Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การพยายาบาลเด็ก, น.ส.พัชราภรณ์ ถิ่นชุมทอง รุ่น 36/2 เลขที่ 4 …

- - - - เกิดขึ้นที่มือหรือข้อพับ
        
        อาจทำให้เป็นแผลดึงรั้ง
        
        เหยียดออกไม่ได้
      - เกิดที่ใบหน้า จะเป็นแแผลเป็น
    - - Second degree burn
        
        มีการทำลายของหนังกำพร้าทั้งชั้นผิวนอกและในสุด และหนังแท้ส่วนที่อยู่ตื้น
        
        มีเซลล์ที่สามารถเจริญทดแทนส่วนที่ตายได้
        
        หายได้ 2-3 สัปดาห์
        
        ไม่เกิดแผลเป็น หากไม่ติดเชื้อ
        
        ลักษณะ
        
        พุพองเป็นตุ่มน้ำใส
        
        ผิวหนังอาจหลุดลอกเห็นเนื้อสีชมพูหรือแดง
        
        มีน้ำเหลืองซึม
        
        ปวดแสบปวดร้อนมาก
      - Deep partial-thickness burns
        
        มีการทำลาย
        
        หนังกำพร้าและหนังแท้ทัั้งหมด
        
        ต่อมเหงื่อ ขุมขน
        
        เซลล์ประสาท
        
        อาจกินลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อหรือกระดูก
      - First degree burn
        
        เซลล์หนังกำพร้าชั้นผิวนอกถูกทำลายเท่านั้น
        
        สามารถเจริญขึ้นมาแทนที่ส่วนผิวนอกได้
        
        แผลหายเร็วและสนิท ไม่เกิดแผลเป็น
    - - บริเวณพื้นที่ของบาดแผล
      - บริเวณที่มีบาดแผลขนาดใหญ่
        
