Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
2. ยาแก้แพ้ (Antihisamines) - Coggle Diagram
2. ยาแก้แพ้ (Antihisamines)
Chlorpheniramine maleate
ชื่อทางการค้า
Chlorpheniramine Maleate Inpac, Chlorpyrimine, Allergin, Chlorphen, Chloramine-S, Chlorahist, Chlorleate, Chlorphencap, Chlorpheniramine ANB, Chlorpheniramine Asian Pharm,
รูปแบบ
ยาเม็ด
ยาน้ำเชื่อม
ยาฉีด
กลไกการ
ออกฤทธิ์
คลอเฟนิรามีนจับกับตัวรับฮีสตามีน H1 ส่งผลให้ฮีสตามีนที่เป็นสารตัวกลาง ก่อการแพ้ไม่แสดงผล
ข้อบ่งใช้
ใช้รักษาและบรรเทาอาการแพ้ต่าง ๆ เช่น ลมพิษ ผื่นคัน หวัดภูมิแพ้ ไข้ ละอองฟาง เยื่อจมูกอักเสบเนื่องจากการแพ้ เยื่อตาขาวอักเสบจากการแพ้ การแพ้อาหาร แพ้ยาหรือน้้าเกลือ ยุง แมลง เป็นต้น และยังใช้เป็นยาลดน้้ามูกไหลเนื่องจากหวัด และบรรเทาอาการคันจากสาเหตุต่างๆ
ขนาด
และวิธีใช้
ยาเม็ด ยาน้ำเชื่อม
เด็กอายุ 2-5 ปี ปริมาณ 1 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง (ปริมาณสูงสุดไม่เกิน 6 มิลลิกรัม/วัน
เด็กอายุ 6-11 ปี ปริมาณ 2 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง (ปริมาณสูงสุดไม่เกิน 16 มิลลิกรัม/วัน)
เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ปริมาณ 4 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง (ปริมาณสูงสุดไม่เกิน 32 มิลลิกรัม/วัน)
ผู้ใหญ่ ปริมาณ 4 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง (ปริมาณสูงสุดไม่เกิน 32 มิลลิกรัม/วัน)
ยาฉีด
เด็กอายุ 2-11 ปี ปริมาณ 0.35 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน แบ่งปริมาณฉีดทุก 4-6 ชั่วโมง (ปริมาณสูงสุด ไม่เกิน 40 มิลลิกรัม/วัน)
เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป/ผู้ใหญ่ ปริมาณ 10-20 มิลลิกรัม (ปริมาณสูงสุดไม่เกิน 40 มิลลิกรัม/วัน)
ฤทธิ์ข้างเคียง
และอาการไม่
พึ่งประสงค์
ท้องผูก ไม่อยากอาหาร
ท้องเสีย ท้องไส้ปั่นป่วน คลื่นไส้ อาเจียน
เวียนศีรษะ ตาพร่า ง่วงซึม
นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย วิตกกังวล ตกใจง่าย
ปากแห้ง จมูกแห้ง หรือคอแห้ง
ข้อควรระวัง
ผู้ที่เพิ่งใช้ยาโซเดียมออกซีเบต (Sodium Oxybate) ยาฟูราโซลิโดน (Furazolidone) ยากันชักกลุ่มไฮ แดนโทอิน (Hydantoins) หรือยากลุ่มเอ็มเอโอไอ (MAOI) ควรรอให้ครบ 14 วันจึงเริ่มรับประทานยา คลอเฟนิรามีนได้
หญิงมีครรภ์หรือกำลังวางแผนมีบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
ผู้ขับขี่รถยนต์หรือท้างานเกี่ยวกับเครื่องยนต์ควรระมัดระวังในการใช้ยา เนื่องจากยามีผลข้างเคียงให้ เกิดอาการง่วงซึม ตาพร่า หรือวิงเวียน
ผู้ป่วยโรคหอบหืด ต้อหิน กระเพาะอาหารหรือล้าไส้อุดตัน ปัสสาวะไม่ออก โรคต่อมลูกหมากโตไม่ควร ใช้ยานี้
ปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนใช้ยา หากป่วยเป็นโรคตับ โรคไต โรคเกี่ยวกับปอด หัวใจและหลอด เลือด ความดันโลหิตสูง หอบหืด ถุงลมโป่งพอง หลอดลมอักเสบ เบาหวาน กระเพาะอาหารหรือลำไส้ อุดตัน กระเพาะปัสสาวะอุดตัน
ควรหยุดรับประทานยานี้เป็นเวลา 7 วันก่อนการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง เนื่องจากยาอาจส่งผลให้ การตอบสนองลดลงและได้ผลการทดสอบไม่ชัดเจน
อย่าใช้ยานี้กับเด็กอายุต่้ากว่า 2 ปี หากไม่ได้รับค้าแนะน้าจากแพทย์
คำแนะนำ
