Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การป้องกันและช่วยเหลือเด็กที่ได้รับอุบัติเหตุ, นางสาวชุดานันท์ เฟื่องบุบผา…
การป้องกันและช่วยเหลือเด็กที่ได้รับอุบัติเหตุ
การพยาบาลเด็กจมน้ำ
การจมน้ำเค็ม ( Salt-water Drowning)
เกิดภาวะ hypovolemia ระดับเกลือแร่ในร่างกายสูงขึ้น
ทำให้เกิดภาวะpulmonary edema ปริมาตรน้ำที่ไหลเวียนในร่างกายลดลง
หัวใจเต้นผิดปกติ หัวใจวาย ช็อกได้
การจมน้ำจืด(Freshwater-Drowning)
น้ำจะซึมผ่านเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตของปอดอย่างรวดเร็ว
เกิด hypervolemia ทำให้ระดับเกลือแร่ในเลือดลดลง
หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจวาย
อาจเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก hemolysis
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ไม่ถูกหลัก
อุ้มเด็กพาดบ่าแล้วเขย่ากระทุ้งบริเวณหน้าท้อง
เพราะเด็กอาจเกิดอาการช้ำจากแรงกระแทกได้
Drowning
ผู้ที่เสียชีวิตจากการจมน้ำ
วิธีช่วยเด็กจมน้ำที่ดีที่สุด
กรณีที่เด็กรู้สึกตัว
เปลี่ยนเสื้อผ้า
ใช้ผ้าคลุมตัวเพื่อทำให้เกิดความอบอุ่น
รีบเช็ดตัว
จัดให้นอนในท่าตะแคงกึ่งคว่ำ
แล้วนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
กรณีที่เด็กหมดสติ
หัวใจเต้นหรือเปล่า
ถ้าไม่ ให้โทร. เรียกหน่วยรถพยาบาลหรือหน่วยกู้ภัยโดยด่วน
เช็กว่ายังมีลมหายใจอยู่ไหม
จากนั้นให้ช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานโดยนวดหัวใจสลับกับการช่วยหายใจ
Near-Drowning
ผู้ที่จมน้ำแต่ไม่เสียชีวิตทันที
บาดแผลไฟไหมน้ำร้อนลวก (Burns)
บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกแบ่งได้เป็น 3 ระดับ
ระดับที่ 2
ชนิดตื้น
บาดแผลที่มีการทำลายของ
หนังกำพร้าทั้งชั้นผิวนอกและชั้นในสุด
ชนิดลึก
บาดแผลที่มีการทำลายของหนังแท้ส่วนลึก
ลักษณะบาดแผลจะตรงกันข้ามกับบาดแผล
ระดับที่ 2 ชนิดตื้นคือจะไม่ค่อยมีตุ่มพอง
แผลเป็นสีเหลืองขาวแห้ง
ระดับที่ 3
บาดแผลที่มีการทำลายของหนังกำพร้า
และหนังแท้ทั้งหมดรวมทั้งต่อมเหงื่อขุมขน
และเซลล์ประสาทและอาจกินลึกถึง
ชั้นกล้ามเนื้อหรือกระดูก
ระดับที่ 1
บาดแผลที่มีการทำลายของเซลล์หนังกำพร้าชั้นผิวนอกเท่านั้น
การพยาบาลแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก
ให้ล้างแผลหรือแช่แผลด้วยน้ำสะอาดแล้วใช้ ผ้าก๊อซหรือผ้าแห้งสะอาดปิดแผลไว้
แผลที่เป็นตุ่มน้ำใสไม่ควรเอาเข็มไปเจาะเพื่อระบายเอาน้ำออกเพราะเข็มที่ใช้อาจไม่สะอาดซึ่งอาจทาให้ผู้ป่วยติดเชื่อบาดทะยักหรือเกิดแผลอักเสบได้
