Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีความเสื่อมของระบบประสาท, นางสาวพัชชริกา ปักกะทานัง …
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีความเสื่อมของระบบประสาท
การพยาบาลผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งหรือโรคเอ็มเอส (MS : Multiple sclerosis/Disseminated sclerosis)
ความหมาย
เป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากการเสื่อมของระบบประสาทส่วนกลางที่พบบ่อยที่สุด เกิดขึ้นเนื่องจากเยื่อหุ้มมัยอีลิน (Myeline sheath) ของระบบประสาทที่รับความรู้สึกและควบคุมการเคลื่อนไหวถูกทำลาย ทำให้การน ากระแสประสาท (Nerve impulse) เสียไป
สาเหตุ
การติดเชื้อไวรัสพวก หัด คางทูม เริม และไข้หวัดใหญ่เนื่องจากตรวจพบภูมิต้านทานเชื้อพวกน้ำในน้ำหล่อสมองไขสันหลัง
3.เป็นโรคในกลุ่มออโตอิมูนเนื่องจากตรวจพบอิมมูนที่ผิดปกติในน้ำไขสันหลังต้นเหตุที่กระตุ้นให้เกิดอาการได้บ่อย
กรรมพันธ์ุในครอบครัวที่เป็นโรคปลอกประสาท
เสื่อมแข็งพบอุบัติการณ์เกิดโรคถึงร้อยละ 1 – 2
ลักษณะของโรค
1.มีการเสื่อมของเยื่อไมอีลินกระจายไปทั่วระบบประสาทส่วนกลาง
2.ระบบภูมิคุ้มกันต้านทานไม่สามารถจดจำ และป้องกันตนเองได้ ทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวที่เกี่ยวข้องหลั่งสารที่ทำให้เกิดการทำลายปลอกหุ้มเส้นประสาท
3.เป็นโรคที่เกิดร่วมกันระหว่างการอักเสบ
4.อาการเป็น ๆ หาย ๆ และถ้าหายก็หายขาด
การรักษา
2.ให้ยานอนหลับ เช่น บาร์บิทูเรต เมื่อผู้ป่วยมีอาการกระสับกระส่ายหรือร่าเริง
ให้การดูแลเรื่องการขับถ่ายปัสสาวะ อาจสวนค้างไว้ ซึ่งควรให้ยาต้านจุลชีพร่วมด้วยเพ่ือป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
1.ให้ ACTH ฮอร์โมน และคอร์ติโคสเตอรอยด์ฮอร์โมน(Corticosteroids hormone) ในระยะที่มีอาการทางประสาทตาอาจให้เข้ากล้ามเนื้อหรือเข้าเส้น
4.ให้ฟีนอล(Phenol) เข้ากล้ามเนื้อ หรือเข้าเส้นเลือดดำเพื่อบรรเทาอาการปวดในรายท่ีมีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ
5.ให้อาหารที่มีโปรตีน วิตามินบี 12 และซีสูง
อาการและอาการแสดง
ความผิดปกติที่ประสาทจะทำให้ลูกตาสั่น (nystagmus) ประสาทสมองคู่ที่3 ถูกทำลาย
รีเฟลกซ์ผิดปกติ เช่น รีเฟลกซ์เหยียด รีเฟลกซ์ต้ืนหายไป รีเฟลกซ์ไวเกิน
อาการอ่อนแรงของกล้ามเน้ือคร่ึงซีกหรือท้ังตัว
การรับความรู้สึกเกี่ยวกับความสั่นสะเทือน และการทรงตัวบกพร่อง
ความผิดปกติทางด้านจิตใจ จะพบภาวะซึมเศร้าได้บ่อย
การเคลื่อนไหวผิดปกติ (มีอาการสั่นเมื่อตั้งใจหรือเดินเซ)
สูญเสียการรับความรู้สึกเกี่ยวกับสัมผัส เจ็บปวด และอุณหภูมิ
มีอาการชา และเจ็บปวด
กระเพาะปัสสาวะและกระเพาะอาหารสูญเสียหน้าที่
การพยาบาลผู้ป่วยกิแลง เบอร์เร่
(Guillain – Berre Syndrome)
การรักษา
3.ให้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดและยาป้องกันการเกิดลิ่มเลือดในรายที่เคลื่อนไหว
4.ให้ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอหรือมีภาวะโภชนาการที่ดี
2.ในรายที่อยู่ระยะเฉียบพลัน ต้องประเมินการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด โดยติดตั้งเครื่องตรวจไว้ตลอดเวลา
5.ใส่สายสวนปัสสาวะในรายที่มีปัญหาการขับถ่าย
1.รักษาประสิทธิภาพของการหายใจ
6.การเปลี่ยนพลาสมา (Plasma)
ความหมาย
เป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน โดยมีอัมพาตของมอเตอร์นิวโรนส่วนล่าง ทำให้มีอาการอ่อนแรงแบบปวกเปียก (Flaccidity) และสูญเสียรีเฟลกซ์จากการอักเสบของ Demyelination ของระบบประสาทส่วนปลาย
เชื่อว่าเกิดจากปฏิกิริยาแพ้ (Al ergy) หรือการตอบสนองแบบภูมิต้านทางตนเอง (Autoimmune) ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการติดเชื้อ
อาการและอาการแสดง
2.อาการของกล้ามเนื้ออ่อนแรงโดยเริ่มท่ีชา อ่อนแรง เดินลำบาก อาการอ่อนแรงจะลุกลามอย่างรวดเร็ว และลุกลามท่ีแขนและลำตัว
อาการทางประสาทสั่งงาน ผู้ป่วยจะมีปัญหาการกลืน พูด หายใจ มีอัมพาตของหน้า ปิดตาและปากไม่สนิท กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
1.ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการชาเหน็บ (Tingling) และเจ็บโดยเฉพาะปลายแขน ขาหลังจากมีการติดเชื้อ 1 – 3 สัปดาห์
4.อาการลุกลามของประสาทอัตโนมัติ
การพยาบาลผู้ป่วยโรคมัยแอสทีเนีย กราวิส
(Myasheniagravis : MG)
อาการและอาการแสดง
1.กล้ามเนื้อกลุ่มที่ไปเลี้ยงตาด้านนอก ซึ่งเรียกว่า Ocular Myasthenia ผู้ป่วยจะมีอาการหนังตาตก มองเห็นภาพซ้อน มักจะเป็นเวลาบ่ายหรือเย็น
2.พบกล้ามเนื้อในบัลบาร์ (bulbar muscle) ทำให้พูดลำบาก กลืนลำบาก
3.กล้ามเนื้ออื่น ๆ เช่น กล้ามเนื้อหน้า กล้ามเนื้อหน้าอก ขาท่อนบนอ่อนแรง
สาเหตุ
ต่อมทัยรอยด์ เบาหวานจึงเชื่อว่าน่าจะเกี่ยวกับระบบออโตอิมมูน(autoimmune)
สาเหตุ ที่แท้จริงไม่ทราบแน่นอนแต่โรคนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโรครูมาตอยด์ (SLE)
การรักษา
2.ผ่าตัดต่อมไทมัสในรายที่เป็นเนื้องอก
3.การเปลี่ยนพลาสมา (plasma pheresis)
1.รักษาทางยา คือ Neostigmine, Prosticmine และ pyridostigmine (mestinon) มีฤทธิ์ต้านเอนไซม์โคลินเอสเตอเรส
นางสาวพัชชริกา ปักกะทานัง
เลขที่ 27 รหัส 611001402385