Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

วิวัฒนาการทฤษฎีทางบริหาร, นางสาวมันตรินี อุทัยชาติ เลขที่ 75 (ุ603101076)…

- - - - 4) ใช้หลักแบ่งงานกันทําระหว่างผู้บริหารและคนงาน
        “การกําหนดวิธีการทํางานที่ดีที่สุด”
      - 2) มีการวางแผนแทนที่จะให้คนงานเลือกวิธีการเอง
      - 1) กําหนดวิธีการทํางานทดแทนการทําแบบลองผิดลองถูก
      - 3) คัดเลือกคนงานที่มีความสามารถแล้วฝึกอบรมให้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆร่วมกัน
    - - Gantt’s Chart มาใช้มากในการจัดทําแผนงานและโครงการต่างๆ จะช่วยกําหนดระยะเวลาและกิจกรรมต่างๆ ในการดําเนินงาน
    - - การทํางานด้วยการแบ่งงานออกตามความชํานาญเฉพาะด้านและแบ่งงานเป็นส่วนๆ (division of work) จะทําได้ดียิ่งขึ้น
    - - ศึกษาปริญญาเอกด้านจิตวิทยาซึ่งเปนศาสตรที่จะช่วยส่งเสริม งานด้าน Motion Studies ให้ดียิ่งขึ้น
  - - - 4) บุคลากรต่างทำหน้าที่ที่กำหนดไว้อย่างเป็นทางการ (impersonal)
      - 5) การจ้างงานใช้หลักคุณสมบัติทางวิชาชีพ (professional qualities)
      - 3) มีการกำหนดระเบียบข้อบังคับกฎเกณฑ์ต่างๆ (rule, regulation and procedures)
      - 6) มีความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ (career aspects) อาชีพมั่นคง
      - 2) มีการจัดระบบตำแหน่งหน้าที่ตามสายบังคับบัญชาระดับสูงมายังระดับต่ำ (Scalar Chain)
      - 7) มีอำนาจหน้าที่ (legal authority)
      - 1) มีการแบ่งงานกันทำ (division of work) ตามความรู้ความชำนาญ (specialization)
  - - - 3)การบังคับบัญชาและสั่งการ (commanding)
      - 4) การประสานงาน (coordinating)
      - 2.)การจัดองค์การ (organizing)
      - 5) การควบคุม (controlling)
      - 1)การวางแผน (planning)
    - - หลักการแบ่งงานกันทํา (division of work)
      - หลักการเกี่ยวกับอํานาจหน้าที่ในการบังคับบัญชา(authority)
      - หลักการเกี่ยวกับมีระเบียบวินัย (discipline)
      - หลักความเป็นเอกภาพในการบังคับบัญชา(unity of command)
      - หลักความเป็นเอกภาพในทิศทาง (unity of direction)
      - หลักผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นรองผลประโยชน์ขององค์การเป็นหลัก(subordination of individualinterest to general Interest)
      - หลักความยุติธรรมต่อทั้งนายจ้างและลูกจ้าง (remuneration)
      - หลักการรวมศูนย์อํานาจ (centralization)
      - หลักการมีสายบังคับบัญชา (hierarchy/scalar chain)
      - หลักความเสมอภาค (equity)
      - หลักความเป็นระเบียบแบบแผน (order)
      - หลักความสามัคคีหรือความเป็นน้ําหนึ่งใจเดียวกัน (spirit de corps)
      - หลักความมั่งคงในการทํางาน (stability of staff)
      - หลักความริเริ่มสร้างสรรค์ (initiative)
    - - 6)การรายงานต่อฝ่ายบริหาร (Reporting)
      - 5) การประสานงาน (coordinating)
      - 4)การสั่งการ (Directing)
      - 3)การบริหารบุคล (Staffing)
      - 1)การวางแผน (planning)
      - 2)การจัดองค์การ (organizing)
      - 7) การจัดทำงบประมาณ (ฺBudgeting)
- - - - สมมุติฐานทฤษฎีวาย
        
        -โดยพื้นฐานของคนแล้วพร้อมที่จะให้ความร่วมมือสนับสนุน
        
        -โดยทั่วไปมีความขยันหมั่นเพียรและความรับงานผิดชอบ
        
        -โดยพื้นฐานมีความคิดริเริ่มด้วยตัวของเขาเองถ้าได้รับการจูงใจที่ถูกต้อง
        
        -โดยพื้นฐานจะพยายามพัฒนาตนเองและชอบมีความทะเยอทะยานน้อยวิธีการทำงานอยู่เสมอ
      - สมมุติฐานทฤษฎีเอ็กซ์
        
