Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การป้องกันและช่วยเหลือเด็กที่ได้รับอุบัติเหตุ, นางสาวนงลักษณ์ อรรถสวัสดิ์…

- - - - น้ำเค็ม(Hypertonic solution) ทำให้เกิดภาวะ pulmonary edema ปริมาตรน้ำไหลเวียนในร่างกายลดลง เกิดภาวะ hypovolemia ระดับเกลือแร่ในร่างกายสูงขึ้น หัวใจเต้นผิดปกติ หัวใจวาย ช็อกได้
    - - น้ำจืด (Hypotonic solution) จะซึมผ่านเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตของปอด เกิด hypervolemia ทำให้ระดับเกลือแร่ในเลือดลดลง หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจวาย อาจเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก (hemolysis)
    - - กรณีเด็กรู้สึกตัว
        
        รีบเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า ใช้ผ้าคลุมตัวเพื่อให้เกิดความอบอุ่น จัดให้นอนในท่าตะแคงกึ่งคว่ำ แล้วนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
      - กรณีเด็กหมดสติ
        
        เช็กว่ามีลมหายใจอยู่หรือไม่ หัวใจเต้นหรือไม่ โทรเรียกหน่วยรถพยาบาลหรือหน่วยกู้ภัยโดยด่วน จากนั้นช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานโดยการนวดหัวใจสลับกับการช่วยหายใจ
- - - - 100-120 ครั้ง/นาที
      - ตำแหน่งกึ่งกลางท่อนล่างกระดูกหน้าอก
      - ลึก 5-6 ซม. (2.0-2.4 นิ้ว)
      - กดโดยใช้สองมือ
    - - 100-120 ครั้ง/นาที
      - ตำแหน่งกึ่งกลางท่อนล่างกระดูกหน้าอก
      - ลึก 5 ซม. (1/3 ความหนาของทรวงอก)
      - กดโดยใช้มือเดียว อีกข้างให้เปิดทางเดินหายใจ
    - - 100-120 ครั้ง/นาที
      - ตำแหน่งกึ่งกลางท่อนล่างกระดูกหน้าอก
      - ลึก 4 ซม.(1.5 นิ้ว หรือ 1/3 ของความหนาทรวงอก)
      - กดโดยใช้นิ้วมือสองนิ้ว มืออีกข้างให้ทำการเปิดทางเดินหายใจ
    - - กรณี 1 คน
        
