Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค (หลักการทั่วไปในการให้วัคซีน (1…
การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
ทารกได้รับภูมิคุ้มกันตั้งแต่ในครรภ์โดยผ่านรก
ภูมิคุ้มกันต่อโรคแบคทีเรีย จะหมดไปประมาณ 1-2 เดือนหลังคลอด
ภูมิคุ้มกันโรคจากเชื้อไวรัสอยู่ได้นานกว่า 6 เดือนหลังคลอด
การสร้างภูมิคุ้มกันโรคในเด็ก
การสร้างภูมิคุ้มกันโรคทางตรง
Actiive immunization :star:
คือ กระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเอง
ให้ antigen เข้าไปในร่างกาย เพื่อให้ร่างกายสร้าง antibody ขึ้นภายหลัง
สามารถป้องกันโรคได้เป็นปีๆ บางชนิดอาจอยู่ได้ตลอดไป
แบ่งออกเป็น3กลุ่ม
กลุ่มที่ 3 วัคซีนชนิดเชื้อมีชีวิต
เป็นวัคซีนที่ทำจากเชื้อเป็นที่ยังมีชีวิตอยู่แต่ทาให้ฤทธิ์อ่อนลงแล้ว
ใช้เวลาหลายวันจึงจะเกิดฏิกิริยากับร่างกาย
ได้แก่
OPV
MMR
BCG
varicellar vaccine
วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบ/JEชนิดมีชีวิต (ปัจจุบันนิยมใช้ )
Rota virus
กลุ่มที่ 2 วัคซีนชนิดเชื้อไม่มีชีวิต
วัคซีนที่ทามาจากแบคทีเรียหรือไวรัสทั้งตัวที่ทาให้ตายแล้ว
ได้แก่
วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบ/JE ชนิดไม่มีชีวิต
โรคไอกรน/Pertussis
กลุ่มที่ 1 ท๊อกซอยด์
ป้องกันโรคที่เกิดขึ้นเป็นผลจากพิษหรือท๊อกซิน
ได้แก่
โรคคอตีบ/Diptheria
โรคบาดทะยัก/Tetanus
การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคทางอ้อม
Passive immunization : :star:
เป็นการให้สารที่มีภูมิคุ้มกันโรคอยู่แล้ว (Antibody)
ป้องกันโรคได้ทันที
อยู่ในร่างกายได้ประมาณ 3-4 สัปดาห์
วิธีการให้วัคซีน
การฉีดเข้าในหนัง (intradermal) :star:
ใช้เมื่อต้องการลดจานวนantigen ให้น้อยลง
การฉีดเข้าใต้หนัง (subcutaneous route) :star:
ใช้กับวัคซีนที่ไม่ต้องการให้ดูดซึมเร็วเกินไป
การกิน (oral route) :star:
กระตุ้นภูมิคุ้มกันเฉพาะที่
การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ (intramuscular route) :star:
ใช้เมื่อต้องการให้การดูดซึมดี
บริเวณต้นแขน (deltoid) ได้ผลดี
บริเวณกึ่งกลางต้นขาด้านหน้าค่อนไปด้านนอก (mid anterolateral thigh) มักใช้ในเด็ก
ไม่แนะนำให้ฉีดบริเวณสะโพก
อาจเกิดอันตรายต่อ sciatic nerve
หลักการทั่วไปในการให้วัคซีน
1.วัคซีนหลายชนิดอาจให้พร้อมกันในวันเดียวกันได้
วัคซีนที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาในเวลาเดียวกันไม่ควรให้พร้อมกัน
วัคซีนชนิดเชื้อไม่มีชีวิต
ให้ห่างจากวัคซีนชนิดอื่นที่มีชีวิตหรือไม่มีชีวิตกี่วันก็ได้
ให้พร้อมกันได้ แต่ต้องให้ต่างตำแหน่ง
วัคซีนไวรัสชนิดเชื้อมีชีวิต
ถ้าไม่ได้ให้พร้อมกัน จะต้องเว้นห่างกันอย่างน้อย 1 เดือน
