Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 5 รูปแบบการบำบัดทางจิตเวช, นางสาวนิติพร ทำประเสริฐ เลขที่ 50…
บทที่ 5 รูปแบบการบำบัดทางจิตเวช
นิเวศน์บำบัด (Milieu Therapy)
ความหมาย
การออกแบบวางแผนจัดสิ่งแวดล้อมที่มุ่งส่งเสริมการบำบัดรักษาผู้ป่วยอย่างมีประสอทธิภาพ
แนวคิดและหลักการ
การส่งเสริมให้ผู้ป่วยได้มีโอกาสเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัว
การเรียนรู้ในเรื่องการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคลากร เช่น จิตแพทย์ พยาบาล และผู้ช่วยเหลือผู้ป่วย
ความสำคัญ
จะทำให้ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีการปรับพฤติกรรมให้เหมาะสม
องค์ประกอบ
1) ความปลอดภัย (Safety)
การดูแลให้สิ่งแวดล้อมมีความปลอดภัยโดยการเก็บสิ่งของที่สามารถนำมาทำร้ายตนเองได้ เช่น เข็มขัด แก้วน้ำ
2) โครงสร้าง (Structure)
ลักษณะทางกายภาพของสิ่งแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวกภายในหอผู้ป่วย
3) บรรทัดฐานทางสัมคม (norms)
สิ่งที่ผู้ป่วยต้องยึดถือเป็นแนวทางในการปฏิบัติขณะรับการรักษาที่โรงพยาบาล เช่น ระเบียบ แบบแผนความประพฤติกรรม
4) ความสมดุล (balance)
ความสมดุลระหว่างความเป็นอิสระและไม่เป็นอิสระของผู้ป่วย ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งชี้ถีงความเป็นผู้เชี่ยวชาญของพยาบาล
5) การจำกัดสิทธิและพฤติกรรมของผู้ป่วยจิตเวช (Limit setting)
เป็นหนึ่งในวิธีการจัดนิเวศน์สำหรับผู้ป่วยจิตเวชที่มีอาการอยู่ในระยะเฉียบพลัน
การจำกัดสิทธิและพฤติกรรมของผู้ป่วยจิตเวช
วิธีการจำกัดสิทธิและพฤติกรรมกับผู้ป่วยในกรณีดังต่อไปนี้
1) มีพฤติกรรมรุนแรง เช่น อาละวาด ก้าวร้าว หรือคุ้มคลั่ง
2) มีพฤติกรรมการทำร้ายร่างกายตนเองและผู้อื่น
3) มีภาวะเพ้อ มึนงง และสับสน
4) มีความคิดหนีออกจากโรงพยาบาล
วิธีการจำกัดสิทธิและพฤติกรรมผู้ป่วย
1) การจำกัดด้วยวาจา โดยวิธีการเรียกชื่อผู้ป่วยด้วยน้ำเสียงชัดเจน ในขณะที่ผู้ป่วยมีพฤติกรรมรุนรแง
2) การจำกัดขอบเขต
การผู้ยึดผู้ป่วย (physical restraints)
1) ประเมินพฤติกรรมเสี่ยง โดยการพูดคุยให้ข้อมูล
2) แก้ไขเบื้อต้นก่อนการตัดสินใจผูกยึด
3) ประเมินหลังจากได้ให้การแก้ไขเบื้อต้น
4) พิจารณาเลือกวิธีการที่เหมาะสมในการผู้ยึด
5) ปฏิบัติการผู้กยึดอย่างรวดเร็วถูกต้องตามหลักการ
6) ลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงจากการผูกยึด
นำเข้าห้องแยก (seclusion)
ควรเป็นห้องที่เงียบสงบ เรียบง่าย และแข็งแรง
3) การใช้ยา (medication)
4) กลุ่มกิจกรรมบำบัด (group activity therapy)
มีประสิทธิภาพสูงในการดูแลรักษาผู้ป่วยจิตเวช
ข้อดี
ประหยัดเวลา
เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันกับสมาชิกกลุ่มคนอื่นๆ
ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
ข้อด้อย
ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มได้จำนวนครังไม่มากนัก
ผู้ป่วยอาจเล่าเรื่องที่เป็นเท็จ
เรื่องส่วนตัวบางเรื่องผู้ป่วยอาจจะนำไปคุยภายหลังกิจกรรมกลุ่มเสร็จสิ้น
องค์ประกอบ
กิจกรรม (Activity)
สถานที่ (Setting)
ผู้นำกลุ่มกิจกรรมบำบัด
ผู้ช่วยผู้นำกลุ่ม
สมาชิกกลุ่ม
ลักษณะผู้ป่วย
Dominant patient มีจุดเด่น เก่ง ทำได้หมด
Uninvolved patient นิ่งเงียบ
Hostile patient ก้าวร้าว
Distracting patient เบลอๆ สับสน หลอน
การทำหน้าที่ผู้นำกลุ่ม (Leader)
ความรู้ในเรื่องที่จัดกิจกรมมกลุ่มบำบัด
บุคลิกภาพและความมั่นใจ
ความสามารถในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
ความสามารถในการเชื่อมโยงประเด็นสำคัญและการใช้เทคนิค
ความสามารถและทักษะในการจัดการกับผู้ป่วย
การทำหน้าที่ผู้ช่วยกลุ่ม (Co-leader)
บทบาทมีความเหมาะสม
กรณีผู้นำไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ผู้ช่วยผู้นำกลุ่มต้องสามารถปฏิบัติหน้าที่แทนได้ทันที
บทบาทพยาบาล
เป็นผู้วางแผน ออกแบบสิ่งแวดล้อมภายในหอผู้ป่วย
เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้ป่วย
วางแผนจัดกลุ่มกิจกรรมบำบัดต่างๆ
ให้ความรู้ต่างๆ
จำกัดสิทธิหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
พฤติพรรมบำบัด (Behaveior Therapy)
ความหมาย
มุ่งเน้นการควบคุมพฤติกรรม ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่สังเกตได้
โดยใช้หลักการเรียนรู้และผลการทดลองทางจิตวิทยามาใช้กับพฤติกรรมที่เป็นปัญหาการแก้ไขพฤติพรรม
เน้นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่สังเกตได้ โดยไม่คำนึงถึงสาเหตุของพฤติกรรมในอดีต
หลักการ
การเรียนรู้เกิดจากการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนอง
ลักษณะของทฤษฎีการเรียนรู้
1) การเรียนรู้ด้วยการวางเงื่อนไขแบบดั้งเดิม (Classical conditioning)
พฤติกรรมที่เกิดจากการมีการวางเงื่อนไขสิ่งเร้าภายนอกมากระตุ้น (วางเงื่อนไขไว้)
2) การเรียนรู้โดยการวางเงื่อนไขแบบการกระทำ (Operant conditioning)
ถ้าได้รับการเสริมแรงจะทำให้เกิดพฤติกรรมนั้นๆ
3) การเรียนรู้ทางสังคม (Social learning)
เป็นการเรียนรู้จากการสังเกตหรือจากการเลียนแบบจากตัวแบบ
ขั้นตอนการทำพฤติกรรมบำบัด
1) เก็บข้อมูลและทำ Functional analysis
2) ตั้งวัถุประสงค์ ร่วมกับผู้ป่วยว่าจะเปลี่ยนพฤติกรรมใด
จุดประสงค์นั้นตรงกับความต้องการของผู้ป่วย
ผู้ป่วยเต็มใจรักษา
จุดประสงค์นั้นสามารถดำเนินการให้บรรลุได้โดยมีเกณฑ์ในประเมินตรงกำหนดในรูปแบบพฤติกรรมที่ชัดเจน
ร่วมกับผู้ป่วยในการเลือกวิธีในการรักษาแบบใดเหมาพสมที่สุด
ดำเนินตามที่วางแผน
การประเมินผลและยุติการรักษา เทคนิคและวิธีการของพฤติกรรมบำบัด
เทคนิคและวิธีการของพฤติกรรมบำบัด
1) Self Monitoring
การควบคุมและรายงานผลตนเอง เป็นการประเมินตนเอง ตรวจสอบพฤติกรรมที่เป็นปัญหา
2) Reimforcement
เป็นการเพิ่มความถี่ของพฤติกรรมโดยการใช้แรงเสริมทางบวกหรือลดแรงเสริมทางลบทันทีที่เกอดพฤติกรรมที่พึงพอใจ
3) Punishment
เป็นการลดความถี่ของพฤติกรรมโดยการให้สิ่งที่ไม่พึงปรารถนาหรือลกสิ่งเร้าที่พึงพอใจ
4) Shaping Teachique
การแต่งพฤติกรรมจากพฤติกรรมง่ายๆ ไปสู่พฤติกรรมซับซ้อน โดยขบวนการ
1) Sucessive approximation เป็นการใช้เทคนิคการเสริมแรงให้เกิดพฤติกรรมเป็นขั้นตอนจากพฤติกรรมแรกไปสู่พฤติกรรมสุดท้าย
2) Chaining เป็นการนำพฤติกรรมย่อยต่างๆมาเรียนลำดับจากพฤติกรรมแรกจนถึงพฤติกรรมสุดท้ายและฝึกจากพฤติกรรมสุดท้ายขึ้นมา
5) Counter Conditioning
เป็นการนำหลักการเรียนรู้แบบแผนวางเงื่อนไงแบบคลาสสิก
Modeling Teachique
ยึดถือเทคนิคการลดความกลัวหรือความวิตกกังวลโดยการให้กูตัวต้นแบบ
6) Assertive training
เป็นการฝึกให้ผู้ป่วยกล้าแสดงออกถึงความรู้สึกที่ควรจะแสดงออก
การนำพฤติกรรมบำบัดไปใช้ในการรักษา
Conduct behavior
ผู้ป่วย Depend on Alcohol, Drug abuse
เด็กปัญญาอ่อน (Mental retardation)
Obesity
Phobia
Psychogenic pain
Schizophrenia paronoid sociopathy
การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม (Cognitive behavioral therapy : CBT)
1) การประเมิน (Psychological assessment)
