Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ป้องกันและช่วยเหลือเด็กเกิดอุบัติเหตุ, นางสาวอ้อย ตาลเสาร์ 36/2 เลขที่ 62,…

- - - - น้ำผ่านเข้าปอดอย่างรวดเร็วเกิด hypervolemia ทำให้ระดับเกลือแร่ในเลือดลดลง ส่งผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจวาย อาจเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก(hemolysis)
    - - ทำให้เกิดภาวะ pulmonary edema คือ น้ำที่ไหลเวียนในร่างกายลดลงทำให้เกิดภาวะ hypovolemia ระดับเกลือแร่ในร่างกายสูงขึ้นส่งผลให้ หัวใจเต้นผิดปกติ หัวใจวาย ช็อกได้
  - - - กรณีเด็กรู้สึกตัวรีบเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า ทำให้ตัวอุ่นและให้นอนท่าตะแคงกึ่งคว่ำแล้วไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
      - กรณีเด็กหมดสติ ดูว่ายังมีลมหายใจอยู่ไหม หัวใจเต้นและโทร. เรียกกู้ภัยโดยด่วน ระหว่างนั้นให้ cpr สลับกับการช่วยหายใจ
    - - อุ้มเด็กพาดบ่าแล้วเขย่าเพื่อให้น้ำออกมา ซึ่งน้ำที่ออกมานั้นเป็นน้ำในกระเพาะ ไม่ใช่น้ำที่เด็กสำลักเข้าปอด และเด็กอาจเกิดอาการซ้ำจากแรงกระแทกได้
- - - - 1.วางเด็กคว่ำลงบนแขน และวางแขนนั้นลงบนหน้าตัก โดยให้ศีรษะของเด็กอยู่ต่ำ
      - เคาะหลัง 5ครั้งติดต่อกันโดยเคาะแถวๆกึ่งกลางระหว่างกระดูกสะบักทั้งสองข้าง
      - 3.จากนั้นพลิกเด็กให้หงายบนแขนอีกข้าง วิ่งวางบนหน้าตักโดยให้ศีรษะอยู่ต่ำเช่นกันแล้วกดหน้าอกโดยใช้2นิ้วของผู้ช่วยกดบนกระดูกหน้าอกในตำแหน่งที่กว่าเส้นลาก ระหว่างหัวนมทั้งสองข้างลงมา หนึ่งความกว้างนิ้วมือ
      - 4.ทำช้ำจนกว่าสิ่งแปลกปลอมจะหลุดออกมา
      - 5.หากเด็กหมดสติ ให้ทำการประเมินการหายใจ การเต้นซีพจรและให้การช่วยเหลือการหายใจสลับกับการเคาะหลัง และกดหน้าอก
    - - 1) กระตุ้นให้เด็กไอเอง
      - 2) ถ้าเด็กพูดไม่ได้ หายใจลำบาก ซีด ให้กดห้อง โดยยืนด้านหลังเด็ก แล้วอ้อมแขนมาด้านหน้า กำมือเป็นกำปั้นและวางกำปั้นด้านข้าง(ด้านหัวแม่มือ)บนกิ่งกลางหน้าท้องเหนือสะดือเด็ก กดโดยให้แรงมีทิศทางเข้าด้านใน และเฉียงขึ้นบน
      - 3 ) กดซ้ำจนกว่าสิ่งแปลกปลอมจะหลุดออกมา
      - 4 ) หากเด็กหมดสติ ให้ประเมินการหายใจ การเต้นของชีพจรและให้การช่วยเหลือการหายใจสลับกับการกดห้อง
      - 5 ) การกดห้องในเด็กหมดสติ เด็กต้องอยู่ในท่านอนราบแล้วนั่งคร่อมตัวเด็ก วางสันมือบนท้องเด็กตำแหน่งสูงกว่าสะดือเด็กกดในทิศทางเข้าด้านในและเฉียงขึ้น กด 5ครั้งแล้วเปิดปากสำรวจดูว่ามีสิ่งแปลกปลอมหลุดออกมาหรือไม่
  - - - ลึก 4 ซม.(1ใน3ของความหนาทรวงอก) กดโดยใช้นิ้วมือสองนิ้วมืออีกข้างให้เปิดให้เปิดทางเดินหายใจ
    - - ลึก 5 ชม.(1ใน3ของความหนาทรวงอก) กดโดยใช้มือเดียว อีกข้างให้เปิดทางเดินหายใจ
    - - ลึก 5-6 ซม. (2.0-2.4 นิ้ว) กดโดยใช้นิ้วมือสองนิ้ว
- - - - อาจกินลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อหรือกระดูก
      - ผู้ปวยจึงมักไม่มความรู้สึกเจ็บปวดที่บาดแผลเนื่องจากเส้นประสาทที่อยู่บริเวณผิวหนังแท้ถูกทำลาย
      - บาดแผลที่มีการทำลายของหนังกำพร้าและหนังแท้ทั้งหมด รวมทั้งต่อมเหงื่อ ขุมขน และเซลล์ประสาท
      - ยังมีโอกาสเกิดแผลหดรั้งทำให้ข้อยึดติดตามมาสูงมาก ถ้าได้รับการรักษาไม่ถูกต้อง
    - - ระดับที่ 2 ชนิดลึก (Deep partial-thickness burns)
        