รับประทานตามปริมาณและระยะเวลาที่แพทย์หรือสลากยากำกับ อย่าใช้เกินปริมาณหรือระยะเวลาที่ กำหนดโดยไม่ปรึกษาแพทย์
ยาเม็ดไม่ควรบด กัด หรือเคี้ยวก่อนกลืน ควรกลืนลงไปทั้งเม็ด
ยาน้้าควรใช้ช้อนหรือถ้วยยาวัดปริมาณที่ต้องรับประทาน
Ceirizine
ขนาดและวิธีใช้
ผู้ใหญ่และเด็กมากว่า 12 ปีให้ขนาด 5-10 มิลิกรัม วันละครั้ง
เด็กอายุ 6-11 ปีให้ขนาด 5 มิลิกรัมต่อวัน
เด็กอายุ 2-5 ปีให้ขนาด 2.5 มิลลิกรัม (ครึ่งช้อนชา)
รูปแบบ
ยาเม็ดรับประทาน ขนาด 5 และ 10 มิลลิกรัม/เม็ด
ยาเม็ดเคี้ยว ขนาด 5-10 มิลลิกรัม/เม็ด
ยาน้ำเชื่อม ขนาด 1 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร
กลไกการออกฤทธิ์
ตัวยาจะถูกเปลี่ยนโครงสร้างเป็นสารไฮดรอกไซซีน (Hydroxyzine) ซึ่งเป็นสารต้านฮิสตามีน (Histamine) ชนิดหนึ่ง สารนี้จะไปต้านฮิสตามีน (Histamine) ที่ กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ โดยเข้าไปจับกับตัวรับ (Receptor) ที่เรียกว่า Selective Inhibition of Peripheral H1-receptor จึงท้าให้กลไกที่ก่อให้เกิดการแพ้ทุเลาลง ซึ่งตัวยาจะถูกดูดซึมจากระบบทางเดินอาหารภายใน 1 ชั่วโมง และจะออกฤทธิ์ได้นานถึง 21 ชั่วโมง
ข้อบ่งใช้
โรคภูมิแพ้ Seasonal allergic rhinitis บรรเทาอาการแพ้ ได้แก่ จาม น้้ามูกไหล ตาแดง คัดจมูก
บรรเทาอาการคัน และผิวหนังแดงที่เกิดจากผื่นลมพิษ
โรคภูมิแพ้
ฤทธิ์ข้างเคียง
และอาการ
ไม่พึ่งประสงค์
ที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างการใช้ยา คือ ง่วงซึม มึนงง อ่อนเพลียหรือเหนื่อยมาก คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะ ปากแห้ง เจ็บคอ ไอ ไม่สบายท้อง ปวดท้อง ท้องเสีย ท้องผูก หากมีอาการ สับสน, หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น, อ่อนเพลีย มือสั่น หรือนอนไม่หลับ, มีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น, ปัสสาวะน้อยกว่าปกติ ควรปรึกษาแพทย์ และ เกิดอาการแพ้ยาอย่างรุนแรง มีผื่นลมพิษ หายใจล้าบาก หรือกลืนล้าบาก แน่นหน้าอก มีอาการบวมของใบหน้า หนังตา ริมฝีปาก ลิ้น และคอ ควรหยุดยาทันที
ข้อควรระวัง
ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่มีประวัติการแพ้ยาเซทิไรซีน (Cetirizine)
ห้ามใช้ยานี้รักษาตุ่มผื่นลมพิษซึ่งมีการพุพอง ฟกช้้า มีสีผิดปกติ หรือผื่นลมพิษที่ไม่มีอาการคัน
ห้ามใช้ยานี้กับเด็กทารกแรกเกิดและหญิงให้นมบุตร (เนื่องจากยานี้สามารถขับออกทางน้้านมได้)
ควรระมัดระวังการใช้ยากับผู้ที่มีการท้างานของตับหรือไตผิดปกติ
หลีกเลี่ยงการรับประทานยานี้ร่วมกับกลุ่มยารักษาอาการแพ้ต่างๆ ได้แก่ กลุ่มยานอนหลับ, กลุ่มยาคลาย เครียด, กลุ่มยารักษาอาการซึมเศร้า, กลุ่มยาคลายกล้ามเนื้อ, กลุ่มยาแก้โรคลมชัก, ยาแก้ปวดที่เป็นกลุ่มยาเสพ ติดให้โทษ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
คำแนะนำ
ยาเซทิไรซีนสามารถรับประทานก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ แต่ควรรับประทานยาในช่วงเวลาเดียวกันทุกวัน และอาจต้องรับประทานยาหลายวันก่อนที่อาการจะดีขึ้น
ให้รับประทานวันละ 1 ครั้ง หรือใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุไว้ในฉลากยาหรือตามค้าสั่งของ แพทย์อย่างเคร่งครัด ห้ามใช้ยาในขนาดที่มากกว่าหรือบ่อยกว่าที่ระบุไว้
หากอาการผื่นลมพิษยังไม่ดีขึ้นภายใน 3 วันหลังจากเริ่มใช้ยา หรือในกรณีที่ผื่นลมพิษมีอาการยาวนาน มากกว่า 6 สัปดาห์ ให้หยุดใช้ยานี้และควรปรึกษาแพทย์ถึงสาเหตุของการเกิดผื่น