ก้าบาดแผลเกิดมีขนาดกว้างเช่นประมาณ 10-15% (10 15 ฝ่ามือ) ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะซื้อกได้อย่างรวดเร็วหรือเกิดบาดแผลที่บริเวณใบหน้า (รวมทั้งปากและจมูก) ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยหายใจได้ลำบากควรรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที
สาเหตุ
วัตถุที่ร้อน
เตารีด
กาน้ำร้อน
น้ำมันร้อนๆ
ความร้อน
ตะเกียง
เตาไฟ
ประทัด
กระแสไฟฟ้า
สารเคมี รังสี
สำลักสิ่งแปลกปลอม
ปัญหาที่เกิดตามหลังการสำลัก
ทำให้เกิดการอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนต้น
เกิดการอุดกั้นของหลอดลมส่วนปลายทำให้เกิดภาวะปอดแฟบ
กรณีที่เกิดกับเด็กที่อายุน้อยกว่า 1 ปี
2.เคาะหลัง 5ครั้งตดิต่อกันโดยเคาะแถวๆ
กึ่งกลางระหว่างกระดูกสะบักทั้งสองข้าง
3.จากนั้นพลิกให้เด็กหงายบนแขนอีกข้าง วางบนหน้าตักโดยให้ศีรษะอยู่ต่ำเช่นกัน แล้วกดหน้าอกโดยใช้สองนิ้วของผู้ช่วยกดบนกระดูกหน้าอก
1.วางเด็กคว่ำลงบนแขนและวางแขนนั้น
ลงบนหน้าตักโดยให็ศีรษะของเด็กอยู่ต่ำ
4.ทำซ้ำจนกว่าสิ่งแปลกปลอมจะหลุดออกมา
5.หากเด็กหมดสติ
ประเมินการหายใจ
การเต้นของชีพจร
ให้การช่วยเหลือการหายใจสลับกับการเคาะหลังและกดหน้าอก
กรณีที่เกิดกับเด็กที่อายุมากกว่า 1 ปี
1.กระตุ้นให้เด็กไอเอง
2.ถ้าเด็กไม่สามารถพูดให้ทำการกดท้อง โดยผู้ช่วยยืนด้านหลังเด็ก แล้วอ้อมแขนมาด้านหน้ากำมือเป็นกำปั้นและวางก่าปั้นด้านข้าง (ด้านหัวแม่มือ) บนกึ่งกลางหน้าท้องเหนือสะดือเด็กกดโดยให้แรงมีทิศทางเข้าด้านในและเฉียงขึ้นบน
3.กดซ้ำจนกว่าสิ่งแปลกปลอมจะหลุดออกมา
4.หากเด็กหมดสติให้ประเมินการหายใจการเต้นของ
ชีพจรและให้การช่วยเหลือการหายใจสลับกับการกดท้อง
การกดท้องในเด็กหมดสติทำโดยให้เด็กอยู่ในท่านอนราบผู้ช่วยนั่งคร่อมตัวเด็กวางสันมือบนท้องเด็กตำแหน่งสูงกว่าสะดือเด็กกดในทิศทางเข้าด้านในและเฉียงขึ้นกด5ครั้งแล้วเปิดปากสำรวจดูว่ามีสิ่งแปลกปลอมหลุดออกมาหรือไม่กึ่งกลางท้องเด็ก
คำแนะนำเพื่อป้องกันการสำลักสิ่งแปลกปลอม
ไม่ควรป้อนอาหารเด็กในขณะที่เด็กกำลังวิ่งเล่นอยู่
เลือกชนิดรูปร่างและขนาดของของเล่นให้เหมาะสม
เลือกชนิดและขนาดของอาหารที่เหมาะสม
สารพิษ ( Poisons)
สารพิษจำแนกตามลักษณะการออกฤทธิ์
ชนิดทำให้ระคายเคือง (Irritants)
ทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนและอาการอักเสบในระยะต่อมา
ชนิดกัดเนื้อ (Corrosive)
ทำให้เนื้อเยื่อของร่างกายไหม้พอง
ชนิดที่กดระบบประสาท (Narcotics)
