOLAOR CURMIN 500, อภัยเบศร แคปซูลขมิ้นชัน, แหลมทองการแพทย์ ขมิ้นชันชนิดแคปซูล, ขมิ้นชันชนิดแคปซูล อ้วยอันโอสถ, ขมิ้นชัน แคปซูล
ครีมไพจีซาล
-
-
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์ต้านการอักเสบโดยยับยั้งการท้างานของ เอนไซม์ cyclooxygenase (COX )และ lipoxygenase (LOX) สารกลุ่ม phenylbutenoids ที่ออกฤทธิ์จ้าเพาะต่อ COX-2 นอกจากนี้ยังพบสารกลุ่ม curcuminoids (เช่น cassumunins, cassumunarins และ curcumin) ที่สามารถออก ฤทธิ์เป็น anti-oxidant ได้ดี
-
-
-
-
-
ยาอมมะแว้ง
-
กลไกการออกฤทธิ์
ยาอมมะแว้งประกอบด้วย มะแว้งต้นและมะแว้งเครือ มีสารสำคัญ คือ อัลคาลอยด์ชนิดโซลาโซดีน (Solasodine) และ โซลานีน (Solanine) ซึ่งเป็นสารที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท และ ระบบการหายใจ จึงช่วยบรรเทาอาการไอได้ นอกจากนี้ ในผล มะแว้งต้น และ มะแว้งเครือยังมีสารลิกนิน (Lignin) และ ซาโปนิน (Saponin) ซึ่งท้าหน้าที่เหมือนยาปฏิชีวนะ ช่วยระงับการอักเสบ และ ละลายเสมหะได้ดี
-
ขนาดและวิธีใช้
-
2.ชนิดเม็ดและชนิดลูกกลอน
-
-เด็ก อายุ 6-12 ปี รับประทานครั้งละ 200-400 mg เมื่อมีอาการ ละลายน้ำมะนาวแทรกเกลือรับประทาน หรือใช้อม
-
-
คำแนะนำ
- ไม่ควรรับประทานติดต่อกันเกิน 15 วัน อาจส่งผลให้ตับท้างานหนัก
- ไม่แนะน้าให้รับประทานในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ
-
มะขามแขก
-
-
คำแนะนำ:
-
2.ควรรับประทานยาเมื่อมีอาการท้องผูกแบบเฉียบพลันเท่านั้น และควรรับประทานยาในช่วงเวลาสั้น ๆ คือ ไม่เกิน 7 วัน
-
4.ควรใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุไว้บนฉลากยาหรือตามค้าสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด ห้ามใช้ยาในขนาดที่น้อยกว่าหรือมากกว่าที่ระบุไว้ หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
-
-
7.สำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูกเป็นประจ้า การดื่มน้ำให้เพียงพอประมาณวันละ 8-10 แก้ว และเน้นการรับประทานอาหารที่มีกากใยก็นับว่าเป็นวิธีที่ช่วยลดอาการท้องผูกได้ดีและปลอดภัยแล้ว
กลไกการออกฤทธิ์
มี Sennoside A และ B ซึ่งเป็น Anthraquinone กระตุ้นการบีบตัวของล้าไส้ใหญ่ ท้าให้เกิดการขับถ่าย และกระตุ้นการหลั่งของน้ำ เพื่อให้ร่างกายขับของเสียออกมา
-
ขนาดและวิธีใช้
-ผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 12 ปี ให้รับประทานยาครั้งละ 2-4 เม็ด (15-30 mg) วันละครั้งก่อนนอน (ควรเริ่มรับประทานยาครั้งละ 2 เม็ดก่อน หากอาการท้องผูกยังไม่ดีขึ้นให้เพิ่มเป็นครั้งละ 4 เม็ด วันละครั้งก่อนนอน)
-
-
-ใช้ใบและฝักของมะขามแขกตากแห้งประมาณ 1-2 กำมือ (3-10 g) หรือใช้ฝัก 4-5 ฝัก น้ามาต้มกับน้ำดื่ม หรือใช้วิธีบดเป็นผงชงกับน้ำดื่มเพื่อเป็นยาระบาย
-
ข้อควรระวัง
-
-
-ไม่ควรใช้ยานี้ต่อเนื่องกันเกิน 2 สัปดาห์ เพราะจะท้าให้ท้องเสีย ซึ่งส่งผลให้มีการสูญเสียน้ำ และเกลือแร่มากเกินไป โดยเฉพาะโพแทสเซียม และการใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานจะท้าให้ล้าไส้ใหญ่ชินต่อยา ถ้าไม่ใช้ยาจะไม่ถ่าย
-
-
-