ชื่อทางการค้า
เซทริซิน (Cetrizin), เซ็ทเทค (CETTEC), ฟาเทค (Fatec), เซอร์ทีน (Zertine), ไซริทีน (Zyritine), ซีร์เทค (Zyrtec)
Hydroxyzine
รูปแบบ
ชนิดน้ำเชื่อมประกอบด้วยตัวยาไฮดรอกซีซีนที่มีความเข้มข้น 10 มิลลิกรัมต่อสารละลาย 5 มิลลิลิตร
ชนิดเม็ด มี 3 ขนาดด้วยกัน ได้แก่ ขนาด 10, 25 และ 50 มิลลิกรัม
กลไกการออกฤทธิ์
มีฤทธิ์ยับยั้งตัวรับฮีสตามีน-1 (Histamine-1) ที่อยู่บนเซลล์ในระบบทางเดินอาหาร หลอดเลือด และระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายหลั่งออกมาเมื่อเกิดปฏิกิริยาแพ้และทำให้เกิดอาการแพ้ตามมา ยานี้จะทำให้ง่วงนอนมาก เนื่องจากมี ฤทธิ์แอนติมัสคารินิก (Antimuscarinic) กดการทำงานของประสาทส่วนกลางและปิดกั้นสารสื่อประสาทไม่ให้ ไปสู่ปมประสาท ซึ่งจะส่งผลให้กล้ามเนื้อลายคลายตัว หลอดลมขยาย ช่วยต้านอาเจียนและบรรเทาอาการปวดได้
ข้อบ่งใช้
ใช้ร่วมกับยาสลบก่อนหรือหลังผ่าตัด ปริมาณส้าหรับใช้ในผู้ใหญ่อยู่ที่ 50-100 มิลลิกรัม
รักษาอาการคันในผู้ป่วยโรคลมพิษหรือผื่นคันชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง
รักษาภาวะวิตกกังวลระยะสั้นผู้ใหญ่รับประทานครั้งละ 50-100 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง
ขนาดและวิธีใช้
ผู้ใหญ่ เริ่มต้นรับประทานที่ปริมาณ 25 มิลลิกรัม ก่อนนอน อาจเพิ่มปริมาณยาได้เป็นครั้งละ 25 มิลลิกรัม วันละ 3-4 ครั้ง หากอาการยังไม่ดีขึ้น ขนาดยาสำหรับ
เด็กอายุมากกว่า 6 ปี เริ่มต้นรับประทานที่ปริมาณ 15-25 มิลลิกรัมต่อวัน อาจเพิ่มปริมาณยาได้เป็น 50-100 มิลลิกรัมต่อวัน โดยแบ่งรับประทาน
เด็ก อายุ 6 เดือน- 6 ปี เริ่มต้นรับประทานที่ปริมาณ 5-15 มิลลิกรัมต่อวัน อาจเพิ่มปริมาณยาได้เป็น 50 มิลลิกรัมต่อวัน โดยแบ่งรับประทาน
ฤทธิ์ข้างเคียง
และอาการไม่พึงประสงค์
ง่วงซึมในตอนกลางวัน ปากแห้ง มึน งง ง่วงนอน และมองเห็นภาพไม่ชัด ส่วนผลข้างเคียงที่รุนแรง ได้แก่ การเต้นของหัวใจผิดจังหวะ มีอาการสั่น สับสน หรือชั
ข้อควรระวัง
ระวังการใช้ยาในผู้ป่วยโรคพอร์ฟิเรีย (Porphyria) ต้อหิน ผู้ป่วยที่มีการอุดกั้นของน้้าดีการเคลื่อนไหว ของระบบทางเดินอาหารลดลงกว่าปกติมีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงแบบ Myasthenia gravis ผู้ป่วยโรคหัวใจมีอาการชักหรือโรคลมชัก โรคไทรอยด์ โรคหอบหืด โรคต่อลูกหมากโตหรือมีปัญหาเกี่ยวกับการปัสสาวะ โรคตับหรือโรคไต
ไม่ใช้ยานี้ในสตรีมีครรภ์หรือสตรีให้อยู่ในช่วงให้นมบุตร
ระวังการใช้ยาในผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ระดับอิเล็กโทรไลต์ไม่สมดุล
คำแนะนำ
หากลืมรับประทานยาให้รับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ หากใกล้ถึงเวลารับประทานยาครั้งถัดไปให้ข้ามไปรับประทานยามื้อถัดไปได้เลย โดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณยา เป็น 2 เท่า
สตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตร Atarax จัดเป็นยาประเภท C สำหรับการใช้ในหญิงตั้งครรภ์และยังไม่มีข้อมูล ยืนยันว่าตัวยาจะถูกขับออกมาทางน้้านมและเป็นอันตรายต่อทารกหรือไม่ ดังนั้นหญิงที่ตั้งครรภ์หรือ อยู่ในช่วงให้นมบุตรควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้
ควรเก็บรักษายานี้ไว้ที่ที่อุณหภูมิ 15-30 องศาเซลเซียส และเก็บให้พ้นจาก แสงแดด
ชื่อทางการค้า
Vistaril, Atarax