ทำให้หมดสติหลับลึกปลุกไม่ตื่นม่านตาหดเล็ก
ชนิดที่กระตุ้นระบบประสาท (Dililants)
ทำให้เกิดอาการเพ้อคลั่งใบหน้าและผิวหนังแดง
ตื่นเต้นชีพจรเต้นเร็วช่องม่านตาขยาย
การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับสารพิษทางปาก
ทำให้ผู้ป่วยอาเจียนเพื่อเอาสารพิษ
ออกจากกระเพาะอาหาร
นำส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการล้างท้อง
เอาสารพิษออกจากกระเพาะอาหาร
ให้สารดูดซับสารพิษในระบบทางเดินอาหารเพื่อ
ลดปริมาณการดูดซึมสารพิษเข้าสู่ร่างกายสารที่
ใช้ได้ผลดีคือ Activated charcoal มีลักษณะเป็น
ผงถ่านสีดำใช้ ๑ ช้อนโต๊ะละลายน้ำ ๑ แก้วให้ผู้ป่วย
ดื่มถ้าหาไม่ได้อาจใช้ไข่ขาว ๓-๔ ฟองตีให้เข้ากัน
ทำให้สารพิษเจือจางโดยให้นม
การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับสารพวกน้ำมันปิโตเลียม
ห้ามทำให้อาเจียน
ระหว่างนำส่งโรงพยาบาลถ้าผู้ป่วยอาเจียนให้
จัดศีรษะต่ำเพื่อป้องกันการสำลักน้ำมันเข้าปอด
รีบนำส่งโรงพยาบาล
การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับสารกัดเนื้อ
อย่าทำให้อาเจียน
รีบนำส่งโรงพยาบาล
ถ้ารู้สึกตัวดีให้ดื่มนม
การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับยาแก้ปวดลดไข้
ทำให้อาเจียน
ให้สารดูดซับสารพิษที่อาจหลงเหลือในระบบทางเดินอาหาร
ทำให้สารพิษเจือจาง
การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับสารพิษทางการหายใจ
นำผู้ป่วยออกจากบริเวณที่เกิดเหตุไปยังที่มีอากาศบริสุทธิ์
ประเมินการหายใจและการเต้นของหัวใจถ้าไม่มีให้
ผายปอดและนวดหัวใจนำส่งโรงพยาบาล
กลั้นหายใจและรีบเปิดประตูหน้าต่าง ๆ เพื่อให้อากาศถ่ายเท
การปฐมพยาบาลเมื่อสารเคมีถูกผิวหนัง
อย่าใช้ยาแก้พิษทางเคมี
ปิดแผลแล้วนำส่งโรงพยาบาล
ล้างด้วยน้ำสะอาดนาน ๆ อย่างน้อย ๑๕ นาที
การปฐมพยาบาลเมื่อสารเคมีเข้าตา
ล้างตาด้วยน้ำนาน ๑๕ นาที่โดยการเปิดน้ำก๊อกไหลรินค่อย ๆ
บรรเทาอาการปวดและรักษาช็อค
ปิดตาแล้วนำส่งโรงพยาบาล
กระดูกหัก(Bone fracture)
แบ่งตามรอยที่มีการหักของกระดูก
กระดูกหักยุบเข้าหากัน
กระดูกแตกทั้ง 2 ด้าน
กระดูกเดาะ
กระดูกที่แตกเพียงด้านเดียว
กระดูกหักทั่วไป
กระดูกที่แตกออกเป็น 2 ชิ้น
การปฐมพยาบาลกระดูกหัก
ทำการปฐมพยาบาลด้วยวิธีซีพีอาร์ (CPR)
ถ้ามีเลือดออกให้ทำการห้ามเลือดก่อนเสมอไม่ว่ากระดูกจะหักหรือไม่
ประเมินบริเวณที่บาดเจ็บ
ดามกระดูกที่หัก
ประคบน้ำแข็งตรงบาดแผล
แบ่งตามบาดแผล
กระดูกหักชนิดไม่มีแผล
กระดูกหักแบบแผลเปิด
นางสาวชุดานันท์ เฟื่องบุบผา รุ่น36/1 เลขที่ 29