        ร่างกายสูญเสีย
        
        โปรตีน
        
        เกลือแร่
        
        น้ำ
        
        อาจเกิดภาวะช็อก
        
        อาจมีโอกาสติดเชื้อ
  - - - แผลขนาดกว้าง อาจทำให้เกิดภาวะช็อกได้
      - บาดแผลบริเวณใบหน้า ทำให้หายใจลำบาก
  - - - 1% ซิลเวอร ์ซัลฟาไดอะซีน มีฤทธิ์กว้าง
    - - มีภาวะขาดน้ำและช็อก
- - - - 1.วางเด็กคว่ำลงบนแขน และวางแขนนั้นลงบนหน้าตัก โดยศีรษะของเด็กอยู่ต่ำ
      - 2.เคาะหลัง 5 ครั้ง ติดต่อกันโดยเคาะแถวๆกึ่งกลางระหว่างกระดูกสะบักทั้งสองข้าง
      - 3.พลิกหงายบนแขนอีกข้าง ศีรษะต่ำ แล้วกดหน้าอกโดยใช่ 2 นิ้ว กดบนกระดูกหน้าอก
      - 4.ทำซ้ำจนกว่าสิ่งแปลกปลอมจะหลุดออกมา
      - 5.หากหมดสติ ประเมินสีญญาณชีพ และให้การช่วยเหลือการหายใจสลับการเคาะหลัง และกดหน้าอก
    - - 1.กระตุ้นให้ไอเอง
      - 2.ถ้าไม่สามารถพูด หายใจหนัก ให้ทำการกดท้อง โดยยืนด้านหลังเด็กใช้แขนอ้อมมาด้านหน้า กำมือเป็นกำปั้นและวางกำปั้นด้านข้าง บนกึ่งกลางหน้าท้องเหนือสะดือเด็ก กดโดยให้แรงมีทิศทางเข้าด้านใน และเฉียงขึ้น
      - 3.กดซ้ำจนกว่าสิ่งแปลกปลอมจะหลุดออกมา
      - 4.หากหมดสติ ให้ประเมินสัญญาณชีพ ให้การช่วยเหลือการหายใจสลับกับการกดหน้าท้อง
      - 5.การกดท้องในเด็กหมดสติ ทำโดยให้เด็กอยู่ในท่านอนราบ นั่งคร่อมตัวเด็ก วางสันมือบนท้องตำแหน่งสูงกว่าสะดือ กดในทิศทางเข้าด้านในและเฉียงขึ้น กด 5 ครั้ง แล้วเปิดปากสำรวจสิ่งแปลกปลอมหลุดออกมาหรือไม่
    - - ให้ทำในท่านั่งหรือยืน
      - โน้มตัวไปทางด้านหน้าเล็กน้อย ผู้ช่วยเหลือเข้าทางด้านหลัง
      - ใช้แขนสอดสองข้างโอบผู้ป่วยไว้ มือซ้ายประคองมือขวาที่กำวางไว้ที่ใต้ลิ้นปี่
      - ดันกำมือขวาเข้าใต้ลิ้นปี่อย่างรวดเร็ว ดันเข้าใต้กระบังลมผ่านไปยังชองท้อง เพื่อดันสิ่งแปลกปลอมออกจากกล่องเสียง
- - - - กระดูกหักไม่มีบาดแผลหรือโผล่ออกมานอกผิวหนัง
    - - กระดูกหักที่ทิ่มแทงออกมานอกเนื้อ
  - - - กระดูกแตกออกดป็น 2 ชิ้น
    - - กระดูกแตกออกเป็น 2 ด้สน
    - - กระดูกแตกเพียงด้านเดียว อีกด้านโก่งไปตามแรงกด มักเดิขึ้นกับเด็ก
  - - - ถ้าบาดแผลใหญ่หรือเลือดไหลไม่หยุด ให้หาสายรัด มาผูกรัดเหนือแผลให้แน่นๆ คลายสายทุกๆ 15 นาที คลายครั้งละ 30-60 นาที ถ้าไม่หยุดไหลรัดกระชับเข้าไปใหม่
    - - การดามกระดูกแบบชั่วคราว ใช้วัตถุแข็ง ทำเป็นเฝือกวางแนบกับส่วนที่หัก ให้ปลายทั้ง 2 ข้างครอบคลุมถึงข้อที่อยู่เหนือและใต้ส่วนที่หัก
      - ควรมีสิ่งนุ่มๆรองรับบผิวหนังส่วนนั้น รัดทั้งหมดเข้าด้วยกัน
    - - ประคบโดยทันที ใช้ผ้าบางมาพันรอบน้ำแข็งก่อน
      - การประคบเย็นช่วยลดอาการปวด ลดการไหลของเลือด
      - ประคบนาน 20 นาที หรือจนกว่าจะรู้สึกชา
    - - กระดูกสันหลังหัก
      - กระดูกศีรษะหรือคอหัก
      - สะโพกหรืออ้งเชิงกรานหัก
    - - ปวดมากและรู้สึกคับเฝือกมาก
      - นิ้วมือหรือนิ้วเท้าข้างที่ใส่มีสีเขียวคล้ำ หรือ ซีดขาวบวมขึ้น หรือมีอาการชาและรู้สึกซ่าๆ
      - ปวดแสบปวดร้อน
      - มีอาการปวมแดงที่บริเวณต่ำกว่าเฝือกหรือขอบเฝือก
      - มีเลือด น้ำหนอง หรือหนอง ไหลซึมออกจากเฝือก
      - ไม่สามารถขยับเขยื้อนนิ้วมือหรือนิ้วเท้าข้างที่ใส่เฝือกได้
      - เฝือกหลวม บุบสลาย หรือแตกหัก หรือมีวัตถุแปลกปลอมเข่าไปในเฝือก
- - - - hypervolemia
      - หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจวาย
      - อาจเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก
  - - - ปริมาตรน้ำที่ไหลเวียนในร่างกายลดลง
      - เกิดภาวะhypovolemia
      - เกิด pulmonary edema
      - ระดับเกลือในร่างกายสูงขั้น
      - หัวใจเต้นผิดปกติ หัวใจวาย
  - - - รีบเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า
      - ใช้ผ้าคลุมตัว
      - จัดท่าตะแคงกึ่งคว่า
      - นำส่งโรงพยาบาลเร็วที่สุด
    - - ตรวจดูว่ามีลมหายใจ หัวใจเต้น
      - ไม่มีสัญญาณชีพเรียกหน่วยพยาบาล
      - นวดหัวใจสลับการช่วยหายใจ
- - - - Corrosive
        