การให้วัคซีนห่างเกินกว่ากาหนดไม่ได้ทำให้ภูมิคุ้มกันเกิดน้อยลง
ผู้ที่เจ็บป่วยเล็กน้อยให้วัคซีนได้ เด็กที่ไข้สูงหายไข้แล้วค่อยฉีด
ผู้ที่ได้รับอิมมูโนโกลบุลิน พลาสม่า หรือเลือดมาไม่ถึง 3 เดือน ไม่ควรให้วัคซีนไวรัสที่มีชีวิต
เพราะAntibody จะเพิ่มมากขึ้น แล้วไปทาลายวัคซีนเชื้อมีชีวิตให้ตายหมด
เด็กที่เคยได้วัคซีนDTPแล้วมีไข้สูง >40.5 องศาเซลเซียส ภายใน 48 ชั่วโมงหลังฉีด แล้ววัคซีน
มีอาการชัก
ครั้งต่อไปไม่ควรให้วัคซีนรวม DTwP
ให้เฉพาะ DT
ุุ6. เด็กที่เคยแพ้ไข่ คือมีอาการปากบวม ลมพิษขึ้น
ไม่ควรให้วัคซีนรวม MMR ชนิดที่มาจากเซลล์เพาะเชื้อจากไข่
ทารกที่คลอดก่อนกำหนด ควรให้วัคซีนเหมือนเด็กที่เกิดครบกำหนด
แต่ถ้าเด็กยังอยู่ใน nursery ไม่ควรให้ OPV
เด็กที่มีภูมิคุ้มกันผิดปกติ
ต้องงดการให้วัคซีนเชื้อมีชีวิต
10.เด็กที่ได้ยากดภูมิคุ้มกัน
ไม่ควรให้วัคซีนที่ทำจากไวรัสที่มีชีวิต จนกว่าได้หยุดยาที่กดภูมิคุ้มกันไปแล้วอย่างน้อย 3 เดือน
ให้ท๊อกซอยด์ และวัคซีนชนิดเชื้อไม่มีชีวิตได้
11.เด็กที่ได้วัคซีนรวมDTwP แล้วเกิดอาการชักภายใน 3 วัน หรือมีอาการทางสมอง ภายใน 7 วัน
ไม่ควรได้รับวัคซีน DTwPในครั้งต่อไป
12.เด็กที่มีโรคทางระบบประสาท
โรคลมชักที่คุมไม่ได้
ไม่ควรให้วัคซีนป้องกันโรคไอกรนชนิด whole cell
โรคชักที่ควบคุมได้แล้ว
สามารถให้วัคซีนป้องกันโรคไอกรนได้
13.เด็กที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคชัก สามารถให้วัคซีนได้
14.การฉีดวัคซีนที่มี adjuvant ควรให้เข้ากล้ามเนื้อเท่านั้น
15.ตำแหน่งของการฉีดวัคซีนเลือกที่เกิดอันตรายน้อยที่สุดต่อหลอดเลือด เส้นประสาท และเนื้อเยื่อ
16.เด็กที่ติดเชื้อ HIV หรือเชื้อโรคเอดส์ ให้วัคซีนทุกชนิดได้เหมือนเด็กปกติ
ให้
BCG
เฉพาะเด็กที่ติดเชื้อเอ็ชไอวี
แต่ยังไม่มีอาการของโรคเอดส์
17.เด็กที่ได้รับยา กลุ่ม Steroid
ขนาดตั้งแต่ 2 mg/kg/day
ต่อเนื่องเป็นเวลาเกิน 2 สัปดาห์
ให้วัคซีนเชื้อมีชีวิตได้ต้องหยุดยา 1 เดือน
ถ้าไม่เกิน 2 สัปดาห์
หลังจากหยุดยาให้วัคซีนเชื้อมีชีวิตได้เลย
เด็กที่ได้รับยาเคมีบาบัดต้องรอให้หยุดยาเคมีบาบัดไปแล้ว 3-6 เดือนจึงจะให้ได้
18.ผู้ป่วยที่ได้รับยาสเตอรอยด์
สามารถให้วัคซีนได้เมื่อ
เป็นชนิดทาหรือฉีดเฉพาะที่
ได้รับยาขนาดต่ำ
ขนาดสูง (> 2 มก./กก./วัน)
ไม่ควรให้วัคซีนเชื้อเป็นจนกว่าจะหยุดยา ไปแล้วหนึ่งเดือน
ได้รับยามาน้อยกว่า 2 สัปดาห์ให้วัคซีนได้
การให้วัคซีน
กรณีเริ่มเมื่ออายุ 1-6 ปีขึ้นไป :star:
เดือนที่1
DTP-HB2
OPV2
LAJE1
เดือนที่2
MMR2
พบเด็กครั้งแรก
OPV1
IPV1
ให้แค่อายุ<7ปีและเด็กป.1
MMR1
BCG
ให้เมื่อแรกเกิดไม่ได้รับและไม่มีแลเป็น
ไม่ให้ในเด็กที่ติดHIVที่มาอาการ
DTP-HB1
เดือนที่4
DTP-HB3
OPV3
เดือนที่12
