Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Asthma (วิตกกังวลกับการเจ็บป่วย (ให้การพยาบาลผู้ป่วยโดยดูแลให้ผู้ป่วยนอนศี…
Asthma
-
ติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ
การพยาบาลที่ให้ ติดตามวัดสัญญาณชีพ สังเกตการเปลี่ยนแปลงที่บ่งถึงการติดเชื้อ เช่นอุณหภูมิในร่างกายสูงข้ึนหัวใจเต้นเร็วความดันโลหิตต่ำ
-
-
-
-
-
อาการแรกรับ
-
ผลการตรวจทางโลหิตวิทยา
มี WBC 13,600 cell/mm3 Neutrophil 69.6 % Lymphocyte 24.9 % Hct 41.5% platelet 497,000 cell/mm3
ผลตรวจเกลือแร่พบว่า โซเดียม 144 mmol/dl โพแทสเซียม 4.84 mmol/dl คลอไรด์ 106 mmol/dl ไบคาร์บอเนต 28 mmol/dl
มีประวัติเป็นโรคหอบหืด9ปีรักษาโดยการรับประทานยาและพ่นยาเมื่อมีอาการผู้ป่วยมีประวัติ หอบหืดมารักษาที่ห้องฉุกเฉินและห้องตรวจผู้ป่วยนอกเป็นประจำไม่มีโรคประจำตัวอื่น ไม่มีประวัติแพ้ยา แพ้อาหารไม่เคยสูบบุหรี่หรือยาเสพติดอื่นๆ
-
ผู้ป่วยหญิงไทยอายุ36ปีสถานภาพสมรสคู่ อาชีพรับจ้างทำงานในโรงงานพลาสติกรูปร่างสันทัดผิวขาวรู้สึกตัวดีช่วยเหลือตนเองได้
-
โรคหอบหืด
วินิจฉัยโรคหอบหืด
ประวัติ
- ไอ แน่นหน้าอก หายใจมีเสียงหวีด และหอบเหนื่อยเป็นๆ หายๆ ผู้ป่วยมักจะมีอาการดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลากลางคืนหรือเช้ามืด อาการดัง กล่าวอาจพบได้ เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรืออาจพบอาการหลายๆ อาการ เกิดขึ้นพร้อมกันก็ได้
- อาการจะเกิดขึ้นเมื่อได้รับสิ่งกระตุ่นและอาการดังกล่าวอาจหาย ไปได้เองหรือหายไปเมื่อได้รับยาขยายหลอดลม
- มีอาการเมื่อได้รับสิ่งกระตุ้น เช่นสารก่อภูมิแพ้ การติดเชื้อไวรัส ความเครียด ควันพิษ และมลพิษอื่น ๆ
- มักพบร่วมกับอาการภูมิแพ้อื่น ๆ เช่น allergic rhinitis, aller- gic conjunctivitis และ allergic dermatitis
- มีประวัติสมาชิกในครอบครัว เช่น พ่อ แม่ หรือพี่น้องป่วยเป็น โรคหืด
- มีอาการหอบหืดเกิดขึ้นหลังออกกําลังกาย
การตรวจร่างกาย
อาจมีความแตกต่างกันในแต่ละราย เช่น อาจตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติ เมื่อไม่มีอาการหอบหืด ในขณะที่มีอาการหอบหืดจะตรวจพบว่า มีอัตราการหายใจเพิ่ม ขึ้น มีอาการหายใจลําบากหรือ หอบ และอาจได้ยินเสียงหวีดจากปอดทั้ง สองข้าง ทั้งนี้จากลักษณะทางคลินิคดังกล่าวจําเป็นต้องวินิจฉัยแยกโรคจากโรคหรือสภาวะอื่น ๆ ที่มักมีอาการคล้ายคลึงกัน เช่น
-
- Acute pulmonary edema -
Foreign body aspiration
- Gastro-esophageal reflux -
Bronchiectasis
-
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการที่สำคัญ ได้แก่ การวัดการอุดกั้นของทางเดินหายใจด้วยเครื่อง spirometry เช่นการวัด FEV1 [force expiratory volume in one minute] หรือวัดเครื่อง peak flow meter เพื่อวัด PEF [peak expiratory flow] แพทย์อาจวัดค่าผันผวนของ PEFที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงวัน เช่น เช้า กลางวัน เย็น ในระยะเวลา1-2 สัปดาห์ ถ้ามีความผันผวนของค่าสูงสุดและต่ำสุดมากกว่าร้อยละ20 ถือว่าเป็นหอบหืด
ค่าผันผวน=(PEFสูงสุด-PEFต่ำ)*100)หารด้วย(PEFสูงสุด-PEFต่ำ)/2
FEV1 คือการวัดความเร็วของลมที่เป่าออกมาอย่างแรงที่เวลา 1 วินาที นับตั้งแต่เริ่มเป่า
-
-
-
-
-
อาการแสดงของโรคหอบหืด