        อัตราการกดหน้าอกและการช่วยหายใจเท่ากับ 30:2
      - กรณี 2 คน
        
        อัตราการกดหน้าอกและการช่วยหายใจสำหรับเด็กเล็กเท่ากับ 15:2
- - - - มีอาการกระดูกหักเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีบาดแผลที่ผิวหนัง กระดูกจะไม่โผล่ออกมานอกผิวหนัง
    - - มีบาดแผลลึกถึงกระดูก หรือกระดูกที่หักจะทิ่มออกนอกเนื้อ
      - อาจทำให้เกิดการตกเลือดรุนแรง เส้นประสาทถูกทำลาย หรือติดเชื้อได้ง่าย
  - - - กระดูกที่แตกออกเป็น 2 ชิ้น
    - - ภาวะที่กระดูกทั้ง 2 ข้างได้รับแรงกด ส่งผลให้กระดูกแตกทั้ง 2 ด้าน
    - - กระดูกที่แตกเพียงด้านเดียว ส่วนกระดูกอีกด้านโก่งไปตามแรงกดที่ปะทะเข้ามา
  - - - ให้หาสายรัด (เช้น เชือก สายไฟ เน็คไท ผ้าพันคอ) มาผูกรัดเหนือบาดแผลให้แน่นๆ (ให้คลายสานรัดทุกๆ 15 นาที โดยคลายนานครั้งละประมาณ 30-60 วินาที ถ้าเลือดยังไม่หยุดไหล ให้รัดกระชับเข้าไปใหม่)
    - - ใช้แผ่นไม้ พลาสติกแข็ง ไม้บรรทัด กิ่งไม้ ท่อนไม้ ท่อนโลหะ ด้ามร่ม ทำเป็นเฝือกวางแนบกับส่วนที่หัก โดยให้ปลายทั้ง 2 ข้าง ครอบคลุมถึงข้อที่อยู่เหนือและใต้ส่วนที่หัก และควรมีสิ่งนุ่มๆรองรับผิวหนังของอวัยวะส่วนนั้นอยู่เสมอ แล้วรัดทั้งหมดเข้าด้วยกัน
    - - จะช่วยลดอาการปวด ลดการบวมอักเสบ และลดการไหลเวียนของเลือดได้ โดยประคบนานประมาณ 20 นาทีหรือจนกว่าบริเวณนั้นจะรู้สึกชา ในช่วงที่ประคบให้ยกช่วงกระดูกที่หักให้สูงขึ้น เพื่อช่วยลดอาการบวมและชะลอการไหลเวียนโลหิต
  - - - หลังการใส่เฝือก หากมีอาการปวดมากและรู้สึกคับเฝือกมาก (หลังจากยกสูง ประคบเย็น และรับประทานยาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น)
      - นิ้วมือหรือนิ้วเท้าข้างที่ใส่เฝือกมีสีคล้ำหรือซีดขาวบวมมากขึ้น หรือมีอาการชา (เกิดจากการกดเส้นประสาทมากเกินไป)
      - เกิดอาการปวดแสบปวดร้อน (อาจเกิดเนื่องจากการกดผิวหนังมากเกินไป)
      - มีอาการบวมแดงที่บริเวณที่ต่ำกว่าเฝือกหรือขอบเฝือก (อาจเกิดจากเฝือกทำให้กรไหลเวียนเลือดไม่ดี)
      - มีเลือด น้ำเหลือง หรือหนอง ไหลซึมออกจากเฝือก หรือมีกลิ่นเหม็น
      - ไม่สามารถขยับเขยื้อนนิ้วมือหรือนิ้วเท้าข้างที่ใส่เฝือกได้
      - เฝือกหลวม บุบสลาย หรือแตกหัก หรือมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในเฝือก
- - - - สารละลายกรดและด่างเข้มข้น
    - - เกิดอาการปวดแสบปวดร้อน และอักเสบในเวลาต่อมา
      - ฟอสฟอรัส สารหนู อาหารเป็นพิษ
    - - ทำให้หมดสติ หลับลึก ปลุกไม่ตื่น ม่านตาหดเล็ก
      - ฝิ่น มอร์ฝีน พิษงูบางชนิด
    - - ทำให้เกิดอาการเพ้อคลั่ง ใบหน้าและผิวหนังแดง ตื่นเต้น ชีพจรเร็ว ช่องม่านตาขยาย
      - ยาอะโทรปีน ลำโพง
  - - - หมดสติ
      - ได้รับสารพิษชนิดกัดเนื้อ เช่น กรด ด่าง
      - รับประทานสารพิษพวก น้ำมันปิโตรเลียม
- - - - Head (front and back) 18%
      - Chest 18%
      - Back 18%
      - Right arm 9%
      - Left arm 9%
      - Right leg 13.5%
      - Left leg 13.5%
      - Perineum 1%
    - - Head (front and back) 9%
      - Chest 18%
      - Back 18%
      - Right arm 9%
      - Left arm 9%
      - Right leg 18%
      - Left leg 18%
      - Perineum 1%
  - - - บาดแผลที่มีการทำลายของเซลล์หนังกำพร้าชั้นผิวนอกเท่านั้น
      - โดยปกติจะหายได้เร็วและสนิท และไม่ทำให้เกิดแผลเป็น
        จึงมีโอกาสหายได้สนิท ยกเว้นในรายที่มีการติดเชื้ออักเสบ
    - - ชนิดตื้น (Superficial partial-thickness burns)
        
        บาดแผลที่มีการทำลายของหนังกำพร้าทั้งชั้นผิวนอกและชั้นในสุด และหนังแท้ส่วนที่อยู่ตื้นๆใต้หนังกำพร้า
        
        เซลล์สามารถเจริญมาทดแทนส่วนที่ตายได้ จึงหายเร็วภายใน 2-3 สัปดาห์ ยกเว้นในรายที่มีการติดเชื้อ
        
        ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อน เพราะเส้นประสาทบริเวณผิวหนังยังเหลืออยู่ อาจทำให้สูญเสียน้ำ โปรตีน และเกลือแร่
      - ชนิดลึก (Deep partial-thickness burns)
        
        บาดแผลที่มีการทำลายของหนังแท้ส่วนลึก บาดแผลจะไม่ค่อยมีตุ่มพอง แผลเป็นสีเหลืองขาว แห้ง และไม่ค่อยปวด
        
        แผลมักจะหายได้ภายใน 3-6 สัปดาห์ การใช้ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่จะช่วยให้แผลไม่ติดเชื้อ
    - - บาดแผลที่มีการทำลายของหนังกำพร้าและหนังแท้ทั้งหมด รวมทั้งต่อมเหงื่อ ขุมขน และเซลล์ประสาท และอาจลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อหรือกระดูก
      - ผู้ป่วยไม่รู้สึกเจ็บปวดที่บาดแผล เนื่องจากเส้นประสาทที่ผิวหนังถูกทำลาย (Hypertrophic scar or keloid) และมีโอกาสเกิดแผลหดรั้งทำให้ข้อยึดติด