Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
แนวคิดทฤษฎีการบริหาร (แนวคิดแบบดั้งเดิม-ใหม่ (Neo- Classical…
แนวคิดทฤษฎีการบริหาร
แนวคิดแบบดั้งเดิม-ใหม่
(Neo- Classical organization approach)
Douglas McGregor ได้เสนอทฤษฎี X และ ทฤษฎี Y ยํ้าให้เห็นความสําคัญการมองแบบนี้ว่า Polarizationผู้บริหารต้องเฝ้าระวังบุคคลในองค์กร
ว่ามีพฤติกรรมเป็นตามทฤษฎี x หรือทฤษฎี y ถ้าบุคคลในองค์กรเป็นทฤษฎี x
ผู้บริหารต้องใช้หลักการควบคุมแบบบังคับขู่เข็ญในการทํางาน
ให้ประสบความสําเร็จ
Elton Mayo ผลการศึกษา เรียกว่า Howthorne study ศึกษา
ปัจจัยที่มีผลต่อการทํางาน คนงานมีความพึงพอใจเมื่อได้ร่วมงานกับคนที่เขาต้องการ
Hugo Munsterberg ใช้หลักจิตวิทยาในการดําเนินงาน ได้รับการยกย่องเป็นบิดาด้านจิตวิทยาอุตสาหกรรม
Frederick Herzberg การที่คนงานมีความพึงพอใจหรือไม่พึงพอใจ
ปัจจัยที่ทําให้ไม่พึงพอใจ เรียกว่า ปัจจัยอนามัย (Hygiene factor)
ปัจจัยที่สร้างความพึงพอใจ เรียกว่า ปัจจัยจูงใจ (motivation factor)
Maslow : Abraham H. Maslow ทฤษฎีความต้องการตามลำดับขั้นของ ว่าด้วยการจัดอันดับขั้นของความต้องการของมนุษย์
Herzberg's Motivation Hygiene Theory ทฤษฎีการจูงใจ
พวกที่ 2 ปัจจัยอนามัย หรือ องค์ประกอบที่สนับสนุนความไม่พอใจในการทํางาน
พวกที่ 1 ตัวกระตุ้น คือ องค์ประกอบที่ทําให้เกิดความพอใจ
แนวคิดการบริหารสมัยดั้งเดิม
(The-Classical organization approach)
แนวคิดทฤษฎีการบริหาร (Administration Theory)
Henry F. Fayol วิเคราะห์ลักษณะเฉพาะและศึกษาหลักการทำงานในระดับผู้บริหาร
หลักการ (Principles) หลักการแบ่งงานกันทำ หลักอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบ : 14 หลักการ
หน้าที่ที่สำคัญของผู้บริหาร ; วางแผน จัดองค์กรบังคับบัญชา ประสานงาน ควบคุม งานแต่ละงานเกี่ยวข้องกัน
บิดาแห่งทฤษฎีบริหาร (Father of AdministrationTheory)
James D. Mooney and Alen C. Reiley มองว่า องค์กรเป็นความหลากหลาย จะทำงานให้สำเร็จต้องได้รับความร่วมมือและพึ่งพาซึ่งกันและกัน เพิ่มแนวคิด
ต่อจาก Fayol คือ หลักความร่วมมือ ในแนวตั้งและแนวนอน
หลักกระบวนการสายบังคับบัญชา
Lyndall Urwick and Luther Gulick ผู้บริหารควรพิจารณาจัดวางคนให้เหมาะสมตามโครงสร้างองค์กร เสนอหลักการบริหาร POSDCORB
(นำแนวคิดของ taylor, fayol, mooney และนักทฤษฎีสมัยดั้งเดิมคนอื่นๆรวม
แนวคิดทฤษฎีระบบราชการ (Bureaucracy Theory)
Max Weber บุคคลมีความแตกต่างกัน เป็นหน้าที่ผู้บริหารปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้เขาปรับสภาพเข้ากับลักษณะการบริหารขององค์กร
การกำหนด กฎ วินัยและการควบคุม ทุกคนยึดมั่นในกฎจะทำให้องค์กรมั่นคง
ข้อผูกมัดระยะยาวในอาชีพ ทำงานได้ตลอดชีวิตแสดงถึงความมั่นคงในอาชีพ
หลักโครงสร้างตามสายบังคับบัญชา อำนวยการ สั่งการละควบคุมตามสายบังคับบัญชา
ความมีเหตุมีผล ผู้บริหารยึดหลักเหตุผลในการบริหารงาน
หลักการแบ่งงานกันทำ ตามความชำนาญ มีการฝึกงานและเรียนรู้งาน
อำนาจหน้าที่ตามโครงสร้างองค์การ เป็นอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากองค์กร
แนวคิดการจัดการเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific Management)
Frank Bunker Gilbreth and LillianM.Gilbreth ให้ความสำคัญกับคน เวลา เครื่องมือที่ใช้ในการทำงาน
Henry L. Gantt พัฒนาระบบการจ่ายค่าตอบแทนขั้นตํ่าสำหรับคนงานทุกคน (ตรงข้ามกับ Taylor) และใช้วิธีบันทึกผังการทำงานด้วยกราฟแทนวิธี
จดบันทึกหรืออธิบายด้วยคำพูด
Frederick Winslow. Talor บิดาแห่งการจัดการแบบวิทยาศาสตร์
จัดการบริหารธุรกิจ หรือโรงงานให้มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลสูงสุด คนที่ทำงานมากควรได้รับค่าตอบแทนมาก คนที่ทำงานน้อยจะได้รับ
ค่าตอบแทนน้อย เจ้าของตำรับ “The one best way”
Harrington Emerson เห็นความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในองค์การ
การจัดการที่เป็นระบบจะทำให้องค์กรลดความสูญเสียหรือสิ้นเปลือง สามารถทำงานทำงานได้ง่ายและเหมาะสม
แนวคิดสมัยใหม่ (Modern approach)
Chester I.Barnard ระบบความร่วมมือ โดยมองคนในองค์การทั้งระบบ ผูกสัมพันธ์ ส่งเสริมให้ร่วมแรงร่วมใจ เปิดโอกาสให้ติดต่อสื่อสารทําให้เกิดกลุ่มที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน
W.Edwards deming การบริหารคุณภาพโดยรวม (total quality management)
การมุ่งสู่ความเป็นเลิศ
Mary Parker Follett ปัจจัย 3 ประการ คือ อํานาจ ความขัดแย้ง และภาวะผู้นํา
จุดเด่นคือการประสานงานหรือการสร้างความร่วมมือ
แนวคิดเชิงสถานการณ์ (Contingency theory)
Tom Burns and G.M.Stalker
องค์กรเสมือนมีชีวิต ให้ความสนใจกับปัจจัยภายนอกมากกว่าปัจจัยภายในเพราะมีความไม่แน่นอน
องค์กรเสมือนเครื่องจักรกล ไม่สนใจสภาพความเป็นอยู่ ไม่มีการกระตุ้นจูงใจ ใช้ระบบบังคับบัญชาที่เข้มงวด
Paul R.Lawrence and Jay W. Lorsch’s องค์กรไม่สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมภายนอกได้ องค์กรต้องปรับเปลี่ยนสภาพภายในองค์กรให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยน