Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กรณีศึกษาที่ 1
หญิงตั้งครรภ์อายุ 25 ปี G2P0A1L0 อายุครรภ์ 8 สัปดาห์…
กรณีศึกษาที่ 1
หญิงตั้งครรภ์อายุ 25 ปี G2P0A1L0 อายุครรภ์ 8 สัปดาห์ เป็นแม่บ้าน แต่งงานอยู่กับมาสามีประมาณ 2 ปี ไม่ได้ประกอบอาชีพเนื่องจากเจ็บป่วยบ่อย เป็นหอบหืดตั้งแต่เด็ก รักษาไม่ต่อเนื่อง มีอาการครั้งสุดท้ายเมื่อปีที่แล้ว ไม่มียารับประทานประจำ
ประวัติการตั้งครรภ์ปัจจุบัน
อายุครรภ์ 8 สัปดาห์ น้ำหนักก่อนการตั้งครรภ์ 48 กิโลกรัม ส่วนสูง 158 เซนติเมตร มาฝากครรภ์ครั้งแรกวิตกกังวล เรื่องโรคหอบหืดจะมีผลต่อลูกในท้อง สักถามพยาบาลบ่อยครั้ง
ประวัติการเจ็บป่วย
ปฏิเสธการมีโรคประจำตัว ปฏิเสธการผ่าตัด ปฏิเสธการแพ้ยา
ผลตรวจคัดกรองธาลัสซีเมีย
หญิงตั้งครรภ์และสามี OF negative DCIP negative
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
VDRL non-reactive, HbsAg negative, Blood group B Rh positive, Hct 36%
โรคหอบหืด (Asthma)
หมายถึงโรคระบบทางเดินหายใจที่มีการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นชนิดต่างๆมากเกินไปทำให้มีการหดเกร็งของกล้ามเนื้อหลอดลมเยื่อบุหลอดลมบวมมีเสมหะมากขึ้นหายใจลำบากจัดอยู่ในกลุ่มโรค obstructive lung disease พบได้ร้อยละ 0. 2 ของหญิงตั้งครรภ์
สาเหตุของการเกิดโรค
เชื่อว่ามีการกระตุ้น mast cell ให้มีการหลั่ง histamine ทำให้มีการหดเกร็งของหลอดลม เยื่อบุหลอดลมบวม มีเสมหะมากขึ้น ทำให้เกิดอาการหายใจลำบาก
-
-
พยาธิสรีรภาพ
เมื่อร่างกายเกิดการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติหรือเมื่อได้รับสารที่ทำให้กระตุ้น mast cell จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคือมีการหดเกร็งของกล้ามเนื้อหลอดลมทำให้หลอดลมลำบากเวลาหายใจมีเสียง wheezing เยื่อบุหลอดลมบวม มีเสมหะมากขึ้น ทางเดินหายใจกูกอุดกั้น ทำให้เกิดอาการหายใจลำบาก อาจมีการใช้กล้ามเนื้อส่วนอื่นช่วยใจ เช่นกล้ามเนื้อไหล่ หรือคอ เป็นต้น สตรีมีครรภ์จะมีภาวะขาดออกซิเจนมีอาการเขียวหรือซีดตามปลายมือปลายเท้าได้และทารกในครรภ์จะได้รับออกซิเจนน้อยลงทำให้เกิดภาวะ fetal distress ได้ง่ายอาจคลอดก่อนกำหนด มีน้ำหนักแรกเกิดน้อย ในรายที่มารดามีอาการรุนแรงอาจทำให้ทารกเสียชีวิตในครรภ์ได้
การป้องกันและการรักษา
- หาสาเหตุหรือปัจจัยส่งเสริมที่ทำให้เกิดอาการของโรคเช่นการติดเชื้อการสัมผัสสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้แนะนำให้หลีกเลี่ยงปัจจัยส่งเสริมเหล่านั้น
- ดูแลให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอโดยรักษาค่าออกซิเจนในเลือด (arterial blood gas) ให้กว่า 60 mmHg และ 02 saturation มากกว่าร้อยละ 95 ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจต้องใส่เครื่องช่วยหายใจและให้ corticosteroid
- การให้ยาขยายหลอดลมยาที่นิยมใช้และมีความปลอดภัยสูงคือ terbutaline และ-serenol แต่เนื่องด้วย terbutaline มีผลต่อการหดรัดตัวของมดลูกดังนั้นในระยะคลอดควรให้ sarin เสริมส่วน isoproterenol ใช้ควบคุมโรคที่มีอาการรุนแรงได้ดีแต่อาจทำให้ทารกผิดปกติได้จึงไม่ควรใช้ในระยะยาว
- ในหญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการของโรคไม่รุนแรงสามารถให้การดูแลเช่นเดียวกับหญิงตั้งครรภ์ปกติ
