Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กรณีศึกษาที่ 1 (โรคหอบหืด : Asthma) นายธนภัทร คบหมู่ รหัสนักศึกษา…
กรณีศึกษาที่ 1 (โรคหอบหืด : Asthma)
นายธนภัทร คบหมู่ รหัสนักศึกษา 603101031
สาเหตุ
จากทฤษฎีหรือตำรา
สาเหตุที่แท้จริงไม่ทราบแต่เชื่อว่ามีการกระตุ้น most cell ให้มีการหลั่ง histamine ทำให้มีการหดเกร็งของหลอดลม เยื่อบุหลอดลมบวม มีเสมหะมากขึ้น ทำให้เกิดอาการหายใจลำบาก โดยการกระตุ้นอาจเกิดจากปัจจัยภายนอกร่างกาย (extrinsic) เช่น การแพ้เกสรดอกไม้ อาหารยาขนสัตว์เป็นต้น หรือจากปัจจัยภายในร่างกาย (Intrinsic) เช่น พันธุกรรม การติดเชื้อทางเดินหายใจ การใช้ยาระงับประสาทหรือ
ยาแก้ปวด รวมทั้งความเครียด ความกลัว ความโกรธทําให้มีการการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์ กระตุ้นพาราซิมพาเทติควากัส ทำให้หลอดลมมีการหดเกร็งได้
จากกรณีศึกษา
เกิดจากเป็นหอบหืดตั้งแต่เด็ก ซึ่งอาจเกิดมาจากพันธุกรรม ทั้งไม่รักษาอย่างต่อเนื่อง
อาการและอาการแสดง
จากทฤษฎีหรือตำรา
หายใจลำบากมีเสียง wheezing
อาจมีการใช้กล้ามเนื้อส่วนอื่นช่วยในการหายใจ
หากมีอาการไอ หายใจเร็ว เหงื่อออกมาก อ่อนเพลีย
ซึ่งถือว่ามีการอุดกั้นทางเดินหายใจรุนแรง
จากกรณีศึกษา
มีอาการกำเริบเมื่อ 1 ปีที่แล้ว อาการหายใจลำบาก
การตรวจวินิจฉัยและการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
จากทฤษฎีหรือตำรา
การซักประวัติ
ประวัติการเป็นโรคหอบหืด
การแพ้ยาสารเคมีอาหารหรือสิ่งต่างๆ เช่น เกสรดอกไม้ฝุ่นขนสัตว์
ประวัติการใช้ยาหรือเคยมีอาการและอาการแสดงของโรคหอบหืด
การตรวจร่างกาย
ชีพจรเต้นเร็ว
หายใจเร็ว
หายใจลำบาก
เสียง wheezing ขณะหายใจ
ตรวจครรภ์จะพบขนาดของมดลูกน้อยกว่าอายุครรภ์
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การถ่ายภาพรังสีทรวงอก
ผลการเพาะเชื้อจากเสมหะ
การตรวจสุขภาพทารกในครรภ์ด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง
จากกรณีศึกษา
การซักประวัติ
เป็นหอบหืดตั้งแต่เด็ก รักษาไม่ต่อเนื่อง
มีอาการครั้งสุดท้ายเมื่อปีที่แล้ว ไม่มียารับประทานประจำ
การตรวจร่างกาย
เสียง wheezing ขณะหายใจ
หายใจลำบาก
ชีพจรเต้นเร็ว
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
VDRL non-reactive
HbsAg negative
Blood group B Rh positive
Hct 36%
OF negative
DCIP negative
การป้องกันและการรักษา
ระยะตั้งครรภ์ และระยะหลังคลอด
หาสาเหตุหรือปัจจัยส่งเสริมที่ทำให้เกิดอาการของโรค เช่น การติดเชื้อ การสัมผัสสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้
แนะนำให้หลีกเลี่ยงปัจจัยส่งเสริมเหล่านั้น
ดูแลให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ โดยรักษาค่าออกซิเจนในเลือด (arterial blood gas) ให้มากกว่า 60 mmHg และ Oxygen saturation มากกว่าร้อยละ 95 ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจต้อง
ใช้เครื่องช่วยหายใจและให้ corticosteroid
การให้ยาขยายหลอดลมยาแต่เนื่องด้วย ดังนั้นในระยะคลอดควรเท Oxytocin เสริมส่วนที่มีอาการรุนแรงได้ดีแต่
ที่นิยมใช้และมีความปลอดภัยสูงคือ terbutaline และ Isoproherenol
terbutaline มีผลต่อการหดรัดตัวของมดลูก
isoproteranol ใช้ควบคุมโรคได้ดี
อาจทำให้ทารกผิดปกติจึงไม่ควรใช้ในระยะยาว
ระยะคลอด
ควรให้ยาระงับปวดชนิด non-histamine releasing necrotic เช่น fentanyl ไม่แนะนำ meperidine หรือ morphine และในรายที่จำเป็นต้องให้ยาระงับความรู้สึกควรใช้ epidural แทน general anesthesia เพราะการใส่ท่อจะกระตุ้นให้หลอดลมหดเกร็ง
การให้ยาขยายหลอดลม
ที่นิยมใช้และมีความปลอดภัยสูงคือ terbutaline มีผลต่อการหดรัดตัวของมดลูก ดังนั้นในระยะคลอดควรให้ Oxytocin เสริม เพื่อให้กระตุ้นมดลูกหดตัวได้ดีขึ้น ทำให้มีความก้าวหน้าในการคลอด คลอดง่าย คลอดเร็ว