DTP4
OPV4
LAJE2
กรณีที่เริ่มเมื่ออายุ 7 ปีขึ้นไปปี : :star:
เดือนที่2
dT2
OPV2
HB2
เดือนที่7
HB3
เดือนที่1
LAJE1
HB1
เดือนที่12
dT2
OPV2
HB2
พบเด็กครั้งแรก
dT1
IPV
OPV1
MMR/MR
BCG
ให้เมื่อแรกเกิดไม่ได้รับและไม่มีแลเป็น
ไม่ให้ในเด็กที่ติดHIVที่มาอาการ
เด็กปกติทั่วไป :star:
9-12 เดือน
MMR1
LAJE1(เชื้อเป็น) :
18 เดือน
OPV4
( ฉีดกระตุ้น )DTwP 4
2-2 ½ ปี
MMR2
LAJE2(เชื้อเป็น)
2,4,6 เดือน
OPV1,2,3
DTwP-HB-Hib 1,2,3
Rota 1,2,3
4 เดือนเพิ่ม IPV1
4 ปี
OPV5
( ฉีดกระตุ้น )DTwP5
1 เดือน
HB2
ป. 5
HPV1
HPV2
ให้ห่างกันอย่างน้อย 6 เดือน
แรกเกิด
BCG
HB1
ถ้าแม่ HBsAg HBeAg positive
เพิ่ม HBIG
ชนิดของวัคซีน
วัคซีนป้องกันวัณโรค BCG :star:
วัคซีนแบคทีเรียเชื้อมีชีวิต
ฉีดเข้าในผิวหนังครั้งละ 0.1 cc.ที่ไหล่ซ้าย
ปฏิกิริยาหลังฉีด
เกิดตุ่มสีขาวซีดโตขึ้นกลายเป็นฝีขนาดเล็ก มีหนองสีครีมขาว
เป็นตุ่มหนอง 2-4 สัปดาห์
ห้ามใส่ยา Antibictic
ใช้น้าต้มสุกเช็ด ห้ามแคะ แกะ เกา
ข้อห้ามให้วัคซีน
ผู้ป่วยที่มีแผลไฟไหม้ น้าร้อนลวก แผลติดเชื้อที่ผิวหนัง
ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ
ผู้ป่วยที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กาเนิดผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน DTP :star:
DTwP เป็นวัคซีนคอตีบ บาดทะยัก และวัคซีนไอกรน
แบบทั้งเซล Whole cell Pertussis vaccine
DTaP เป็นวัคซีนคอตีบ บาดทะยัก และวัคซีนไอกรน แบบ
ไร้เซล Acellular pertussis vaccine
เป็นเฉพาะส่วนของวัคซีนไอกรนที่สามารถกระตุ้นให้เกิดภูมต้านทานได้
ปฏิกิริยาภายหลังฉีด
ไข้หลังฉีดภายใน 1-3 วันได้
หลังฉีดอาจ ปวด บวม แดง ร้อนในตาแหน่งที่ฉีดได้
ถ้ามีโปลิโอระบาดจะไม่ฉีดให้
ข้อควรระวัง
ไม่ควรฉีดในเด็กที่มีประวัติชัก หรือโรคระบบประสาท
ไม่ฉีดให้กับเด็กระยะที่มีโปลิโอระบาด ไม่ควรฉีดในเด็กป่วยหรือกาลังมีไข้
ห้ามให้ DTP ในเด็กอายุเกิน 6 ปี เพราะเด็กอาจมีอาการทางสมองจากวัคซีนไอกรนได้ ให้ใช้ dT แทน
วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ (Poliomyelitis Vaccine) :star:
ชนิดเชื้อไวรัสมีชีวิตที่ทำให้มีฤทธิ์น้อยลง
มี2ชนิด
กิน OPV
ภูมิต้านทานจะเกิดที่เยื่อบุลำไส้
ฉีด IPV
ความรู้ทั่วไป
ไม่มีข้อห้ามจากWHOสำหรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV
3,ระหว่างที่ให้วัคซีน ไม่ต้องงดนมแม่
2.ชนิดกิน ระวังในเด็กที่ได้รับการรักษาด้วยยา Steroid หรือในเด็กที่มีปัญหาภูมคุ้มกันบกพร่อง
1.ให้พร้อมกับวัคซีนอื่นได้ แต่ถ้ากรณีที่ให้ร่วมกับวัคซีนเชื้อมีชีวิตด้วยกัน ถ้าไม่ให้พร้อมกันต้องเว้นห่างกัน1เดือน
วัคซีนป้องกันโรคหัด หัดเยอรมัน คางทูม MMR :star:
ถ้ามีการระบาดของโรค
