Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สตรีตั้งครรภ์ที่มีโรคติดเชื้อร่วมกับการตั้งครรภ์ (โรคซิฟิลิส (การดูแลรักษา…
สตรีตั้งครรภ์ที่มีโรคติดเชื้อร่วมกับการตั้งครรภ์
โรคซิฟิลิส
อาการและอาการแสดง
ระยะที่ 2 ระยะนี้เชื้อแพร่ไปตามกระแสเลือด มี เกิดขึ้นหลังจากมีแผลริมเข็ง 4-10 สัปดาห์ มีผื่น แดงตามล าตัว ฝ่ามือฝ่าเท้า ตุ่มนูนแดง ผิวมัน ที่บริเวณอวัยวะเพศ
ระยะที่ 3 ประกอบด้วย แผลซิฟิลิสระยะที่ 3 ซิฟิลิสระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบประสาท
ระยะที่ 1 มีแผลริมแข็ง (chancre) ที่อวัยวะเพศหรือทวารหนัก ลักษณะเป็นตุ่มนูนแดง เรียบ ขอบแข็งไม่เจ็บ อาจมีต่อมน้ าเหลืองที่ขาหนีบโต หายเองใน 2-8 สัปดาห์
ผลของโรคต่อการตั้งครรภ์
ผลต่อมารดา แท้งบุตร น้ าคร่ำมาก คลอดก่อนกำหนด รกมีขนาดใหญ่และซีด เสี่ยงตกเลือดหลังคลอด
ผลต่อทารก
ซิฟิลิสแต่กำเนิดในระยะหลังได้แก่ ฟันหน้าผิดปกติ กระจกตา อักเสบ หูหนวก จมูกผิดรูป แข้งผิดรูป หรือมีความผิดปกติของระบบหลอดเลือดและหัวใจ
ทารกแรกเกิดน้ำหนักน้อย DFIU เกิดความผิดปกติ
เกิดความพิการต่อทารกได้เมื่อติดเชื้อหลังการตั้งครรภ์ 18 สัปดาห์ ถ้าเป็นในระยะที่ 1-2 และระยะ แฝงตอนต้น จะเกิดการติดเชื้อแต่กำเนิด
การตรวจคัดกรองและวินิจฉัย
VDRL เป็นการตรวจหาเชื้อที่ไม่เฉพาะเจาะจงต่อเชื้อโรคซิฟิลิส ตรวจเมื่อมาฝากครรภ์ครั้งแรก และตรวจซ้ำเมื่ออายุครรภ์ 32 สัปดาห์
TPHA / TPPA / FTA-ABSเป็นการตรวจหาภูมิต้านทานต่อเชื้อซิฟิลิส เป็นการตรวจยืนยันผลข้อ ที่ให้ผลบวก (reactive)
ลูก ตรวจ U/S พบทารกบวมน้ า ตับม้ามโต รกหนา น้ำคร่ำมากผิดปกติ ตรวจน้ำคร่ำด้วยเทคนิค PCR หาเชื้อ T. Pallidum
การดูแลรักษา
นัดฝากครรภ์เพื่อติดตามอาการตามปกติ และตรวจ titer เดือนละครั้งจนคลอด และตรวจต่อ ระยะ 3, 6, 12 เดือนหลังคลอด
พบการติดเชื้อที่ทารก ให้รีบคลอดและทำการรักษาหลังคลอด
การรักษาโรคระยะแรก ให้ยา benzatine penicillin 2.4 mu. im /wk x3 ครั้ง
ภายหลังการรักษาผล VDRL titer ควรลดลงจากเดิม 4 เท่าหรือากกว่าภายใน 6-12 เดือน เช่น 1:32 ลดเป็น 1:8 ส่วน TPHA/FTA-ABS มักให้ผลบวก (reactive) ไปตลอดชีวิตหลังรักษา
โรคเริม
อาการและอาการแสดง
ฟักตัว 3-6 วัน แล้วจึงมี อาการแสดงคือ มีตุ่มคัน เจ็บ และกลายเป็นตุ่มใส ต่อมาตุ่มจะแตกออกกระจายทั่วอวัยวะเพศ ไข้ต่ำๆ
Herpes simplex virus (HSV)
ผลของโรคต่อการตั้งครรภ์
แท้งสูงขึ้น 3 เท่า คลอดก่อนกำหนด ทารกเติบโตช้าในครรภ์
การติดเชื้อในทารกแรกเกิด
เสียชีวิตทารกแรกเกิด
การดูแลรักษา
ระยะคลอด
