Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

กลุ่มยาระบบทางเดินอาหาร (Gastrointe stinal drugs) - Coggle Diagram

- - - - อเบลลา (Abella), แอดแม็ก (Admag), แอร์-เอ็กซ์ (Air-X), แอร์ร็อกซ์ (Airrox), อัลทิคอน (Alticon), อลูดอน ฟอร์ด (Aludon Forte), อลูทอป เจล (Alutop Gel), เอมาโคน (Amacone)
    - - :forbidden: ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่แพ้ยา
      - :forbidden: ไม่ควรใช้ยานี้เกินกว่าขนาดที่แนะนำ
      - :forbidden:ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยลำไส้อุดตัน
    - - :explode:ยาผสมชนิดน้้า ขนาด 60, 75, 100, 125, 150 มิลลิกรัม/15 มิลลิลิตร
      - :explode: ยาผสมชนิดแคปซูล ขนาด 300 มิลลิกรัม
      - :explode: ยาผสมชนิดเม็ด ขนาด 25, 30, 40, 50, 60, 100, 500 มิลลิกรัม/เม็ด
      - :explode:ยาเดี่ยวชนิดน้้าสำหรับเด็กเล็ก ขนาด 40 มิลลิกรัม/0.6 มิลลิลิตร
      - :explode: ยาเดี่ยวชนิดแคปซูลนิ่มขนาด 150 มิลลิกรัม
      - :explode: ยาเดี่ยวชนิดเม็ด ขนาด 40, 80, 120 มิลลิกรัม
    - - ออกฤทธิ์โดยลดแรงตึงผิวของก๊าซในกระเพาะอาหาร ช่วยทำให้ก๊าซเกิดการกระจายตัวเป็นฟองก๊าซขนาดเล็ก ทำให้สามารถลดอาการแน่นท้องจากการสะสมของก๊าซในกระเพาะอาหารได้
    - - ลดอาการแน่นท้อง ท้องอืด
    - - ในเด็กทารกถึงเด็กอายุ 3 ขวบ ให้รับประทานครั้งละ 20 มิลลิกรัม ทุก 6-8 ชั่วโมง พร้อมอาหาร
      - ในเด็กอายุมากกว่า 3-6 ขวบ ให้รับประทานครั้งละ 40 มิลลิกรัม ทุก 6-8 ชั่วโมง พร้อมอาหาร
      - ในผู้ใหญ่ ขนาด 100 ถึง 250 มิลลิกรัม รับประทานโดยการเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืนยาครั้งละ 1-2 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร หรือวันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน หรือรับประทานเมื่อมีอาการ (สำหรับยาแคปซูลชนิดนิ่ม ห้ามบดหรือเคี้ยว และให้รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน)
    - - ยานี้อาจก่อให้เกิดอาการอันไม่พึงประสงค์ ได้แก่ ท้องเสียในระดับปานกลาง คลื่นไส้ อาเจียน
    - - :pencil2:ยานี้สามารถรับประทานควบคู่กับยาแก้โรคกระเพาะได้ เพื่อช่วยให้ออกฤทธิ์ได้เร็วขึ้น
      - :pencil2:ควรใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุไว้บนฉลากยา ไม่ควรใช้ยาในขนาดที่น้อยหรือมากกว่าที่ระบุไว้ หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
      - :pencil2:ในผู้ใหญ่ควรใช้ยานี้ไม่เกินวันละ 6 เม็ด หรือ 500 มิลลิกรัม ส่วนในเด็กไม่ควรเกินวันละ 240 มิลลิกรัม ขนาดรับประทาน รวมถึงระยะเวลาและความถี่ของการใช้ยาในแต่ละวัน ควรต้องอยู่ภายใต้ค้าสั่งและดุลยพินิจของแพทย์ผู้ให้การรักษา โดยเฉพาะในเด็กทารกและเด็กเล็ก
  - - - มาจากสารสำคัญในสูตรตำรับยาที่มีฤทธิ์กระตุ้นขับลม ทำให้มีการหลั่งน้้าลายเพิ่มขึ้น เพิ่มการเคลื่อนตัวของกระเพาะอาหาร ล้าไส้ให้ดีขึ้น
    - - ยาขับลมแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยลดแก๊สในกระเพาะอาหาร
    - - :fire:ผู้ใหญ่: รับประทานครั้งละ 15 - 30 มิลลิลิตรวันละ 3 - 4 ครั้ง
      - :fire:เด็ก: ไม่ควรใช้ยานี้แต่อย่างไรก็ตามขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษาเป็นกรณีไป
    - - ระคายเคืองทางเดินอาหาร ทำให้มีเหงื่อออกมาก หน้าแดง แสบร้อนกลางอก ระคายเคืองในช่องปาก การรับประทานยานี้มากเกินไปอาจส่งผลกระทบถึงการทำงานของตับและไต มีภาวะหายใจลำบากหรือกระตุ้นให้เกิดภาวะชักได้
    - - ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
      - ห้ามปรับขนาดรับประทานด้วยตนเอง
      - ห้ามใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร และเด็ก โดยไม่มีค้าสั่งจากแพทย์ผู้รักษา
      - หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆ
      - หากพบอาการผิดปกติหลังใช้ยานี้เช่น อึดอัดหายใจไม่ออก/หายใจล้าบาก หรือมีผื่นคันขึ้นตามร่างกาย ให้ หยุดการใช้ยานี้แล้วรีบไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
    - - :check:ควรเขย่าขวดทุกครั้งก่อนรับประทานยานี้
      - :check: ไม่ควรรับประทานยานี้เป็นเวลานานเกินกว่า 2 สัปดาห์ นอกจากแพทย์สั่ง
      - :check: ยาธาตุน้้าแดงมีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ จึงควรใช้ยาด้วยความระมัดระวัง
      - :check:ยานี้ไม่ใช่ยารักษาโรคกระเพาะ เพียงแต่ช่วยบ้าบัดอาการให้ดีขึ้นเท่านั้น
      - :check:ขนาดและวิธีการใช้ยาดังกล่าวเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนค้าสั่งแพทย์หรือวิธีใช้ที่ระบุไว้บนฉลากยาได้ หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
    - - Stomachic Mixture, Mixture Stomachica หรือ Mixt. Stomachica
- - - - ยาเม็ด ขนาดความแรง 120, 200, 230, 250, 300, 325, 400, 500 และ 600 มิลลิกรัม
        