2) การเปลี่ยนความคิดที่ใช้อธิบายเหตุการณ์ (Reconceptualization)
3) การฝึกทักษะ (Skills acquisition)
4) การสร้างเสถียรภาพของทักษะ (Skills consolidation) และการฝึกประยุคต์ใช้ทักษะ (application training)
5) การประยุคต์ใช้โดยทั่วไป (generalization) และการธำรงรักษา (maintenance)
6) การประเมินหลังการบำบัดและการติดตาม
จิตบำบัด (Psychotherapy)
ความหมาย
การรักษาความผิดปกติทางด้านจิตใจหรือารมณ์ด้วยวิธีการพูดคุยกับผู้ป่วยหรือบางวิธีอาจไม่ใช้วาจา
รูปแบบ
1) จิตบำบัดแบบยั่งเห็น (Insight Psychotherapy)
เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งของจิตใจเฉพาะเรื่อง (ในระดับจิตไร้สำนึก)
เพื่อแก้ไขกลไกทางจิตที่ทำให้เกิดพยาธิสภาพ
เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจความจริงของชีวิต
ระยะเวลาในการรักษา ใช้เวลาครั้งละ 20-5- นาที อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง เป็นเวลานาน
2) จิตบำบัดแบบประคับประคอง (Supportive Psychotherapy)
เพื่อบรรเทาอาการโดยแก้ปัญหาเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง
เพื่อแก้ปัญหาหรือความขัดแย้งระดับจิตรู้สำนึก
เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยทนต่อภาวะตึงเครียด
เพื่อช่วยเพิ่มพลังและประคับประคองให้แก่การทำงานของจิต
วิธีการของจิตบำบัด
ให้ความเชื่อมั่น ให้กำลังใจ
ให้การสนับสนุน
ให้แนวทาง การแนะแนว
การหันความสนใจไปสู่ภายนอก
การจัดการกับสิ่งแวดล้อม
การแนะนำ
การชักชวน จูงใจ
การระบายอารมณ์
การลดความอ่อนไหวหรือลดพฤติกรรมอ่อนไหวลง
วิธีการบำบัดตามทฤษฎีของโรเจอร์ส
สร้างบรรยากาศให้การช่วยเหลือ
ให้ความจริงใจ
ให้การยอมรับ
แสดงความเอื้อาทร ใส่ใจ
ให้ผู้ป่วยเกิดแรงจูงใจในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบางอย่างของตน
ให้ผู้ป่วยสำรวจตนเองและเปิดเผยเรื่องราวประสบการณ์
ให้ผู้ป่วยพิจารณาจนเกิดความเข้าใจและยอมรับ
ให้ผู้ป่วยปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนด
ลักษณะจิตบำบัด
จิตบำบัดรายบุคคล (Individual Psychothrapy)
จิตบำบัดแบบกลุ่ม (Group Psychotherapy)
ชนิดของจิตบำบัดกลุ่ม
Didactic group (กลุ่มการสอน)
Therapeutic social club ( กลุ่มพบปะสังสรรค์)
Repressive interaction group (กลุ่มปลุกเร้าความเก็บกด)
Free- interaction group (กลุ่มแสดงออกอย่างเสรี)
Psychodrama (กลุ่มละครจิตบำบัด)
วิธีการในการทำกลุ่มจิตบำบัด
Nondirective Methods วิธีการแบบไม่นำทาง
Directive Methods วิธีการแบบนำทาง
ระยะเวลาที่ใช้ครั้งละ 75-90 นาที อาทิตย์ละ 1-3 ครั้ง
3 ระยะ
1) ระยะเริ่มต้นกลุ่ม
อุ่นเครื่อง
ทำความรู้จักซึ่งกันและกัน
กลุ่มรู้วัตถุประสงค์ กฏเกณฑ์กติกา
เวลาที่ใช้ 1 ใน 6 ของเวลาทั้งหมด
2) ระยะกลาง ดำเนินการ
นำปัญหาเข้าสู่ความสนใจในกลุ่ม
เป็นปัญหาในปัจจุบันเมื่อเร็วๆนี้
กลุ่มไถ่ถามรายละเอียดของปัญหา
นำเหตุการณ์ในกลุ่มมาวิเคราะห์และแก้ไข
เวลาที่ใช้ 4 ใน 6 ของเวลาทั้งหมด
3) ระยะสุดท้าย
สรุปปัญหาและข้อเสนอแนะ
สรุปการเรียนรู้กับกลุ่ม
เวลาที่ใช้ 1 ใน 6 ของเวลาทั้งหมด
องค์ประกอบการทำกลุ่มบำบัดให้ประสบความสำเร็จ
ทุกคนมีสิทธิที่จะป่วยเหมือนกัน
การได้ระบาย (Expression)
การเข้าใจตนเอง (Self Understanding)
การรับผิดชอบตนเอง (Self Responsibility)
สร้างความหวัง (Instillation of Hope)
การเห็นประโยชน์ของผู้อื่น (Altruism)
มีความสามัคคีของกลุ่ม (Group Cohesiveness)
นางสาวนิติพร ทำประเสริฐ เลขที่ 50 รหัสนักศึกษา 612701050