Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Internet Technology and Application (พัฒนาตำรา (บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเก…
Internet Technology and Application
คำอธิบายรายวิชา
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การส่งผ่านข้อมูลผ่านเครือข่าย การสร้างเว็บเพจ การเขียนโปรแกรมบนอินเตอร์เน็ตเพื่อประยุกต์ใช้งานในด้านต่างๆ
4122707-59
บทที่ 1 ความรู้เบี้ยงต้นเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต
1.1 ความหมายของอินเทอร์เน็ต
1.2 วิวัฒนาการและความเป็นมาของอินเทอร์เน็ต
1.2.1 ยุคของการริเริ่มและการก่อตั้ง
1.2.2 ยุคของการสื่อสารผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
1.2.3 ยุคของการสื่อสารผ่านระบบอินเทอร์เน็ตเต็มรูปแบบและบริการในอนาคต
1.3 อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย
1.4 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในงานด้านต่างๆ
1.4.1 ด้านการศึกษาเล่าเรียน
1.4.2 ด้านธุรกิจการค้า
1.4.3 ด้านการบันเทิง
1.5 บทสรุปท้ายบท
คำถามท้ายบท
แบบฝึกหัดท้ายบท
บทที่ 2 จดหมายอิเล็กทรอนิกส์
(MUT) นพกร บุญเลิศทวีสุข, 2561
2.1 การทำงานโครงสร้างและโปรโตคอลที่เกี่ยวข้องของอีเมล
2.1.1 โปรโตคอลของระบบอีเมลเกี่ยวข้องในการรับ-ส่งอีเมล
SMTP
POP
IMAP
MIME
Relay Host
2.2 ล็อกที่เกิดขึ้นจากระบบอีเมล
2.3 ระบบโดเมนเนม
Chapter 2 (767)
2.3 ระบบอิเล็กทรอนิกส์เมล์
2.3.1 จุดเด่นของระบบอิเล็กทรอนิกส์
2.3.2 อีเมล์แอรดเดรส
2.3.3 ระบบการทำงานของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
2.3.4 การรับส่งเมล์ระหว่างเครื่องใช้โปรโตคอล SMTP
บทที่ 3 การส่งผ่านข้อมูลผ่านเครือข่าย
บทที่ 4 การสร้างเว็บเพจ
บทที่ 5 การเขียนโปรแกรมบนอินเตอร์เน็ตเพื่อประยุกต์ใช้งานในด้านต่างๆ
บทที่ 2 อุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
2.1 อุปกรณ์เชื่อมต่อในระบบใช้สาย
2.2 อุปกรณ์เชื่อมต่อในระบบไร้สาย
พัฒนาตำรา
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต
บทที่ 2 อุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
บทที่ 3 การเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
บทที่ 4 บริการพื้นฐานผ่านเทคโนโลยีเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
บทที่ 5 การใช้สื่อสังคมออนไลน์
บทที่ 6 อินเทอร์เน็ตเพื่อสรรพสิ่ง
บทที่ 7 อีคอมเมิร์ช (ยังไม่ได้ทำ)
บทที่ 8 บล็อกเซน (ยังไม่ได้ทำ)
บทที่ 9 ปัญญาประดิษฐ์ (ยังไม่ได้ทำ)
บทที่ 7 บล็อกเซน
Chula: เกรียงไกร โภคานุกรม, 2560
SPU: วรวุฒิ บัวทองจันทร์, 2561
บล็อกเซน คือ โครงสร้างของการจัดเก็บข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบของบล็อกข้อมูลที่เชื่อมต่อกัน โดยในแต่ละบล็อกข้อมูลนั้นจะแสดงถึงประวัติหรือบันทึก (Ledger) ของการทำธุรกรรม ที่เปรียบได้กับสมุดบัญชีดิจิตอล (Digital signature) เพื่อให้ทราบว่าเป็นการทำธุรกรรมที่ถูกต้อง ครบถ้วนและไม่ได้ถูกแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงทำให้สมุดบัญชีดิจิตอลและข้อมูลของการทำธุรกรรมเหล่านั้นมีความถูกต้องของข้อมูลสูง
1) บล็อกเชนสาธารณ (Public Blockchain/ Permissionless Ledger)
บล็อกเชนสาธารณะ คือ บล็อกเชนแบบที่อนุญาตให้ใครๆ ก็ได้ สามารถที่จะร่วมบันทึกข้อมูลประวัติของการทำธุรกรรมดิจิตอลลงไปได้ โดยผู้เข้าร่วมในบล็อกเชนแบบนี้จะทำการจัดเก็บสำเนาบัญชีประวัติของการทำธุรกรรม (ledger) ทั้งหมดเอาไว้ด้วย โดยจะเห็นได้ว่าบล็อกเชนแบบนี้นั้น
จะไม่มีใครเพียงคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของบัญชีประวัติของการทำธุรกรรมเลย ซึ่งจะทำให้เหมาะกับการใช้งานแบบที่ต้องการป้องกันการถูกเซ็นเซอร์ หรือ censorship resistance อย่างเช่น บิทคอยน์ (Bitcoin) เป็นต้น
2) บล็อกเชนส่วนตัว (Private Blockchain/ Permissioned Ledger)
บล็อกเชนส่วนตัว คือ บล็อกเชนแบบที่อนุญาตให้เฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตหรือผู้ที่เชื่อถือได้เท่านั้น ที่จะสามารถทำการจัดเก็บสำเนาบัญชีประวัติของการทำธุรกรรมได้ ซึ่งเครือข่ายของบล็อกเชนแบบนี้มักจะมีเจ้าของที่แท้จริงอยู่ ทำให้มันเหมาะที่จะใช้งานกับระบบที่ต้องการความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ต้องการความรวดเร็วและความโปรงใส อย่างเช่น ธนาคาร เป็นต้น
ข้อดี
ตัวอย่างการนำบล็อกเชนมาปรับใช้กับการขับเคลื่อนของภาครัฐ
การบริหารจัดการอัตลักษณ์บุคคล (identity management)
การจัดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์
การลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
บิทคอยส์ (Bitcoin) คือ สกุลเงินในรูปแบบของดิจิทัล ถูกสร้างขึ้นมาด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ ไม่มีใครเป็นเจ้าของบิทคอยน์ ไม่มีรูปร่างและไม่สามารถจับต้องได้เหมือนธนบัตรหรือเหรียญเงินบาท บิทคอยน์ถูกสร้างขึ้นมาด้วยกลุ่มนักพัฒนากลุ่มหนึ่ง โดยระบบของบิทคอยน์ถูกรันโดยคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานทั่วโลก โดยใช้ระบบซอฟต์แวร์ในการถอดสมการคณิตศาสตร์
Bitcoin ถือเป็นสกุลเงินแรกของโลกที่ถูกเรียกว่าคริปโตเคอเรนซี (cryptocurrency) บิทคอยน์สามารถใช้แทนเงินสดซื้อสินค้าออนไลน์ อาจคล้ายกับระบบซื้อขายผ่านอินเทอร์เนตทั่วๆไป ที่ใช้บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต อย่างไรก็ตาม ความพิเศษของบิทคอยน์ ที่เป็นตัวช่วยให้มันเป็นที่นิยมคือมันถูกควบคุมแบบกระจาย (decentralize) กล่าวคือไม่มีสถาบันการเงินไหนสามารถควบคุมบิทคอยน์ได้ ซึ่งนั่นทำให้ผู้คนที่เลือกใช้บิทคอยน์ส่วนใหญ่สบายใจเนื่องจากแม้แต่ธนาคารก็ไม่สามารถควบคุมบิทคอยน์ได้ ทุกๆธุรกรรมที่เกิดขึ้นของบิทคอยน์นั้นจะถูกจัดเก็บข้อมูลด้วยระบบบล็อกเชน
Chula: ทัชนนท์ กุมมาลือและณัฏฐมณฑน์ กุลรัตนรักษ์, 2561
2.3 Blockchain เป็นการเก็บข้อมูล (Data Structure) รูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีรูปแบบการเก็บข้อมูลแบบไม่มีศูนย์กลาง (Distributed) โดยให้ทุกคนที่อยู่ในเครือข่ายเก็บข้อมูลชุดเดียวกัน เมื่อการแก้ไขอัพเดรตก็จะทำเหมือนๆ กันทุกคนในเครือข่าย เพื่อให้ทุกคนในเครือข่ายถือข้อมูลชุดเดี่ยวกันตลอด จึงทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะเชื่อถือได้แน่นอน โดยเทคโนโลยีนี้เป็นต้นกำเนิดของ Bitcoin หรือสกุลเงินดิจิตอลสกุลแรกของโลก
2.3.1 แนวคิดของ Blockchain
2.3.2 องค์ประกอบของ Blockchain
โหนด (Node) คือ เครื่องที่อยู่ในระบบเครือข่ายของ Blockchain
บัญชี (Ledger) บัญชีที่โหนดทุกๆ อันใช้เก็บการจดบันทึก Transaction ต่างๆ โดยในระบบ Blockchain จะเป็น Public Ledger
กุญแจ (Key) แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ Private key และ public key ซึ่งจะอยู่ในรูปแบบลายเซ็น (Signature) และกระเป๋า (Wallet) ใช้ในการทำธุรกรรมแบบต่างๆ
รายการบัญชี (Transaction)
ข้อตกลงร่วมกัน (Consensus)
การตรวจสอบความถูกต้อง (Validation)
2.3.3 การทำงานของ Blockchain
เกิดความต้องการในการส่งข้อมูลกันระหว่าง X และ Y
การยืนยันรายการบัญชี Transaction ภายใน Network
ยืนยันความถูกต้องของรายการบัญชีตามข้อตกลงร่วมกัน (Consenus)
Chula: ณัฐวัฒน์ กล่อมแก้ว และศุภฤกษ์ ศริพันธุ์, 2561
2.2 บล็อกเชน
2.2.1 การเก็บข้อมูลภายในบล็อกเชน
2.2.2 การเข้ารหัสและความปลอดภัยของบล็อกเชน