้ฉีดตั้งแต่อายุ 6 เดือน , 9 เดือน ,4-6 ปี
เป็นวัคซีนเชื้อมีชีวิต
ให้พร้อมกับวัคซีนอีสุกอีใสได้ แต่ถ้าไม่ได้ให้ใวันเดียวกันได้ต้องเว้นห่างกัน 1 เดือน
ปฏิกิริยาที่พบหลังฉีด
หลังฉีดไปได้ 5-12 วัน มีไข้ มีผื่นออกจางๆในรายที่มีประวัติแพ้ไข่แบบ Anaphylaxis ต้องงดให้
เป็นวัคซีนที่เตรียมจากการเลี้ยงเชื้อไวรัสในไข่ไก่
วัคซีน HIB Haemophilus influenza type B :star:
ป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
ในวัคซีนพื้นฐาน เข็มเดียวป้องกันได้ 5 โรค
DTwP-HB-Hib
ผลข้างเคียงของวัคซีน
มีอาการปวด บวม แดง ร้อนบริเวณที่ฉีดวัคซีน
มีไข้สูง มีผื่นขึ้นบริเวณผิวหนัง เด็กจะหงุดหงิดร้องกวนงอแง
วัคซีนโรต้า(Rota virus) :star:
ป็นวัคซีนป้องกันการติดเชื้อทางเดินอาหารที่รุนแรงในเด็ก
มีข้อกำหนด
ครั้งแรกต้องให้ในเด็กอายุไม่เกิน 15 สัปดาห์
ครั้งที่ 2 และ3 เด็กต้องอายุไม่เกิน 32 สัปดาห์
เด็กที่มีอายุระหว่าง 5-12 เดือน เป็นช่วงอายุที่มีโอกาสเกิดลาไส้กลืนกัน
ให้วัคซีนชนิดนี้ก็จะยิ่งส่งเสริมให้เกิด
วัคซีนเชื้อเป็น
วัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบ เจอี (Japanese Encephalitis) :star:
ฉีด 2 ครั้ง พร้อม MMR
ขนาดของวัคซีน 1 dose คือ 0.5 ml.
วัคซีน HPV :star:
เป็นวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
มีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อฉีดในวัยที่ยังไม่มีเพศสัมพันธ์มาก่อน
ฉีดได้ในช่วงอายุ 9-26 ปี แต่จะ
เน้นในช่วงอายุ 11-12 ปี
ป้องกันมะเร็งช่องคลอด และหูดอวัยวะเพศ ได้ทั้งเพศหญิงและเพศชาย
การให้คำแนะนำในการให้ภูมิคุ้มกันโรคและวัคซีนเผื่อเลือก
วัคซีนอีสุกอีใส varicella vaccine
ผลิตจากเชื้อไวรัสฃ Varicella Zoster Virus: VZV ในคน แต่ถูกทาให้ฤทธิ์อ่อนลง
ให้จำนวน 2 เข็ม
ห่างกันอย่างน้อย 4-8 สัปดาห์
ให้เริ่มฉีดตั้งแต่เด็กมีอายุ 1 ปีขึ้นไป
เข็มแรกเมื่ออายุ 12-18 เดือน
กระตุ้นอีกครั้งเมื่ออายุ 4-6 ปี
มีการระบาดของโรคฉีดเข็มที่ 2 ก่อนอายุ 4 ปี
ห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 3 เดือน
เด็กอายุ 13 ปีขึ้นไปและไม่เคยฉีด
ฉีดวัคซีนเข็มแรกและเข็มที่ 2 ห่างกันอย่างน้อย 1 เดือน
ผลข้างเคียง
มีอาการปวด บวมแดง คัน หรือช้าบริเวณที่ฉีดวัคซีน
มีไข้ต่ำหรือเกิดผื่นขึ้น เล็กน้อย
การบริหารและการจัดเก็บวัคซีน : :star:
ห้ามเก็บวัคซีนที่ฝาประตูตู้เย็น ต้องใส่วัคซีนไว้ในกล่องพลาสติก
ป้องกันการสูญเสียความเย็น
OPV เก็บในช่องแช่แข็ง
ห้าม เก็บในถาดรองใต้ช่องแช่แข็ง
ป้องกัน กล่องวัคซีนเปียกน้าหรือฉลากหลุดลอก
วัคซีน MMR/MR, BCG และ JE ผงแห้ง เก็บอุณหภูมิ +2 ถึง +8 องศาเซลเซียส
อ้างอิง( กัลยา ศรีมหันต์,2563)
นางสาววิยะดา ลินลา 36/2 เลขที่27