        ยาน้ำแขวนตะกอน ขนาด 350, 400 และ 600 มิลลิกรัม/5 มิลลิลิตร
    - - กลไกในการออกฤทธิ์ของยาลดกรดคือการน้าความเป็นด่างของยาสะเทินกับกรดในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เพื่อลดความเป็นกรด เมื่อความเป็นกรดลดลงการกัดกร่อนของกรดที่จะท้าให้เกิดแผลหรือการท้าให้แผลที่มีอยู่ระคายเคืองจึงลดลงและให้ผลในการบรรเทาอาการ
    - - ขนาด
        
        เด็กอายุ 3-6 ปี รับประทานครั้งละ ครึ่ง -1 ช้อนชา
        
        เด็กอายุ 6 ปี รับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนชา หรือ ครึ่ง -1 เม็ด
        
        เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป และผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือ 1-2 เม็ด
      - วิธีการใช้
        
        โดยทั่วไปให้รับประทานก่อนอาหาร ครึ่งชั่วโมง หรือหลังอาหาร 1 ชั่วโมง หรือเมื่อมีอาการ
        
        ยาน้้าให้เขย่าขวดก่อนรับประทานทุกครั้ง
        
        ยาเม็ดให้เคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน
    - - อาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องผูก และเบื่ออาหารได้ นอกจากนี้ยังอาจพบอาการรู้สึกสับสน เหนื่อย อ่อนเพลีย และลำไส้อุดตัน หากรับประทานยานี้ในปริมาณมาก
    - - :warning:ควรระมัดระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคไต โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีอาการบวมน้ำ ผู้ที่ต้องควบคุมอาหารรสเค็ม และผู้ที่มีภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร
      - ควรระมัดระวังในการใช้ยานี้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี
    - - สำหรับยาเม็ดควรเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืนยา ส่วนยาน้ำแขวนตะกอน ให้เขย่าขวดก่อนรับประทานยาทุกครั้ง
      - :!!:ไม่ควรประทานยานี้ติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์ เว้นแต่แพทย์จะสั่งให้รับประทานยานี้ต่อไป
      - ควรนั่งตัวตรงหลังจากรับประทานยาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ไม่ควรนอนทันทีหลังจากที่รับประทานยา
      - โดยทั่วไปให้รับประทานยานี้วันละ 4 ครั้ง หลังอาหาร 1 ชั่วโมง และก่อนนอน และให้รับประทานเพิ่มเมื่อมีอาการ ถ้าเป็นมากให้รับประทานทุก 2-4 ชั่วโมง (ยกเว้นการใช้รักษาภาวะฟอสฟอรัสสูงในเลือดที่ต้องรับประทานยาพร้อมกับอาหารและก่อนนอน)
      - ยาน้้ำเมื่อเปิดใช้แล้วไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 3 เดือน ไม่ควรใช้ต่อไปแม้ยังไม่ถึงวันหมดอายุ
- - - - ยาเม็ด 150 และ 300 มิลลิกรัม
        