        1) คนส่วนใหญ่จะขี้เกียจไม่ชอบการทำงานมักเลี่ยงงาน
        
        2) บุคคลโดยเฉลี่ยต้องถูกบังคับควบคุมสั่งการจึงจะทำคน
        
        3) คนส่วนใหญ่มักไม่มีความพยายามและความรับผิดชอบคน
        
        4) คนส่วนใหญ่ชอบให้มีการชี้นำเพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดคนทั่วไป
  - - - 1) ผู้ปฏิบัติงานส่วนใหญ่มุ่งแสวงหาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างกัน
      - 2) ผู้ปฏิบัติงานจะขาดความคุ้นเคยกัน
      - 3) ผู้ปฏิบัติงานต่างก็มีจิตสำนึกที่ดีในด้านความผูกพันทางใจ ความรัก ความสามัคคีอยู่แล้ว
      - 4) ผู้ปฏิบัติงานสามารถไว้วางใจได้โดยทำงานไม่บกพร่องผู้บริหารเพียงแต่เอาใจใส่ดูแลสวัสดิภาพและความเป็นอยู่ให้ดีเท่านั้น
- - - - ฟีดเลอร์ใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Least Preferred Co-worker: LPC ในการประเมินรูปแบบผู้นำว่ารูปแบบเน้นความสัมพันธ์หรือเน้นงานโดยสถานการณ์ที่เกี่ยวข้อง
    - - การเน้นการเพิ่มคุณภาพการตัดสินใจของผู้นํา โดยเปิดโอกาสให้ผู้ตามมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสถานการณ์
    - - ทฤษฎีของเฮาส์กล่าวได้ว่าใช้แรงจูงใจเป็นแรงผลักให้สู่เป้าหมายทั้งส่วนบุคคลและขององค์การ
    - - ทฤษฎีภาวะผู้นำตามสถานการณ์
        
        R1 หมายถึง ไม่มีความสามารถ และไม่มีความเต็มใจที่จะทำ ถือว่าความพร้อมต่ำ
        
        R2 หมายถึง ไม่มีความสามารถ แต่เต็มใจที่จะทำ ถือว่าความพร้อมปานกลาง
        
        R3 หมายถึง มีความสามารถ แต่ไม่มีความเต็มใจที่จะทำ ถือว่าความพร้อมปานกลาง
        
        R4 หมายถึง มีความสามารถ และเต็มใจที่จะทำ ถือว่าความพร้อมสูง
      - พัฒนาแนวความคิด โดยเปลี่ยนระดับความพร้อมของผู้ตามเป็นความ สามารถและความผูกพัน
        
        S1 คือ การออกคำสั่ง (Direction)
        
        S3 คือ การสนับสนุน(Supporting)
        
        S4 คือ การมอบหมายงาน (Delegating)
        
        S2 คือ การสอนงาน (Coaching)
      - พฤติกรรมพื้นฐานของผู้นำ
        
        งานสูง -สัมพันธ์ต่ำ (S1) (Telling) สั่งการ
        
        งานสูง-สัมพันธ์สูง (S2) (Selling) ขายความคิด
        
        งานต่ำ – สัมพันธ์สูง (S3) (Participating) แบบมีส่วนร่วม
        
        งานต่ำ - สัมพันธ์ต่ำ (S4) (Delegating) มอบอำนาจ
  - - - SMART: ฉลาดทรงภูมิปัญญาองค์การสมัยใหม่มุ่งสู่ความเฉลียวฉลาดมีความแปลกใหม่มีนวัตกรรมใหม่
      - SMILE: ยิ้มแย้มเปียมน้ำใจองค์การที่มีความสุข SMOOTH: ความร่วมมือไร้ความขัดแย้งองค์การไม่มีความขัดแย้งและมีการผนึกความร่วมมือ
      - SMALL: จิ๋วแต่แจ๋วองค์การสมัยใหม่จะมีขนาดเล็กลงแต่มีคุณภาพมากขึ้น
      - SIMPLIFY: ทำเรื่องยากให้ง่ายและรวดเร็วองค์การต้องปรับปรุงให้ง่ายขึ้น
    - - คน (man) ก่อให้เกิดผลสำเร็จทั้งปริมาณและคุณภาพของงาน
      - เครื่องจักร (machine) ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่า
      - เงินทุน (money) หล่อเลี้ยงให้กิจกรรมขององค์กรดำเนินไปโดยไม่ติดขัด
      - วัสดุสิ่งของ (material) จัดหามาเพื่อดำเนินการผลิต
    - - สรรพสิ่งเคลื่อนไหวไปตามกฎทางธรรมชาติแต่บางสภาวะก็จะมีสภาพที่ผิดธรรมชาติขึ้นกล่าวคือไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์ที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑทั่วไปได้ต้องใช้ chaos theory
    - - 1) กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ (professional Core)
      - 2) กลุ่มผู้ปฏิบัติงานจากภายนอก (outsourcing vendors)
      - 3) กลุ่มพนักงานการจัดองค์การแบบนี้สอดคล้องกับแนวคิดการลดขนาดองค์การ (downsizing)
  - - - 2) บุคลากร (staff)
      - 3) ทักษะ (skills )
      - 1) แบบการบริหาร (style)
      - 4) ค่านิยมร่วม (shared values)
    - - 3) ระบบ (system)
      - 2) กลยุทธ์ (strategy)
      - 1) โครงสร้าง (structure)