มีอาการการติดเชื้อครั้งแรกที่อวัยวะเพศในไตร มาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ มีรอยโรคที่อวัยวะเพศในช่วงเวลาคลอด หรือมีอาการแสบ คันที่อวัยวะเพศภายนอก แนะน าให้ผ่าตัดคลอด
ระยะก่อนคลอด
ติดเชื้อครั้งแรก ให้ยาต้านไวรัสจะช่วยลดระยะเวลาของการมีอาการ ลดการแพร่กระจายเชื้อและลดเวลาในการให้ยา
ติดเชื้อหรือเกิดโรคซ้ าให้การรักษาตามอาการ ใน รายที่มีประวัติการติดเชื้อเริมหรือมีอาการระหว่างการตั้งครรภ์ ให้ยาต้านไวรัสตั้งแต่อายุครรภ์ 36 สัปดาห์ จน คลอด
ระยะหลังคลอด
ีรอยโรคที่เต้านม ควรเลี่ยงการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่ถ้ามีรอยโรคที่อื่น สามารถให้นมได้ และระวังทารกไม่สัมผัสกับรอยโรค
โรคอุบัติใหม่: โรคไวรัสโควิด-19 (COVID-19)
การติดต่อ
สัมผัสละอองฝอย จากการไอ หรือจาม
อาการแสดง
ปวดกล้ามเนื้อ
ไอแห้งๆ
อาการไข้ อ่อนเพลีย
หายใจติดขัด
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
เม็ดเลือดขาวต่ำ lymphocyte
C-reactive protein สูงขึ้น
เกล็ดเลือดต่ำ ค่าเอนไซม์ตับและ creatinine phosphokinase สูงขึ้น
การตรวจยืนยัน real-time polymerase chain reaction(RT-PCR)
น้ าลาย จมูก ลำคอ เสมหะ
กรณีผลตรวจไม่พบเชื้อ ให้ตรวจซ้ าอีก 1 ครั้ง อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
การดูแลสตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโรคโควิด-19
กรณีที่มีอาการปานกลางหรือรุนแรง
ถ้าไม่เจ็บครรภ์
ให้ความสำคัญกับสุขภาพของมารดาเป็นหลัก
การตรวจเอกซเรย์ปอดและ/หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ช่องอก สามารถทำได้ โดยใช้ shield ป้องกันทารกในครรภ์- ตรวจติดตามการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์เป็นระยะๆ ตามความจำเป็น
ยุติการตั้งครรภ์ตามข้อบ่งชี้ด้านสูติศาสตร์หรือกรณีที่จะเป็นประโยชน์ต่อการกู้ชีพมารดา
ให้ยากลุ่ม corticosteroids เพื่อกระตุ้นการเจริญของปอดได้ ถ้าไม่มีข้อห้าม
ขณะเจ็บครรภ์คลอด
แนะนำให้สตรีตั้งครรภ์เดินทางมาด้วยยานพาหนะส่วนตัวหรือรถพยาบาลโดยแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าอยู่ ในระยะกักตัวของโรค และแจ้งจากเจ้าหน้าที่ห้องคลอดก่อนจะถึงโรงพยาบาล
บุคลากรที่จะดูแลผู้ป่วยต้องใส่ชุดป้องกันเต็มที่ และไปรับผู้ป่วยก่อนจะเข้ามาในเขตโรงพยาบาล ให้ผู้ป่วยสวมหน้ากากอนามัยจนกว่าจะเอาเข้าห้องแยกความดันลบ
จำกัดจำนวนบุคลากรที่ดูแลผู้ป่วยและเครื่องมือต่างๆ ให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น
ตรวจติดตามวัดไข้ อัตราการหายใจและความเข้มขนออกซิเจนในเลือด ควรให้มีค่ามากกว่าร้อยละ 9
ติดเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ (cardiotocography, CTG)
เฝ้าระวังอาการและอาการแสดงของภาวะ sepsis ระวังภาวะน้ำเกิน
การดูแลทารกหลังคลอด
ให้แยกทารกเข้าห้องความดันลบ (ถ้ามี) อย่างน้อย 14 วัน
กรณีมารดาไม่ต้องการให้แยกห้อง สามารถใช้ม่านกั้นได้ แต่มารดาควรอยู่ห่างจากทารกมากกว่า 6 ฟุต
ตรวจทารกแรกเกิดทุกรายว่าติดเชื้อหรือไม่ ทารกที่คลอดจากมารดาที่ติดเชื้อหรือสงสัยว่าจะติดเชื้อถือ ว่าเป็น PUI ด้วยเสมอ
การให้นมบุตร มารดาควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือก่อนและหลังจับตัวทารก ไม่ไอหรือ จามขณะให้นมบุตร หรือสามารถบีบนมให้ทารกดื่มได้ แต่ต้องล้างมือก่อนและหลังใช้เครื่องปั๊มนม
ญาติหรือผู้ช่วยดูแลทารกที่แข็งแรงดี ต้องสวมชุดหรือเครื่องป้องกันก่อนสัมผัสทารก
สตรีตั้งครรภ์ที่ตรวจยืนยันโรคแล้ว สัญญาณชีพปกติหรือ รุนแรง เช่น RR ≥30 ครั้ง/นาที O2sat < 93% ค่าความดันออกซิเจนในเลือดแดง (PaO2)/ความเข้มข้นของ ออกซิเจน (FiO2) <300 หรืออยู่ในภาวะช๊อค มีการหายใจล้มเหลวต้องใช้เครื่องช่วยหายใจหรือเครื่อง extracorporal membrane oxygenation(ECMO)
หูดหงอนไก่ (condyloma accuminata)
HPV ชนิด low oncogenic risk ได้แก่ สายพันธุ์ 6, 11, 42, 43, 44 ติดต่อทาง เพศสัมพันธ์หรือการสัมผัสเชื้อโรคโดยตรงและทางเพศสัมพันธ์
อาการและอาการแสดง
ตุ่มก้อนคล้ายดอกกะหล่ าที่ บริเวณอวัยวะเพศและทวารหนัก อาจพบในช่องคลอดและปากมดลูกร่วมด้วย
ผลของโรคต่อการตั้งครรภ์
ทารกอาจได้รับเชื้อขณะคลอดทาง ช่องคลอด
ขัดขวางการคลอดและการตัดฝีเย็บ
หลักการพยาบาล
ระยะคลอด
ระยะคลอดระวังตุ่มน้ำบริเวณแผลและอวัยวะเพศแตก ระวังถูกน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
ภายหลังศีรษะทารกคลอดควรรีบเช็ดตาทารกให้สะอาดทันที เช็ดเลือด/ สารคัดหลั่งจากตัวทารกให้มากที่สุด
ระยะหลังคลอด
ในรายที่หัวนมเต้านมปกติ สามารถให้นมแม่ได้ เน้นรักษาความสะอาดร่างกาย ล้างมือ ก่อน-หลัง สัมผัสทารก ระวังสัมผัสรอยโรค
แยกของใช้มารดาทารกที่มีการติดเชื้อ ไม่ใช้ปะปนกับรายอื่น
เน้นการมาตรวจตามนัดทั้งมารดาทารก
ระยะตั้งครรภ์
อธิบายสตรีตั้งครรภ์และครอบครัวเกี่ยวกับโรคและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น การแพร่กระจาย เชื้อ แผนการรักษา
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ อาการและอาการแสดง/รอยโรค
การรักษาความสะอาดร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศภายนอก ท าความสะอาดแผล/ ดูแลแผลอย่างถูกต้อง
ประทานยา/ทานยาตามแผนการรักษา