ผลของโรคต่อมารดาและทารกในครรภ์
มารดา
ความดันโลหิตสูง (Hypertension)
ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ (Preeclampsia)
มีโอกาสแท้ง 30-60%
เสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการจับหืด (Asthmatic attack)
หัวใจเต้นผิดจังหวะ (cardiac arrhythmia )
ทารก
เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด
คลอดน้ำหนักตัวน้อย
เสียชีวิตในครรภ์
มีโอกาสเป็นโรคหอบหืดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
ผลของโรคต่อการตั้งครรภ์
ส่งผลให้หัวใจทำงานหนัก มีอาการหายใจลำบากขณะนอน ปริมาณสารน้ำและเลือดในร่างกายเพิ่มขึ้น ปอดบางส่วนไม่สามารถแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้สมบูรณ์จากการที่อากาศที่เหลือค้างในปอดถูกขับออกตามปกติ อาจส่งผลให้มีอาการกำเริบและเป็นรุนแรงมากขึ้น
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์และระยะหลังคลอด
หลีกเลี่ยงจากปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดอาการของโรคหอบหืด
รับประทานอาหารให้ครบหมู่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยเลือกวิธีที่เหมาะสมและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
เฝ้าระวังและป้องกันการติดเชื้อในร่างกาย โดยเฉพาะการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบน
การรักษาร่างกายให้อบอุ่น
ดื่มน้ำมากๆ
หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้หรือสัมผัสบุคคลที่เป็นหวัด
สังเกตอาการผิดปกติเช่นไอมีเสมหะหายใจลำบากเป็นต้นหากมีอาการควรรีบมาพบแพทย์ทันที
รายที่มีอาการหอบหืดและใช้ยารักษา ควรให้คำแนะนำเรื่องการใช้ยา ถ้าใช้ยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น
ควรรีบมาพบแพทย์โดยเร็ว
แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์นับการดิ้นของทารกในครรภ์ทุกวัน
เพื่อประเมินภาวะสุขภาพของทารกในครรภ์
รายที่อาการของโรคกำเริบต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
6.1 ดูแลให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอตามแผนการรักษา
6.2 ดูแลให้หญิงตั้งครรภ์พักผ่อนอย่างเพียงพอ จัดสิ่งแวดล้อมให้สงบและสะอาด
6.3 ดูแลให้ได้รับขยายหลอดลมยาขับเสมหะหรือยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
6.4 ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง และสังเกตอาการหายใจลำบาก
6.5 สังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอเสมหะมีสีเหลืองหรือเขียว หายใจลำบากหรือมีการใช้กล้ามเนื้อส่วนอื่นช่วยในการหายใจ เยื่อบุหรือสีผิวเขียวคล้ำ เป็นต้น ถ้ามีอาการควรรายงานแพทย์
6.6 ดูแลความสะอาดของร่างกาย
และอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกเพื่อลดโอกาสร่างกาย
6.7 ช่วยเหลือในการทำกิจวัตรประจำวัน
ในหญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการอ่อนเพลีย
ระยะคลอด
โดยเตรียมผู้คลอดและอธิบายให้ผู้คลอดและครอบครัวทราบเกี่ยวกับเหตุผลทำภาวะแทรกซ้อน
ที่อาจเกิดขึ้นและการปฏิบัติตัวเป็นต้น
ในระยะคลอดผู้คลอดที่อาการของโรคไม่รุนแรงให้ดูแลเช่นเดียวกับผู้คลอกปกติ
สังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น เช่น อาการหายใจลำบาก หายใจมีเสียง Wheezing เป็นต้น
รายที่มีอาการของโรครุนแรงแพทย์อาจพิจารณาสิ้นสุดการตั้งครรภ์ด้วยการผ่าตัดคลอดห้องหรือทำแท้ง
ในรายที่เป็นโรคหอบหืดเรื้อรังและมีการทำงานของหัวใจและปอดแย่ลง คอยดูแลช่วยแพทย์ในการทำหัตถการ
เตรียมอุปกรณ์ช่วยฟื้นคืนชีพ ทั้งของมารดาและทารกให้พร้อมใช้พร้อมทั้งรายงาน ซ้อมใช้พร้อมทั้งรายงานกุมารแพทย์