        ทำให้เนื้อเยื่อในร่างกายไหม้ พอง
        
        ได้แก่
        
        สารละลายกรดและด่างเข้มข้น
        
        น้ำยาฟอกขาว
      - Irritants
        
        ทำให้
        
        ปวดร้อน
        
        อักเสบในระยะต่อมา
        
        ปวดแสบ
        
        ได้แก่
        
        ฟอสฟอรัส
        
        สารหนู
        
        อาหารเป็นพิษ
        
        ซัลเฟอร์ไดออกไซด์
      - Narcotics
        
        ทำให้
        
        ปลุกไม่ตื่น
        
        ม่านตาหดเล็ก
        
        หมอสติ
        
        ได้แก่
        
        ฝิ่น
        
        มอร์ฟีน
        
        พิษจากงูบางชนิด
      - Dililants
        
        ทำให้
        
        ใบหน้าและผิวหนังแดง
        
        ตื่นเต้นชีพจรเต้นเร็ว
        
        เพ้อคลั่ง
        
        ช่องม่ายตาขยาย
        
        ได้แก่
        
        ยาอะโทรปีน
        
        ลำโพง
    - - การหายใจ
        
        หายใจลำบาก
        
        มีเสมหะมาก
        
        หายใจขัด
        
        เขียวปลายมือปลายเท้าหรือบริเวณริมฝีปาก
        
        ลมหายใจมีกลิ่นสารเคมี
      - ผิวหนัง
        
        เหงื่ออกมาก
        
        มีผื่นจุดเลือดออก
        
        ตัวเย็น
      - ทางเดินอาหาร
        
        คลื่นไส้
        
        อาเจียน
        
        ปวดท้อง
        
        น้ำลายฟูมปาก
        
        มีรอยไหม้บริเวณริมฝีปาก
        
        มีกลิ่นสารเคมีบริเวณปาก
      - การรับรู้
        
        ชัก
        
        หมดสติ
        
        เพ้อ
        
        ขนาดช่องม่านตาผิดปกติ
    - - การฉีด
      - การหายใจ
      - การรับประทาน
      - การสัมผัสทางผิวหนัง
    - - ได้รับสารพิษทางปาก
        
        นำส่งโรงพยาบาล ล้างพิษ
        
        ทำให้อาเจียน
        
        :red_cross:
        
        ได้รับสารพิษชนิดกัดเนื้อ
        
        กรด
        
        ด่าง
        
        พวกน้ำมันปิโตรเลียม
        
        น้ำมันก๊าด
        
        เบนซิน
        
        ให้นม ทำให้พิษเจือจาง
        
        ให้สารดูดซับสารพิษในระบบทางเดินอาหาร
        
        Activated charcoal
        
        ไข่ขาว 3-4 ฟอง
      - ได้รับสารกัดเนื้อ
        
        รู้สึกตัวดี ดื่มนม
        
        อย่าทำให้อาเจียน
        
        รีบนำส่งโรงพยาบาล
      - ได้รับสารพวกน้ำมันปิโตรเลียม
        
        รีบนำส่งโรงพยาบาล
        
        ห้ามทำให้อาเจียน
        
        ระหว่างส่งโรงพยาบาล หากอาเจียนให้กดศีรษะต่ำ ป้องกันสำลักเข้าปอด
      - ได้รับยาแก้ปวด ลดไข้
        
        อาการและอาการแสดง
        
        ยาพาราเซตามอล
        
        คลื่นไส้ อาเจียน
        
        ง่วงซึม
        
        เหงื่อออกมาก
        
        ความดันโลหิตต่ำ
        
        สับสน
        
        เบื่ออาหาร
        
        ยาแอสไพริน
        
        เหงื่อออกมาก
        
        ปลายมือปลายเท้าแดง
        
        หูอื้อ การได้ยินลดลง
        
        ชีพจรเร็ว คลื่นไส้อาเจียน
        
        หายใจเร็ว ใจสั่น
        
        การปฐมพยาบาล
        
        ทำให้เจือจาง
        
        ให้สารดูดซับสารพิษ
        
        ทำให้อาเจียน
    - - ก๊าซ
        
        ทำให้ระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ
        
        ทำให้อันตรายทั่วร่างกาย
        
        ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน
      - การปฐมพยาบาล
        
        ประเมินการหายใจและการเต้นของหัวใจ
        
        นำผู้ป่วยออกจากบริเวณที่เกิดเหตุไปยังที่อากาศบริสุทธื์
        
        กลั้นหายใจและรีบเปิดประตูหน้าต่าง ปิดท่อก๊าซ ขจัดต้นเหตุของพิษนั้นๆ
    - - อย่าใช้ยาแก้พิษทางเคมี
      - บรรเทาอาการปวดและรักษาช็อก
      - ล้างด้วยน้ำสะอากนานๆ อย่างน้อย 15 นาที
      - ปิดแผล นำส่งโรงพยาบาล
    - - ล้างตาด้วยน้ำนาน 15 นาที โดยเิปดน้ำก๊อกไหลรินค่อยๆ
      - อย่าใช้ยาแก้พิษทางเคมี
      - ปิดต่ แล้วนำส่งโรงพยาบาล
      - บรรเทาอาการปวดและรักษาช็อก