Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กรณีศึกษาโรคหลอดเลือดสมอง - Coggle Diagram
กรณีศึกษาโรคหลอดเลือดสมอง
กลไกการเกิดปัญหา
ข้อมูลส่วนบุคคล
อาการสำคัญที่มาโรงพยาบาล
แขนขาด้านขวาอ่อนแรง 1 วัน ก่อนมาโรงพยาบาล
ประวัติเจ็บป่วยในปัจจุบัน
1 วันก่อนมาโรงพยาบาล หลังตื่นนอนญาติพบว่าไม่พูด ถามไม่ตอบ แต่ทำตามคำสั่งบางครั้ง น้ำไหลจากปากด้านซ้าย มุมปากด้านขวาเบี้ยว พูดไม่ชัด ลิ้นคับปาก แขน ขาขวาอ่อนแรง เดินได้ต้องช่วยพยุงแรกรับรู้สึกตัว สามารถลืมตาได้เอง ออกเสียงไม่เป็นภาษาไม่มีความหมาย ขยับทำตามคำสั่งได้ ญาติจึงนำส่งโรงพยาบาล
ประวัติเจ็บป่วยในอดีต
5 ปีก่อนมาโรงพยาบาลได้รับการวินิจฉัยเป็น โรคความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง รักษา โดยการใช้ยาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดยา สามารถควบคุม ความดันได้ดี
3 ปีก่อนมาโรงพยาบาล มีหายใจเหนื่อย ใจสั่น แพทย์วินิจฉัยเป็น Atrial Fibrillation รักษาโดยการใช้ยา Warfarin อย่างต่อเนื่องไม่ขาดยา
ผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 66 ปี
รูม่านตามีปฏิกิริยาต่อแสงได้ดีทั้ง 2 ข้าง Motor power แขนขวาอ่อนแรง grade 3 ขาขวาอ่อนแรง grade 3 แขนซ้ายอ่อนแรง grade 4 ขาซ้ายอ่อนแรง grade 4 มี มุมปากด้านขวาเบี้ยว พูดไม่ชัด ลิ้นคับปาก
สัญญาณชีพแรกรับ ความดันโลหิต 152/88 mmHg. ชีพจร 86 ครั้ง/นาทีหายใจ 20 ครั้ง/นาที ระดับความอิ่มตัวของออกซิเจน 100% อุณหภูมิร่างกาย 38.8 องศาเซลเซียส
ผลการตรวจทางรังสี พบรอยฝ้า ตำแหน่งปอดล่างด้านซ้าย ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจพบ Atrial Fibrillation อัตรา 86 ครั้ง/นาที
CT Non Contrast : พบ Hypodense lesion with loss of gray white matter interface at left frontal suggested acute infarction an old lacunar infarction at right cerebellum
การวินิจฉัย : Ischemic stroke left frontal and left lentiform
การรักษาที่ได้รับ
0.9% Nacl 1000 ml iv. drip rate 80 ml/hr.
Wafarin (5) ½ tablet oral hs.
Simvastatin (20) 1 tablets oral hs.
Metoprolol (100) 1 tablets oral เช้า-เย็น
Ceftazidime 2 gm. iv. push ทุก 8 ชั่วโมง
record I/O q 8 hrs.