        บาดแผลที่มีการทำลายของหนังแท้ส่วนลึก
        
        จะไม่ค่อยมีตุ่มพอง แผลเป็นสีเหลืองขาว แห้ง และไม่ค่อยปวดบาดแผลชนิดนี้มีโอกาสทำให้เกิดแผลเป็นได้แต่ไม่มาก
        
        แผลมักจะหายได้ภายใน 3-6 สัปดาห์ ซึ่งการใช้ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่จะช่วยทำให้แผลไม่เกิดการติดเชื้อได้
      - ชนิดตื้น (Superficial partial-thickness burns)
        
        บาดแผลที่มีการทำลายของหนังกำพรทั้งชั้นผิวนอกและชั้นในสุด และหนังแท้ส่วนที่อยู่ตื้นๆ ใต้หนังกำพร้า แต่ยังมีเซลล์ที่สามารถเจริญขึ้นมาทดแทนส่วนที่ตายได้ จึงหายได้เร็วภายใน 2-3 สปดาห์
        
        มักไม่ทำให้เกิดแผลเป็น (ยกเว้นในรายที่มีการติดเชื้อ)
        
        ผิวหนังอาจหลุดลอกออกเห็นเป็นเนื้อสีชมพูหรือสีแดง ๆ มีน้ำเหลืองซึมและผู้ป่วยจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนมาก เพราะเส้นประสาทบริเวณผิวหนังยังเหลืออยู่ไม่ได้ถูกทำลายไปมากนัก
        
        อาจทำให้สูญเสียน้ำ โปรตีน และเกลือแร่ และติดเชื้อได้ง่าย
    - - บาดแผลที่มีการทำลายของเซลล์หนังกำพร้าชั้นผิวนอกเท่านั้นหนังกำพร้าชั้นในยังไม่ถูกทำลาย
      - ยังสามารถเจริญขึ้นมาแทนที่ส่วนผิวนอกได้ โดยปกติจะหายได้เร็วและสนิท
      - ไม่ทำให้เกิดแผลเป็น จึงมีโอกาสหายได้สนิท ยกเว้นในรายที่มีการติดเชื้ออักเสบ
- - - - 1.ทำให้สารพิษเจือจาง ให้นม
      - นำสงโรงพยาบาล พื่อทำการลังห้องเอาสารพิษออกจากกระเพาะอาหาร
      - ทำให้ผู้ป่วยอาเจียน เพื่อเอาสารพิษออกจากกระเพาะอาหาร
      - 4.ให้สาร Activated charcoal มีลักษณะเป็นผงถ่านสีดำ ใช้ ๑ ซ้อนโต๊ะ ละลายน้ำ ๑ แก้ว อาจใช้ไข่ขาว - ๔ ฟอง ตีให้เข้ากัน
    - - ถ้ารู้สึกตัวดีให้ดื่มนม
      - อย่าทำให้อาเจียน
      - 3.รีบนำส่งโรงพยาบาล
    - - รีบนำส่งโรงพยาบาล
      - ห้ามทำให้อาเจียน
      - ระหว่างนำส่งโรงพยาบาล ถ้าผู้ป่วยอาเจียน ให้จัดศีรษะต่ำเพื่อข้องกันการสำลักน้ำมันเข้าปอด
    - - หายใจและรีบเปิดประตูหน้าต่าง เพื่อให้อากาศถ่ายเท มีอากาศบริสุทธิ์เข้ามาในห้อง ปิดท่อก๊ซ หรือขจัดตันเหตุของพิษนั้น ๆ
      - นำผู้ป่วย ออกจากบริเวณที่เกิดเหตุไปยังที่มีอากาศบริสุทธิ์
      - ประเมินการหายใจและการเต้นของหัวใจถ้าไม่มีให้ผายปอดและนวดหัวใจนำสงโรงพยาบาล
    - - ล้างด้วยน้ำสะอาดนาน ๆ อย่างน้อย ๑๕นาที
      - อย่าใช้ยาแก้พิษทางเคมี เพราะความร้อนที่เกิดจากปฏิกิริยาอาจทำให้เกิดอันตรายมากขึ้น
      - ปิดแผล แล้วนำสงโรงพยาบาล