        ยาฉีด 50 มิลลิกรัม/หลอด (2 มิลลิกรัม)
    - - การออกฤทธิ์ที่ผนังของกระเพาะอาหาร โดยจะแข่งขันและป้องกันไม่ให้สารฮิสตามีน (Histamine) เข้าจับกับตัวรับ (Receptor) ที่เรียกว่า Histamine H2 receptors อีกทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้สารฮิสตามีนไปกระตุ้นการหลั่งกรดของกระเพาะอาหาร
    - - ใช้ลดการสร้างกรด รักษาและบรรเทาอาการในผู้ป่วยอาหารไม่ย่อย (Dyspepsia), โรคกรดไหลย้อน (GERD), กระเพาะอาหารอักเสบ (Gastritis), แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ (Peptic ulcer)
      - ใช้บรรเทาอาการและรักษาภาวะมีกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป เช่น กลุ่มอาการโซลลิงเจอร์-เอลลิสัน (Zollinger-Ellison syndrome)
      - ใช้ป้องกันภาวะกรดในกระเพาะอาหารสำลักเข้าสู่หลอดลมก่อนการผ่าตัด (Acid-aspiration pneumonia)
    - - ในผู้ป่วยรักษาอาการกรดไหลย้อน ภาวะกรดหลั่งมาก
        
        :smiley:ผู้ใหญ่ให้รับประทานครั้งละ 150 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ทุก 12 ชั่วโมง เช้าและเย็น หรือรับประทานครั้งละ 300 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน เป็นเวลาติดต่อกัน 8-12 สัปดาห์
        
        :smiley:เด็กให้รับประทานวันละ 2-4 มิลลิกรัม/กิโลกรัม (สูงสุดวันละ 300 มิลลิกรัม) โดยแบ่งให้วันละ 1-2 ครั้ง
      - รักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ (Peptic ulcer)
        
        :smiley:ในผู้ใหญ่ให้รับประทานครั้งละ 150 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น หรือรับประทานครั้งละ 300 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน เป็นเวลาติดต่อกัน 4 สัปดาห์
      - ใช้ป้องกันและบำบัดอาการอาหารไม่ย่อย
        
        :smiley:ให้รับประทานครั้งละ 75 มิลลิกรัมเมื่อมีอาการ และอาจให้ยาซ้ำอีก 1 ครั้งภายใน 24 ชั่วโมง
      - รักษากลุ่มอาการโซลลิงเจอร์-เอลลิสัน (Zollinger-Ellison syndrome)
        
        :smiley:ผู้ใหญ่ให้รับประทานครั้งละ 150 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง
    - - อาจพบได้ เช่น ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก ท้องเดิน ท้องเสีย
      - ถ้าใช้ชนิดฉีดอาจรุนแรงถึงขั้นเกิดภาวะช็อกจากการแพ้ (Anaphylactic shock) ได้
    - - :fire:ควรระวังการใช้ยารานิทิดีนในหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร เด็กทารก ผู้สูงอายุ
      - :fire:ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร ผู้ป่วยที่มีความบกพร่องในการท้างานของตับหรือไต
    - - ในกรณีที่รับประทานยาเพื่อป้องกันอาการแสบร้อนกลางอกจากโรคกรดไหลย้อน ให้รับประทานยานี้ก่อนอาหารประมาณ 30-60 นาที
      - หากอุจจาระมีสีดำเข้ม อาเจียนเป็นเลือด หรืออาเจียนมีลักษณะคล้ายเมล็ดกาแฟบดควรรีบไปพบแพทย์
      - ควรใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุไว้บนฉลากยาหรือภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
    - - อะซิแคร์ (Acicare), อะซิล็อก (Aciloc), ฮิสแท็ก (Histac), ราแม็ก (Ramag), รานิซิด (Ranicid), รานิด (Ranid), รานิดีน (Ranidine), รานิน-25 (Ranin-25), รานิท-วีซี อินเจ็คชั่น (Ranit-VC Injection), แรนแท็ก 150 (Rantac 150), แรนโทดีน (Rantodine), ราติก (Ratic), ราติกา (Ratica), อาร์-ล็อก (R-Loc), ซานิดีน (Xanidine), ซานาเมท (Zanamet), แซนแท็ก (Zantac), แซนทิดอน (Zantidon) ฯลฯ