- ในระยะคลอดควรให้ยาระงับปวดชนิด non-histamine releasing nacrotic เช่น fentang ไม่แนะนำ meperidine หรือ morphine และในรายที่จำเป็นต้องให้ยาระงับความรู้สึกควรใช้ epidural แทน general anesthesia เพราะการใส่ท่อจะกระตุ้นให้หลอดลมหดเกร็ง
-
ผลของการตั้งครรภ์
ต่อมารดา
แท้งอัตราตายจะสูงขึ้น (30-60%) ในรายที่มี status asthmaticus คืออาการรุนแรงจนไม่มีการตอบสนองต่อการรักษา
-
-
-
-
แผนการพยาบาลมารดาและทารก
ระยะตั้งครรภ์
- หลีกเลี่ยงจากปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดอาการของโรคหอบหืด
- รับประทานอาหารให้ครบหมู่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอโดยเลือกวิธีที่เหมาะสมและพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
- เฝ้าระวังและป้องกันการติดเชื้อในร่างกายโดยเฉพาะการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบนด้วยการรักษาร่างกายให้อบอุ่นดื่มน้ำมากๆหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้หรือสัมผัสบุคคลที่เป็นหวัดสังเกตอาการผิดปกติเช่นไอมีเสมหะหายใจลำบากเป็นต้นหากมีอาการควรรีบมาพบแพทย์ทันที
- รายที่มีอาการหอบหืดและใช้ยารักษาควรให้คำแนะนำเรื่องการใช้ยาถ้าใช้ยาแล้วอาการไม่ดีขึ้นควรรีบมาพบแพทย์โดยเร็ว
- แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์นับการดิ้นของทารกในครรภ์ทุกวันเพื่อประเมินภาวะสุขภาพของทารกในครรภ์
- รายที่อาการของโรคกำเริบต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลควรดูแลดังนี้
- 1 ดูแลให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอเช่นจัดให้นอนท่าศีรษะสูงหรือให้ออกซิเจนตามแผนการรักษา
- 2 ดูแลให้หญิงตั้งครรภ์พักผ่อนอย่างเพียงพอจัดสิ่งแวดล้อมให้สงบและสะอาด
- 3 ดูแลให้ได้รับขยายหลอดลมยาขับเสมหะหรือยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
- 4 ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมงโดยเฉพาะการหายใจและสังเกตอาการหายใจลำบากกล้ามเนื้อไหล่และคอช่วยในการหายใจ
6.5 สังเกตอาการผิดปกติเช่นไอเสมหะมีสีเหลืองหรือเขียวหายใจลำบากหรือมีการใช้ขอรวยในการหายใจเยื่อบุหรือสีผิวเขียวคล้ำเป็นต้นถ้ามีอาการควรรายงานแพทย์
- 6 ดูแลความสะอาดของร่างกายและอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกเพื่อลดโอกาสการติดเชื้อของร่างกาย
- 7 ช่วยเหลือในการทำกิจวัตรประจำวันในหญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการอ่อนเพลียหายใจเหนื่อยหอบมาก
ระยะคลอด
เน้นเรื่องการสังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นเช่นอาการหายใจลำบากหายใจมีเสียง wheezing เป็นต้นในรายที่มีอาการของโรครุนแรงแพทย์อาจพิจารณาสิ้นสุดการตั้งครรภ์ด้วยการผ่าตัดคลอดทารกทางหน้าท้องหรือทำแท้งในรายที่เป็นโรคหอบหืดเรื้อรังและมีการทำงานของหัวใจและปอดแย่ลงควรดูแลช่วยเหลือแพทย์ในการทำหัตถการโดยเตรียมผู้คลอดและอธิบายให้ผู้คลอดและครอบครัวทราบเกี่ยวกับเหตุผลในการทำภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นและการปฏิบัติตัวเป็นต้น
-
ที่มา: ภาควิชาการพยาบาลมารดาทารกและผดุงครรภ์. 2562. เอกสารประกอบการสอนวิชาการพยาบาลมารดาทารก
และการผดุงครรภ์2 เล่ม1
-