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
PT 13.5 sec. PTT 25.4 sec./ratio PT-INR 1.26 sec./ratio
Hb. 11 gm.%, Hct. 34.0%, WBC 14,500 cell/mm3 Neutrophil 85% Lymphocyte 15 %
U/A WBC 20-30 Cells/HPF
การพยาบาลแบบองค์รวม
ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะติดเชื้อ ได้แก่ มีไข้ หนาวสั่น มือเท้าเย็น เป็นต้น เพื่อประเมินอาการและอาการแสดงที่บ่งบอกถึงมีการติดเชื้อในร่างกาย
ประเมินอาการอ่อนแรงของแขน ขาทั้งสองข้าง และประเมินความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการวางแผนด้านการช่วยเหลือให้ได้รับการเคลื่อนไหว
ประเมินระดับความรู้สึกตัว อาการผิดปกติทางระบบประสาท โดยประเมินจาก Level of consciousness และ Neurological signs เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการวางแผนด้านการช่วยเหลือต่อไป
สังเกตอาการของภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียนพุ่ง ความดันโลหิต Systolic สูงขึ้นจากเดิม 20% และความดันชีพจรกว้างขึ้น (Pulse pressure 50-60 mmHg) รูปแบบการหายใจปกติลักษณะ Cheyne Stroke, Hyperventilation เป็นต้น เพื่อประเมินและป้องกันโอกาสเกิดภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง
ตรวจวัดสัญญาณชีพและติดตามสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะอุณหภูมิร่างกาย ควรอยู่ระหว่าง 36.5-37.4 องศาเซลเซียส เพื่อติดตามความเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพที่บ่งบอกถึงมีการติดเชื้อในร่างกาย
Monitor EKG เพื่อเฝ้าระวังภาวะหัวใจเต้นพลิ้วและหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดอื่นที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตอย่างน้อย 24 ชั่วโมงแรก
จัดท่านอนให้ศีรษะสูง 15-30 องศา ดูแลศีรษะ ลำคอ และสะโพก ไม่พับงอมากกว่า 90 องศา เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงสมองได้สะดวก ห้ามจัดท่านอนคว่ำ หรือนอนศีรษะต่ำ
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษาของแพทย์ คือ 0.9% Nacl 1000 ml iv. drip rate 80 ml/hr. เพื่อปรับให้ร่างกายอยู่ในภาวะสมดุลของน้ำ
ติดตามอาการข้างเคียงจากการได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ 0.9% Nacl 1000 ml iv. drip rate 80 ml/hr. ได้แก่ กระวนกระวาย อ่อนเพลีย กระหายน้ำ ปากแห้ง ลิ้นบวม ผิวหนังเป็นผื่นแดง เป็นไข้ เวียนศีรษะ ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ เพื่อประเมินและเฝ้าระวังอาการแพ้ยา อาการไม่พึงประสงค์ของยาและป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการได้รับยา
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาต้านการเกิดลิ่มเลือดตามแผนการรักษาของแพทย์ คือ ยา Warfarin (5) ½ tablet oral hs. เพื่อยับยั้งการทำงานของปัจจัยการแข็งตัวของเลือด
ติดตามอาการข้างเคียงจากการได้รับยา Warfarin (5) ½ tablet oral hs. ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องเล็กน้อย ท้องอืด การรับรู้รสชาติอาหารเปลี่ยนแปลง ลมพิษ หายใจลำบาก หน้าบวม ปากบวม ลิ้นบวม หรือคอบวม เพื่อประเมินและเฝ้าระวังอาการแพ้ยา อาการไม่พึงประสงค์ของยาและป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการได้รับยา
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาลดไขมันในหลอดเลือดตามแผนการรักษาของแพทย์ คือ ยา Simvastatin (20) 1 tablets oral hs. เพื่อรักษาภาวะไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด
ติดตามอาการข้างเคียงจากการได้รับยา Simvastatin (20) 1 tablets oral hs. ได้แก่ ลมพิษ หายใจลำบาก ปวดศีรษะ ท้องผูก คลื่นไส้ หัวใจเต้นผิดปกติ เพื่อประเมินและเฝ้าระวังอาการแพ้ยา อาการไม่พึงประสงค์ของยาและป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการได้รับยา