ผู้ป่วยโรคหอบหืดจะมีอาการไอ มีเสมหะ แน่นหน้าอก หายใจไม่อิ่ม หายใจมีเสียงหวีด และเหนื่อยหอบ โดยอาการจะเป็นๆ หายๆ ส่วนใหญ่เป็นช่วงกลางคืนหรือเช้ามืด และหลังจากสัมผัสปัจจัยกระตุ้นต่างๆ
อาการของโรคมีตั้งแต่ไม่รุนแรงมาก คือ ไออย่างเดียว มีอาการเป็นช่วงสั้นๆ หอบนานๆ ครั้ง ไปจนถึงอาการรุนแรงมาก เช่น หอบทุกวัน หรือมีอาการตลอดเวลาจนไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
สาเหตุการเป็นโรคหอบหืด
มี2ปัจจัย
-
โรคหอบหืดเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ผู้ที่มีบิดา มารดา หรือญาติเป็น จะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าคนทั่วไป
พยาธิสรีรวิทยา
โรคหืดเกิดจากการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม ซึ่งเป็นผลจากปัจจัย ทางพันธุกรรม และปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม เช่น สารก่อภูมิแพ้ ทําให้มีการ อักเสบเกิดขึ้นตลอด เวลาการกระตุ้นของสารเคมี ที่ก่อการอักเสบที่เรียกว่า Th2 Cytokine อันได้แก่ interleukin (IL)-4 IL-5 และ IL-13 ซึ่งสร้าง จากเม็ดเลือดขาว ทีลิมโฟซัยต์ (T-lymphocyte)7-8 สารเหล่านี้ออกฤทธิ์ ใน การเรียกเม็ดเลือดขาวต่างๆ โดยเฉพาะ eosinophil เข้ามาในหลอดลม9-
และกระตุ้นการสร้างสารคัดหลั่ง (mucus) ของหลอดลม ทําให้ผู้ป่วยเกิด อาการไอและหายใจไม่สะดวกจากหลอดลมตีบจากการอักเสบ และสาร เหล่านี้จะมีปริมาณเพิ่มขึ้น หลังจากผู้ป่วยสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ จึงทําให้ ผู้ป่วยเกิดอาการหอบหืดมากขึ้น ในรายที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง การอักเสบเรื้อรังของหลอดลมนี้ อาจนําไปสู่การเกิดพังผืด และการหนาตัว อย่างมากของผนังหลอดลมที่เรียกว่ามีภาวะ airway remodeling เกิด ขึ้น ซึ่งมีผลทําให้มีการอุดกั้นของหลอดลมอย่างถาวร
การรักษา
การอักเสบของเยื่อบุหลอดลมในผู้ป่วยโรคหอบหืดนั้น หากเกิดขึ้นเป็นเวลานานอาจทำให้หลอดลมเปลี่ยนแปลงรูปร่างและการทำงานได้ ซึ่งผลที่ตามมาคือสมรรถภาพปอดของผู้ป่วยจะต่ำกว่าปกติและหลอดลมไวต่อสิ่งกระตุ้นอย่างถาวรการรักษาโรคหอบหืดจึงควรกระทำแต่เนิ่นๆ
แนวทางในการรักษาโรคหอบหืดประกอบไปด้วย การรักษาภาวะอักเสบเพื่อควบคุมอาการของโรคให้สงบลง และการป้องกันอาการกำเริบด้วยการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นต่างๆ ที่ทำให้เกิดอาการหอบหืด เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
กลุ่มยาควบคุมหรือระงับการอักเสบของหลอดลม เช่น ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ชนิดสูดพ่น (inhaled corticosteroids)
กลุ่มยาบรรเทาอาการ ได้แก่ ยาขยายหลอดลมซึ่งมีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อหลอดลมคลายตัวและขยายตัว จึงช่วยลดอาการไอ เหนื่อยหอบ หายใจไม่สะดวก ยานี้ควรใช้เฉพาะเมื่อมีอาการ และไม่มีผลในการลดอาการหลอดลมอักเสบ
-
-
-
นางสาวชุติกาญจน์ พร้อมมูล เลขที่30 36/1 รหัสนักศึกษา 612001031
อ้างอิง : คณาจารย์สถาบันบรมราชนก.(2555) การพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ เล่ม 2 . พิมพค์ . ร้ัง. ที่ 2. กรุงเทพมหานคร: โครงการสวสั ดิการวชิ าการ สบช
: ปราณี ทู้ไพเราะ. การผันแปรออกซิเจนและการระบายอากาศ . กรุงเทพมหานคร: บริษัทลิฟ วิ่งทรานส์มีเดียจำกัด2560