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยารักษาการทำงานของหัวใจตามแผนการรักษาของแพทย์ คือ ยา Metoprolol (100) 1 tablets oral เช้า-เย็น เพื่อรักษาภาวะเจ็บหน้าอกจากหัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตสูง
ติดตามอาการข้างเคียงจากการได้รับยา Metoprolol (100) 1 tablets oral เช้า-เย็น ได้แก่ เวียนศีรษะ ผื่นคัน ลมพิษ หายใจลำบาก หน้าบวม ริมฝีปากบวม เพื่อประเมินและเฝ้าระวังอาการแพ้ยา อาการไม่พึงประสงค์ของยาและป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการได้รับยา
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษาของแพทย์ คือ ยา Ceftazidime 2 gm. iv. push ทุก 8 ชั่วโมง เพื่อใช้สำหรับการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
ติดตามอาการข้างเคียงจากการได้รับยา Ceftazidime 2 gm. iv. push ทุก 8 ชั่วโมง ได้แก่ ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ผื่นแดง ผื่นลมพิษ เพื่อประเมินและเฝ้าระวังอาการแพ้ยา อาการไม่พึงประสงค์ของยาและป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการได้รับยา
สังเกตและบันทึกสารน้ำเข้า-ออกจากร่างกาย ทุก 8 ชั่วโมง ตามแผนการรักษาของแพทย์ รวมทั้งบันทึกลักษณะ เพื่อประเมินภาวะการขาดน้ำและการทำงานของไต
แนะนำญาติพลิกตะแคงตัวผู้ป่วยทุก 2 ชั่วโมง เพื่อส่งเสริมการขยับตัวเคลื่อนไหว และเพื่อป้องกันการนอนนาน
กระตุ้นให้ผู้ป่วยช่วยเหลือตนเองในการทำกิจวัตรประจำวันให้ได้มากที่สุด เช่น การเปลี่ยนท่า การลุกนั่ง การอาบน้ำ การเช็ดตัว การแปรงฟัน เพื่อเสริมสร้างคุณค่าและคงศักยภาพในการทำกิจวัตรของผู้ป่วย
กระตุ้นให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมากๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI)
จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ ยกไม้กั้นเตียงขึ้น จัดวางของใช้ให้เป็นระเบียบ หยิบใช้สะดวก เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและส่งเสริมภาวะสุขสบายแก่ผู้ป่วย
สื่อสารด้วยประโยคที่สั้น เข้าใจง่าย พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน อาจต้องพูดซ้ำ อาจเขียนหรือใช้ภาพประกอบ และกระตุ้นให้ผู้ป่วยรับทราบเกี่ยวกับความเป็นจริง วัน เวลา สถานที่ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเรียนรู้ จดจำ
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ PT, PTT, PT-INR, Hb., Hct., WBC, Neutrophil, Lymphocyte และ U/A เพื่อติดตามความเปลี่ยนแปลงและผลของการรักษาของแพทย์
ติดตามผลการตรวจพิเศษ ได้แก่ X-ray และ CT เพื่อติดตามความเปลี่ยนแปลงและผลของการรักษาของแพทย์
26.แนะนำ สาธิต และฝึกให้ผู้ป่วยทำกายภาพบำบัด โดยเริ่มจากท่าที่ง่ายและมีความจำเป็นก่อนตามลำดับ
ให้ผู้ป่วยประสานมือ 2 ข้างเข้าด้วยกัน เหยียดข้อศอกตรง แขนแนบหู และให้ผู้ป่วยมองตามมือทั้ง 2 ข้างขณะทำ แล้วยกแขนลงให้ฝึกบ่อยๆ อย่างน้อย 20-30 ครั้งต่อวัน
แนะนำญาติให้ช่วยทำ Passive exercise ให้กับผู้ป่วย เช่น งอแขนเข้า-เหยียดแขนออก ให้ฝึกบ่อยๆ อย่างน้อย 20-30 ครั้งต่อวันในแต่ละข้าง งอขาเข้า-เหยียดขาออกให้ฝึกบ่อยๆ อย่างน้อย 20-30 ครั้งต่อวันในแต่ละข้าง
แนะนำสอนให้ผู้ป่วยหัดเกร็งกล้ามเนื้อขา 2 ข้าง ดังนี้ เหยียดขา 2 ข้างออกไปให้สุด ใช้มือรองใต้เข่าผู้ป่วยข้างที่กำลังฝึก จากนั้นแนะนำให้ผู้ป่วยพยายามกดเข่าข้างนั้นลงให้ติดพื้นเตียงให้มากที่สุด ให้ฝึกบ่อยๆ อย่างน้อย 20-30 ครั้งต่อวันต่อข้าง
นางสาวชัชชญา ทับทิมหิน เลขที่ 34 รหัสนักศึกษา 612401035